25 กุมภาพันธ์ 2557 19:30 น.

บ้านรัตนนการ

Khanittha

คุณนายพรพิมลได้พบรักกับ  คุณ ศักดิ์ดา ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย เรารักกันมา 7 ปี แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องแต่งงานกัน  เราได้ซื้อบ้านเพื่อที่จะทำเป็นเรือนหอระหว่างเราสองคน  เราเรียกบ้านหลังนี้ว่ารัตตนการบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความรักและความสุขของเขาสองคน แล้วเขาก็ได้สัญญากันว่า“ เราจะรักกันตลอดไป”แล้วเรื่อราวต่างๆก็ได้เกิดขึ้นในบ้านรัตตนการและตัวของฉันเอง   พรพิมล

ผ่านไป 2 ปี ในระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา  คุณชายอยากที่จะมีลูกแต่ด้วยตัวฉันเอง ฉันไม่อยากมีลูกเพราะฉันไม่ชอบเด็กสักเท่าไหร่ จนมาถึงวันนั้นฉันเริ่มมีอาการคล้ายกับคนท้องแต่ก็ยังไม่มั่นใจ จนฉันทนไม่ไหวเลยเรียกลำดวน

ลำดวน  เป็นสาวใช้ในบ้านที่มาทำหน้าที่แทนแม่ของเขาที่ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

“ ลำดวน  มานี้หน่อยสิ”คุณนายตะโกนด้วยเสียงที่หงุดหงิด

“ค่ะ...... คุณนาย”ลำดวนขานรับคุณนายเมื่อเดินมาถึง

“คุณนายมีอะไรให้รับใช้คะ”เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหอบ

“เธอช่วยไปเอายาให้ฉันหน่อยสิ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”คุณนายบอกลำดวน

“  คุณนายมีอาการยังไงคะให้ตามหมอไหมคะ”ลำดวนถามด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องหรอก ฉันแค่รู้สึกเวียนหัวแล้วก็คลื่นไส้น่ะอ๋อ!!! รอบเดือนของฉันยังไม่มาเลยสงสัยเป็นเพราะรอบเดือนฉันไม่มา”คุณนายบอกด้วยความไม่รู้

“คุณนายท้องหรือเปล่าคะ”ลำดวนพูดตามที่ตนคิดออกมา

พอลำดวนพูดฉันรู้สึกตกใจมาก นี้มันเรื่องจริงหรือนี่  ฉันท้องหรอ  ไม่นะ ฉันไม่อยากมีลูก

“ลำดวน เธอช่วยไปตามหมอให้หน่อย  เร็วๆนะ ฉันรีบ”คุณนายบอกด้วยเสียงที่ตรีบร้อนและกระตือรือร้น

ขณะที่หมอกำลังตรวจ คุณชายก็ได้กลับบ้านพอดี พอเข้ามาในห้องเขาก็รู้สึกตกใจว่าภรรยาของตนเป็นอะไรเลยเข้าไปถามหมอ

“ หมอ คุณหญิงเป็นอะไรหรอ”คุณชายเข้าไปถามหมอด้วยความตกใจ

“ ยินดีด้วยนะค่ะ  คุณหญิงตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนแล้วคะ”พร้อมยิ้มให้คุณหมอ ด้วยความปลื้มปิติ

คุณชายดีใจมากที่ฉันท้องแต่ฉันกลับรู้สึกตรงกันข้าม  แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือน คุณชายต้องไปทำงานรับราชการที่ต่างประเทศ เป็นเวลา 6 เดือน  ฉันก็คงคลอดพอดี .... เมื่อถึงกำหนดคลอดคุณชายก็รอฟังข่าวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่แล้วก็มีจดหมายถึงคุณชายที่ต่างประเทศว่า“คุณหญิงได้แท้งลูกในวันกำหนดการคลอดด้วยลูกไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาคะ” พอคุณชายรู้เรื่องก็รีบกลับมาเมืองไทยกลับมาที่บ้านรัตตนการมาดูแลคุณหญิงพรพิมล

