หลบอยู่หนึ่งมุมใดของสายตา ท่ามกลางคืนเหว่ว้าในยามค่ำ หนึ่งเหยือกเย็นพร้อมโน้ตที่ร่ายรำ เราสองต่างร้องร่ำรัตติกาล
แม้อดีตเย็นเฉียบและเงียบเหงา ให้สองเราค้นหาอย่างกล้าหาญ ไม่ว่าเรื่องราวใดได้พบพาน ยากแทนที่วันวานบนลานจินต์
เพราะเรามีอดีตเป็นส่วนประกอบ อนาคตคือความชอบไม่สุดสิ้น หนึ่งแก้วน้ำแข็งเกาะเรารดริน แสร้งเฉยชินต่อชีวิตอย่างเย็นชา
อีกไม่นานก็เช้าเราต่างรู้ เนื้อเพลงที่ฟังอยู่บอกเราว่า จงเข้าใจ ทบทวนที่รู้มา แม้ไม่รู้วันข้างหน้าจะอย่างไร
เมื่อเราก้าวก็อาจมีพลาดพลั้ง เมื่อล้มแล้วลุกพลันเริ่มกันใหม่ เมื่อผ่านมาแล้วจงปล่อยพ้นไป อนาคตหาใช่ที่เคยเป็น
อาจเป็นเพียงมุมหนึ่งในสายตา อดีตช่างเหว่ว้าอย่างที่เห็น บนเตียงตื่นยามเช้าช่างเยียบเย็น ครานั้นเราต่างซ่อนเร้นรอยน้ำตา
จุดชนวนปะทะต่างประทุษ ลืมคำว่ามนุษย์เห็นเพียงสี จากที่เลวยิ่งเลวร้ายเหลือดี ซากสงครามเหลือมีแต่ปรักพัง ต่างพรรคกลายอริคู่อำนาจ กร้าวประกาศเกริ่นไว้แต่หนหลัง โปรดเลือกฝ่ายเลือกข้างแล้วจงฟัง กากะบาทแต่ละครั้งคือสงคราม ซากถ้อยคำหวานหูนโยบาย ฟังระแคะระคายกลายคำถาม ประชาชนลุกตื่นขึ้นติดตาม ผลักผู้พลลงสนามท่ามควันปืน ปลุกกระตุ้นดุนระดมถมสยาม จัดกรีธาทัพแทนนามผู้นำอื่น นับจำนวนไพร่ราษฎร์บังอาจยืน อธิปไตยโปรดคืนแก่ประชา สิ่งใดเล่าได้จากสงครามสี ผู้ใดเล่าคนดีที่ถามหา พรรคใดเล่าไม่โกงให้เลือกกา รัฐธรรมนูญเขียนมาไม่เอื้อใคร
เพียงเพราะเขาแตกต่างในบางสิ่งเลือก ชอบ เชื่อ ข้อเท็จจริงในบางอย่างแล้วต้องหาเหตุผลด้นกล่าวอ้างร่วมกันสร้างความชอบตอบใจตนหรือเพราะเขาคล้ายกันเกินกว่ารับสิ่งผิดกลับผลิดอกจนออกผลความพลั้งผิดคิดไว้ว่าแยบยลจึงซ่อนซุกทุกแห่งหนกลอำพรางแต่ความลับก็ยังเป็นความลับหากเพียงเริ่มสืบจับไล่จากหางจากเคยสวมสีเดียวเดินร่วมทางจึงผลัดบ้างเปลี่ยนหัวกลัวตามทันยิ่งเขาขุดร่วมคุยขอลุยด้วยยื่นเสนอขอช่วยคลายเชือกฟั่นอ้างอย่าสนกฎใดค่อยว่ากันเขียนขึ้นใหม่ดีกว่านั้นฉันปรองดองใครใคร่ค้าน้ำมันค้าหุ้นค้าใครใคร่แก้กติกามาสนองใครใคร่ยศศักดินามาจับจองบัตรเลือกตั้งทั้งสองใครใคร่กา
จุดไต้ต่อไฟเติมเชื้อเพลิง เปลวร้อนเร่งระเริงเรืองสว่าง สะท้อนเงาพาดบนถนนทาง อย่าหวังเพียงจันทร์กระจ่างร้างอุ่นไอ แท้ม่านดำดึกดื่นยังหมื่นดาว ยังพร่างพราวระยับกลับพริบไหว บ้างบอดลับดับปลงมืดลงไป ที่ยังเหลืิอบอกใบ้ให้หนทาง คือคบไฟส่องพื้นกลางคืนค่ำ กางแผนที่งามล้ำบนฟ้ากว้าง อาจบางทีจันทร์คล้อยที่ลอยคว้าง บอกชั่วยามความต่างหว่างเวลา ดับคบเพลิงก่อไฟในกลางค่ำ ท้นทบทวนความจำอันล้ำค่า แต่ละหนึ่งก้าวย่างที่สร้างมา หลงตนสร้างอัตตาเสียเท่าไร จันทร์ยังรู้ซ่อนตนให้พ้นเช้า ประสบการณ์ปลายเท้าทั้งเก่าใหม่ ล้างแล้วล้มตัวนอนท่ามฟอนไฟ พรุ่งนี้จะอย่างไรตามแต่กรรม >
ฉันอาจอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้ ขอกล่าวลายามที่ยังอยู่ใกล้ เราอาจห่างกันจนแสนไกล และอาจเกินคว้าไขว่ให้กลับคืน เฉกเช่นบางคืนมีหมื่นดาว คล้ายจันทร์เจ้าหนีหายย้ายถิ่นอื่น เพียงซุกซ่อนใต้เงาดำที่กล้ำกลืน แต่ยังยืนอยู่เคียงข้างไม่ห่างกาย ถึงแม้วันพรุ่งนี้ไม่มีฉัน ขอเธอจงฝ่าฟันดั่งมั่นหมาย คว้าดวงดาวพราวฟ้าอันพร่างพราย เป็นรางวัลมากมายแก่ชีวิต กำลังใจฉันมีให้เสมอ เส้นทางฉันเธอต่างลิขิต ประสบการณ์สอนเราจงพินิจ สุขทุกข์อย่ายึดติดในจิตใจ รุ่งอรุณตะวันกำลังมา เหล่านกสนทนาความเคลื่อนไหว ถึงเรื่องราววันวานที่ผ่านไป อนาคตเพียงใครพยากรณ์ เทียนกำลังเผาตนท้นน้ำตา ต้อนรับสนทยายามแสงอ่อน ดอกไม้กำลังม้วนกลีบนอน ฉันขีดคัดบางท่อนบทกวี