18 พฤษภาคม 2550 10:19 น.

"ฤๅ รักคือความฝันที่มั่นคง"

กวีปกรณ์

"คืออะไรหนอความรัก"
อยากประจักษ์แจ้งจินต์สิ้นสับสน
หลายอารมณ์รู้สึกซ่อนอ้อนกมล
อยากยินยลความรักบ้างสักครา

ห้วงอารมณ์อันอ่อนไหว
หลอกตัวเองว่าใจเจ้าแกร่งกล้า
แท้ที่จริงกลับสะอื้นรื้นน้ำตา
ร้าวอุราอารมณ์ต้องตรมตรอม

จากกาลนี้จวบกาลไหน
ฉันจักไขว่คว้ารักมาถนอม
อาจเจ็บบ้างบางคราครั้งยังยินยอม
ขอให้รักร้อยอุ่นอ้อมมาโอบใจ

แต่ไม่รู้ว่าสักกี่คราครั้ง
ที่พ่ายพลั้งพลาดกลรักจนได้
รัก หรือเจ้านิยมนักหักหทัย
แล้วเสพสุขบนทุกข์ใคร ใช่ไหมรัก

เมื่อแรกเริ่มเรียนรู้
คล้ายสร้อยสุขสวมคล้องดั่งทองถัก
อารมณ์อ้อนอ่อนไหวดวงใจนัก
ยากห้ามหักรู้สึก เพียงนึกคิด

เจ็บเจียนจนจะสิ้นใจ
มิเคยคิดเภทภัยคนสนิท
รักร้ายรุกล้ำช้ำบาดพิษ
ตาบอดใบ้มืดมิด...ด้วยพิษรัก

ฤๅ รักเพียงคำนิยามลวง
ทุกถ้อยท่วงที่กล่าวราวกับดัก
ให้อารมณ์อ่อนไหวใคร่ทายทัก
แล้วจึงหักหาญจินต์ให้สิ้นไป

ทุกค่ำคืนที่เคลื่อนคล้อย
ฉันเพียงฝันเลื่อนลอย คอยคว้าไขว่
ด้วยยังหวังหมายรักมาพักไว้
ท่ามดวงใจในนิทราท่ามราตรี

"ฤๅ รักคือความฝันที่มั่นคง"
ฉันปลอบปลงดวงใจเพียงเท่านี้
ความขื่นขมอ่อนไหวในใจมี
หวังจบลงสักที...หากมีรัก				
13 พฤษภาคม 2550 15:33 น.

ปีก

กวีปกรณ์

สงครามขุ่นแค้นบนแผ่นหล้า
สนุกคิดเข่นคร่า อกข้าขื่น
อยากลี้หนีหายจากปลายปืน
ยามนี้หยัดยืนด้วยฝืนกาย

แหงนมองหมู่นกเจ้าผกผิน
จากถิ่นเถื่อนทางร้างจุดหมาย
สันติ เสรี เริ่มวอดวาย
ถนนทุกสายระบายชาด

ครวญใคร่ใฝ่ปองมองปีกเจ้า
เหลียวเงาของตนใต้เบื้องบาท
ร่างเทาทาทับราวกับวาด
กายธาตุที่แท้เพียงแค่คน

ใคร่แขนแทนปีกบินหลีกโลก
ท่ามโศกสงครามทุกคราหน
แล้วกู่ก้องร้องไกลในเบื้องบน
บอกใบ้หมู่ชนอย่าหม่นใจ

สอยขนเส้นบางสร้างความหวัง-
สันติภาพ ตราบยังยืนหยัดไหว
อย่าคิดแค่อยากจงจำไว้
ขยับสองแขนไป...สร้างได้เอง 

				
2 พฤษภาคม 2550 16:55 น.