“เป็นไงบ้างจ๊ะ พรพิมล”คุณชายถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็ดีขึ้นแล้วคะ แต่ลูกของเรา..... ( ฮือ........)”พรพิมลรู้สึกเสียใจมากเลยร้องไห้ออกมา

“ไม่เป็นไรนะพรพิมลลูกเรามีวาสนาแค่นี้  ไม่ร้องนะคนดีของพี่”คุณชายได้ปลอบพรพิมล

ว่าให้ทำใจ

“คุณพี่คะ  น้องหิวน้ำค่ะ”พรพิมลบอกกับคุณชาย

“รอสักครู่นะน้อง    ลำดวน......เอาน้ำมาให้คุณหญิงหน่อยสิ”คุณชายได้ตะโกนเรียกลำดวน

“คุณพี่คะ  ลำดวนมันไม่อยู่แล้วหละค่ะ”พรพิมลบอกคุณชาย

“ไปไหนหละ กลับบ้านหรอ”คุณชายถามด้วยความสงสัย

“เปล่าหรอกค่ะ  น้องไล่มันออกเอง”

“ไล่ออก!! ไล่ทำไมหละน้อง”คุณชายถามด้วยความงงและตกใจในเวลาเดียวกัน

“ก็ลำดวนสิคะ  มันไปติดผู้ชายที่ตลาดค่ะ เลยท้องกลับมา น้องรับไม่ได้ก็เลยไล่มันออกหละค่ะ”

พรพิมลบอกเรื่องราวแกคุณชายด้วยความโมโห

“จริงหรอ ทำไมน้องไม่เห็นบอกพี่เลยหละ”คุณชายถามด้วยความสงสัย

“น้องเห็นว่ามันไม่จำเป็นล่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้บอกคุณพี่”พรพิมลตอบคุณชายพร้อมกับหลบสายตาไปด้วย คล้ายกับคนที่กลัวความผิด

ต่อมาคุณหญิงพรพิมลก็มีลูกให้คุณชายไม่ได้สักที  จนคุณชายรู้สึกท้อ  คุณชายก็เลยแอบไปมีเมียน้อย พอคุณหญิงรู้เรื่องก็รับไม่ได้เกิดอารมณ์โมโหและด่าคุณชายแบบหยาบคายมากคำด่าไม่เหมาะที่จะเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วในที่สุดเราสองคนก็ได้หย่ากัน  ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าฉันอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งใคร

“ไปเลย...ไป๊  ไปเสพสมความสุขกะอีเมียน้อยให้ตามสบายเลย  ฉันเกลียดคุณ....”   ฉันโกรธมากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี แต่เวลามันก็เดินเร็วมาก“ฉันอยู่คนเดียวในบ้านรัตตนการคนเดียวมา 5 ปี แล้วหรอนี่ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาฉันรู้สึกโดดเดี่ยว เงียบเหงา ไม่มีคนที่รักคอยปลอบเมื่อฉันทุกข์ ไม่มีคนที่รักคอยหัวเราะเมื่อฉันสุขไม่มีเลย.... บ้านรัตตนการบ้านของเราสองคน มันไม่มีคุณแล้วคุณศักดิ์ดา…”

ระหว่างที่ฉันนั่งเหม่ออยู่ในสวนหน้าบ้านรัตตนการ คนที่ฉันรอคอยเขาก็มาหาฉัน คุณศักดิ์ดาเดินเข้ามาหาฉัน ฉันดีใจมากเขากลับมาหาฉัน

“คุณศักดิ์ดา  คุณกลับมาหาฉันเหรอคะ  ฉันดีใจจังเลยคุณกลับมาหาฉันแล้ว”   พรพิมลรู้สึกมีความสุขมากที่คุณชายกลับมา

“เปล่าหรอก ผมอยากให้คุณเจอคนๆหนึ่ง”คุณชายพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งและเย็นชา

เมื่อฉันหันไปมองที่หน้าประตู ความรู้สึกฉันในขณะนั้นเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน คนที่เดินมานั้นคือ นางลำดวนและเด็กผู้ชายอีกคน

“ลำดวน... เธอมาที่นี้ได้ไง”ฉันถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก

“คุณอยากรู้หรอว่าทำไม ลำดวนถึงมาที่นี่”คุณชายพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห

“นี้มันอะไรกันคะ คุณศักดิ์ดา คุณกำลังทำอะไร”พรพิมลถามด้วยความสงสัย และมีท่าทีที่กระวนกระวาย

“คุณนั้นแหละ คุณพรพิมล คุณทำอะไร  ทำไมคุณถึงทำแบบนี้นี่ลูกเราทั้งคนนะ คุณทำเหมือนลูกเราเป็นของขายรึไงที่คุณสามารถให้ใครก็ได้  คุณรู้ไหม  ว่าผมเสียใจแค่ไหนเมื่อได้ยินว่าลูกของเราได้จากไปแล้ว แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพยายามทำให้แท้งอย่างนั้นหรอ”คุณชายตะคอกใส่หน้าพรพิมลด้วยอารมณ์ที่โมโหอย่างรุนแรง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ  ฟังฉันก่อน”ฉันพูดด้วยความมึนงง

“ผมไม่ฟัง!!!  ถ้าผมไม่เจอลำดวนเมื่อ 5 ปีก่อน  ผมก็คงไม่รู้ว่าเด็กที่อยู่กับลำดวนนั่นคือลูกของเรา

ผมรอวันนี้มานานมาก รอวันที่ลูกเราโตพอ ผมอยากให้เขาได้มาเห็นหน้าแม่แท้ๆของเขาเป็นครั้งสุดท้าย”คุณชายโกธรมากและได้ตะคอกใส่หน้าฉันและพูดกับฉันด้วยความเอือมระอา

“งั้น เอาอย่างนี้นะคะ  .....   ลำดวน  ฉันขอลูกฉันคืน  นะ ลำดวน  ฉันขอลูกฉันคืน”พรพิมลพูดกับลำดวน

“นี่คุณจะบ้าหรอคุณพรพิมล  คุณนี่มันแย่มาก ผมไม่น่าหลงมาแต่งงานกับคุณเลย   อ๋อ!! ใช่  ตอนนี้ลำดวนเป็นภรรยาผมแล้ว”พรพิมลรู้สึกตกใจมากที่คุณชายได้บอกว่าลำดวนคือภรรยาของเขา

“ไม่ใช่นะคะ  ลำดวนนั้นมันคนใช้บ้านเรา  ฉันนี้ไงคะภรรยาคุณ... ฉัน.... ฉันคนนี้”พรพิมลพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมาแล้วเดินเข้าไปจับมือของคุณชาย

“นั้นมันอดีตไปแล้วคุณพรพิมล  คุณยอมรับในปัจจุบันเถอะ  ”คุณชายพูดพร้อมกับสะบัดมือของพรพิมลออก

“ฉันขอโทษ... คุณศักดิ์ดา คุณยกโทษให้ฉันนะ  กลับมาอยู่กับฉัน  อยู่กันที่บ้านรัตตนการบ้านของเราเรือนหอของเราสองเราสองคนไง ....  ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีคุณ”พรพิมลพูดเหมือนคนที่สติได้หลุดลอยออกไป

“คุณเชิญอยู่แบบที่คุณอยากอยู่เถอะ  ผมมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วผมต้องไปอยู่กับพวกเขา ลาก่อน”พูดจบ คุณชายได้เดินหันหลังให้พรพิมล

ฉันวิ่งตามพวกเขาออกไป  แล้วก็ไปจับมือลำดวน

“  ลำดวน  ฉันขอลูกคืน นะ ลำดวน...ฉันขอคืน”พรพิมลพูดกับลำดวน

ลำดวนมองหน้าฉันนิ่งๆแล้วก็พูดกับฉันแบบนิ่งๆว่า

“ มันไม่ทันแล้วคะ  คุณพรพิมล  เมื่อก่อนภูเป็นลูกคุณแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วคะ  ตอนนี้ภูคือลูกของฉัน...ลูกชายคนเดียวของฉันกับคุณชายศักดิ์ดา”

พอพูดจบพวกเขาก็เดินจากฉันไปฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก

“นี่ฉันต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตหรอเนี้ยฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว” ( ฮือ...)สุดท้ายพรพิมลก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์อีกครั้งและตลอดไป  เมื่อเวลาผ่านไป 40 ปี พรพิมลก็มีอายุ 73 ปี เธอก็มานั่งที่สวนหน้าบ้านรัตตนการ นั่งที่เก้าอี้ม้าโยกอย่างนี้มาเป็นเวลา  40 ปี  ณ วันนี้ ฉันมานั่งคิดย้อนหลังเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา แล้วฉันได้พูดกับตัวเอง “คิดถึงอดีตทีไร  ฉันเจ็บปวดทุกที  อยากกลับไปแก้ไข แต่เวลามันก็หมุนกลับไม่ได้ มีแต่เดินไปข้างหน้า ฉันอยู่กับความอ้างว้าง  ความเงียบเหงามาตลอด....  คุณ ศักดิ์ดาคะ  ฉันคิดถึงคุณจังเลยคะ  คุณคือคนแรกและคนเดียวที่ฉันจะรัก  ฉันขอโทษนะคะที่ฉันทำให้คุณต้องเสียใจกับเรื่องทุกเรื่องที่ผ่านมาทำไมเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันถึงน้อยอย่างนี้นะ แต่ฉันจะเก็บความทรงจำดีๆที่เรามีให้กันเอาไว้ ฉันดูแลบ้านรัตตนการของเราทั้งสองคนเป็นอย่างดีเลยนะ ดูสิคะ คุณดูสิ ภูแม่ขอโทษนะ ที่แม่ไม่สามารถดูแลลูกได้  แม่รักลูกนะลูก  แม่ไม่น่ายกลูกให้กับลำดวนเลย ไม่งั้นครอบครัวเราคงจะมีกันพร้อมหน้าพร้อมตา  พ่อ  แม่  ลูก  ( ฮือ....ฮือ )  ”

แล้วพรพิมลก็หลับตาลงเบาๆจากไปอย่างสงบ.....

23 กุมภาพันธ์ 2557 20:03 น.

เบบี้ดรีม (Baby Dream)

Khanittha

เบบี้ดรีม (Baby Dream)

                ปี ค.ศ. 1998 มีการแข่งขันกันทางด้านวิทยาศาสตร์หรือทางโบราณคดีมากมายของหลายๆประเทศ เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้มีการส่งพวกเขาทั้ง4คนมาที่ สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแมสซาซูเซต ของประเทศสหรัฐอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่สุดของยุคนี้คือ ออทริค ที่มีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้นแต่ความอัจฉริยะของเขานั้นเกินคน และเขายังมีพรสวรรค์วิเศษดังได้รับมาจากพระเจ้า คือการที่ดวงตาของเค้านั้นสามารถมองทะลุผ่านสิ่งต่างๆได้ ออทริคถูกสั่งให้มาที่สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้านความพิศวงศ์และมีความลึกลับที่สุดในโลก เมื่อใครได้เข้าไปในนั้นแล้วจะไม่มีวันออกมาได้ เค้าถูกส่งตัวไปที่นั่นในเช้าอีกวันหลังจากที่เค้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้า ให้เก็บข้อมูลและหลักฐานของลูกแก้ว เพื่อที่จะทำให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเค้ามีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก ฉันตื่นลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้หลับไปนาน ตอนนี้ฉันก็ถึงสามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์แล้ว มันเป็นป่าดงดิบที่น่ากลัวมากเท่าที่ฉันเคยพบมา ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่มีข่าวลือเกี่ยวกับลูกแก้วว่าสามารถจะขออะไรก็ได้ แต่เมื่อได้เข้าไปในป่าลึกขนาดนั้นก็คงไม่มีอะไรจะขอนอกจากขอให้ออกจากที่นั่นแหละ ฉันก็ได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว  เมื่อฉันลงเรือมาก็เจอผู้ชายทั้งสามคนยืนรอฉันอยู่

“นี่นายคนนั้นหน่ะ ออทริครึเปล่า” ลาตินตะโกนถามออทริคด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ใช่ ทำไมหรอ พวกนายรอฉันอยู่รึไง”

“ก็ใช่นะสิ นายคิดว่าฉันจะมายืนรอใครในที่แบบนี้ ถ้าใช่ก็รีบๆตามมาซะ”