สุดท้าย

กวีปกรณ์

ทั้งชีวิตเพียงเงาเคล้าเคียงข้าง
เหมือนหมอกหม่นห่มร่างยามคว้างฝัน
ชีวิตนี้จักเหงาเท่าไรกัน
ฤๅ กับดักอดีตนั้นกักกั้นใจ

คอยซุกซ่อนฝันและหวังฝังลงพื้น
ปลอบตัวเองทุกคืนคงได้ใช้
ที่ผ่านมาเพียงผลัดวันประกันไป
ค่อยคลายร้างหว่างใจในทรงจำ

ที่มาดหมายหมดล้วนคือหวนคืน
ย้อนรักฟื้นสู่จินต์จนสิ้นช้ำ
คงยากย้อนหากร้างทางรักนำ
ให้พ้นผ่านคืนค่ำอันกล้ำกลืน

ก่อนนั้นเคยลองแหงนมองฟ้า
กลับสิ้นแสงดาราอันดาษดื่น
ยังย้ำคอยมองหาทุกคราคืน
น้ำตารื้นร่ำไห้ไม่เห็นดาว

บอกตัวเองอีกครั้งอย่าพลั้งพ่าย
แม้ลมร้ายลวงใจให้เหน็บหนาว
บนฟ้านั่นคงมีแสงอันแจ้งพราว
ขอสักครั้งห้วงหาวร้าวเหลือใจ

จักค้นหาคนนั้นที่ฝันถึง
จุดความฝันหวานซึ้งสว่างไสว
จุดความหวังส่องทางอย่างเปลวไฟ
จนอบอุ่นกรุ่นละไมในดวงจินต์

ขอจุดหมายปลายทางที่สร้างรัก
คือจุดพักสุดท้ายคลายโศกสิ้น
มอบคำรักหนักแน่นดั่งแผ่นดิน
ก่อนดวงแดดับดิ้นด้วยชินชา				
2 พฤษภาคม 2550 02:16 น.

ผู้ชนะสิบทิศ

กวีปกรณ์

ดุ่มเดินด้วยสงบสง่างาม
ขวาก้าวนำซ้ายตามตั้งสติ
มองไกลในกรอบสมาธิ
ช่างชวนชื่นเปรมปิดิ์ศิรวาท

หมู่มารมุ่งร้ายอยู่รายรอบ
เพ่งพิศดำริชอบประดุจปราชญ์
ละไว้เว้นวางทางพินาศ
ตามรอยเบื้องบาทพระศาสดา

ดั่งอรุณเรืองรองของวันใหม่
กาสาวพัตรห่มใจใครถ้วนหน้า
เพียงรอยบิณฑบาทย่ำมา
สร้างรอยแห่งศรัทธาตามย่ำไป

จึงเปรียบประหนึ่งผู้ชนะ
แม้ว่าจะสักกี่ทางที่ย่างใกล้
ต่างเคารพนบน้อมเพรียบพร้อมใจ
สักการะกราบไหว้ในบัดดล				
28 เมษายน 2550 02:01 น.

ขอมอบดอกไม้แด่ใครคนนั้น

กวีปกรณ์

เมื่อวันที่ไม่มีแม้ใคร
มองอะไรอะไรช่างเงียบเหงา
โลกสดใสของใครกลายสีเทา
เป็นอยู่อย่างนั้น...ยากเข้าใจ

แต่ในโลกล้านสีที่ดูสวย
อาจไม่ช่วยกันมากสักแค่ไหน
ก็ทนอยู่อย่างเหงาบ้างเป็นไร
คงมีคนที่ห่วงใยคือตัวเอง

จึงขอมอบดอกไม้แด่ใครคนนั้น
แบ่งความหวังความฝันใช่คว้างเคว้ง
อ่านบทกลอนกำลังใจ ฟังบทเพลง
ปลูกความรักด้วยตนเองเพื่อสักวัน

ไม่มีใครรักให้รัก รักยังอยู่
เหงาเพียงครู่เพราะรักคงปลอบขวัญ
รักไม่ทำร้ายใครขอยืนยัน
ยิ่งความรักที่เรานั้น รักตัวเอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์