แค่ฉันพบเจอกับนายคนนี้ก็รู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยซะแล้ว นี่เค้าจะพูดดีๆกับฉันเลยไม่ได้รึไงนะ พวกเราทั้งสี่คนเดินเข้าไปในป่าพร้อมกันโดยที่ไม่มีใครยอมคุยกับใครเลยสักนิดนึง นี่พวกเขาอมอะไรกันอยู่นะทำไมไม่พูดะไรกันเลย

“นี่ พวกนายจะไม่คิดแนะนำตัวเองกันเลยหรอ”

“ฉันชื่อ โทนี่และนั้นบอสตันน้องชายของฉัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

เมื่อโทนี่แนะนำตัวเองเสร็จ ก็ไม่มีใครคิดจะคุยกันเหมือนเดิม ทุกคนเดินไปข้างหน้าโดยที่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่จดข้อมูลและเก็บหลักฐานงานวิจัยของฉันเพียงเท่านั้น

“นี่ ออทริค นายเป็นจะนั่งจดและถ่ายรูปอีกนานไหม ที่นี่มีอะไรน่าสนใจรึไง เห็นนายกกระตือรือร้นจังนะ”ลาตินถามฉันด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรขึ้นเยอะ กว่าตอนแรกที่เค้าทักฉันคงเป็นเพราะเค้าหงุดหงิดที่ฉันมาสายสินะ

“ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจอยู่นะ แต่ก็น่ากลัวฉันมาที่นี่เพื่อทำการวิจัย แล้วนายหล่ะมาทำไมหรอ”

“ฉันมาที่นี่เพื่อมาศึกษาทางโบราณคดีเรื่องลี้ลับหน่ะ ว่าที่นี่มีอะไรน่ากลัวรึเปล่า แล้วสองพี่น้องหล่ะ นายยังเด็กอยู่เลยมาทำไมหรอ”

“จริงๆก็ไม่อยากมาหรอกนะ ถ้าไม่ต้องมาหา...” โทนี่รีบเอามือปิดปากบอสตันทันทีทั้งๆที่เค้ายังพูดไม่จบ ฉันกับลาตินก็หันมามองหน้ากันด้วยความงง

“ไม่ได้หาอะไรหรอกครับ พวกเรามาทำรายงานหน่ะ ที่นี่น่าสนใจดี” โทนี่ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี ถึงแม้เค้าจะดูไม่มีอะไร แต่ใครจะเชื่อหล่ะ ก็ที่นี่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้านะ และก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักความสะดวกสบายมากกว่าการที่จะมาลำบากลำบนอยู่ที่นี่ แต่ยังไงพวกเขาเป็นเด็กคงไม่มีผลอะไรต่องานของฉันมากนักหรอกนะ แต่ฉันก็สงสัยนะว่าทำไมพวกเราทั้งสี่คนต้องมาด้วยกันทำไมไม่แยกกัน ฉันก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ พวกเรายังคงเดินทางต่อไปโดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเราจะไปไหน สักพักนึงโทนี่ก็หันมาหาพวกเราด้วยสีหน้าตกใจว่า ทุกคนหาที่หลบกันเร็ว มีหมีกำลังจะมาทางนี้ ฉันก็งงนะแต่ก็ทำตามเพื่อความปลอดภัยทุกคนหาที่หลบกันสักพักหมีก็วิ่งมาด้วยท่าทางที่โหดร้าย แล้วมันก็จากไป พวกเราก็ออกมาจากที่ซ้อนตัวกัน

“นี่โทนี่นายรู้ได้ไง ว่าจะมีหมีมาทางนี้ ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรด้วยซ้ำ”ฉันถามโทนี่ด้วยความสงสัย

“ฉันไม่รู้ว่านายจะเชื่อรึเปล่านะ แต่หูของฉันสามารถได้ยินทุกสิ่งถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน มันเป็นสิ่งที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิด บอสตันน้องชายของฉันก็มีนะ บอสตันวิ่งเร็วมากเค้าสามารถไปได้ในทุกที่ที่เค้ารู้จักและอยากไปเพียงแค่นึกเท่านั้น มันเป็นความวิเศษของพวกเรา” ฉันอึ้งมากที่พี่น้องสองคนนี้มีความวิเศษคล้ายๆกับฉัน

“ทุกคนสงสัยไหมว่าทำไมพวกเราต้องมาที่นี่และมาเดินทางร่วมกัน จริงๆแล้วฉันเองก็มีพลังที่วิเศษเหมือนกันนะ ฉันสามารถควบคุมสายน้ำได้ตามที่ใจต้องการ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเก่าแก่ของคุณปู่ที่เป็นนักโบราณคดีเหมือนกัน มันเขียนเอาไว้ว่า เมื่อเทพแห่งธาตุทั้งสี่พบกันในที่อันลึกลับ จะเกิดเป็นสิ่งที่วิเศษ นายหล่ะ ออทริคนายมีอะไรที่วิเศษไหม” เรื่องราวทั้งหมดนั้นออกมาจากลาติน เขาถามฉันด้วยสิหน้าที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ใช่ ฉันมี ฉันสามารถมองทะลุผ่านได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ” เมื่อฉันพูดจบทุกคนก็เงียบและลาตินก็บอกให้พักก่อน บอสตันอาสารับหน้าที่ไปหาอาหารด้วยความว่องไวของเค้า ส่วนลาตินก็ไปหาน้ำ ส่วนฉันกับโทนี่ก็ช่วยกันก่อฝืน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วที่เราเดินทางกันมา พวกเรากินอาหารและพูดคุยกันอย่างสนิทสนมอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเราหัวเราะและมีความสุขเมื่อจบการเฮฮาทุกคนก็ต่างเข้าเต้นและนอน ไม่มีใครเฝ้าเวรเพราะที่นี่ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากสัตว์ป่า เมื่อทุกคนหลับกันหมดฉันก็นั่งเขียนรายงานการวิจัยของฉัน จนถึงตอนนี้ฉันก็เชื่อได้ว่าเหตุผลของทุกคนที่มาที่นี่ต้องเป็นลูกแก้ววิเศษนั่นแน่ฉันเผลอหลับคางานวิจัย รุ่งเช้าเมื่อฉันตื่นก็เห็นลาตินกำลังยืนมองลำธารที่อยู่ใกล้ๆฉันจึงเดินเข้าไป

“ไง ตื่นแต่เช้าเลยนะ นอนไม่หลับหรอ”

“อือ ใช่ แปลกสถานที่น่ะ”สีหน้าของลาตินเต็มไปด้วยความเศร้า

ฉันอยากจะถามนะแต่จะเป็นการวุ่นวายมากเกินไป พอสายๆหน่อยพวกเราก็พากันเดินต่อไป พวกเราเดินทางกันไปเรื่อยๆจน 2 เดือนผ่านไปพวกเรารักและสนิทกันมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด พวกเราผูกผันกันจนฉันเองก็ลืมความสงสัยในตัวพวกเขาไปหมดแล้วว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม จนฉันเดินไปเตะอะไรบางอย่างมันลักษณะเป็นลูกๆและเรืองแสง นั่นแหละใช่แล้วมันคือลูกแก้ววิเศษที่ใครๆต่างก็เล่าลือ ทุกคนสะดุ้งตัวพร้อมกัน

“พวกเราขอลูกแก้วนั่นได้ไหม ลาติน ออทริค” โทนี่และบอสตันมีสีหน้าที่เศร้าและร้องขอออกมา

“ไหนพวกเธอบอกว่ามาทำรายงานไง ลูกแก้วนั่นต้องเป็นของฉัน”ลาตินพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมต่างจากทุกที

“พวกเรามาที่นี่เพื่อมาหาลูกแก้ว พวกเราไม่ได้มาทำรายงาน พวกเราตามหามันเพื่อจะขอพร พวกเราอยากให้พ่อและแม่ของพวกเรากลับมารักกันและกลับมาดูแลพวกเรา ทุกวันนี้พวกเราถูกทิ้งอยู่ที่บ้านแค่สองคนพร้อมกับมรดก พวกเราอยากได้ครอบครัวกลับคืนมา”

“ฉันก็มาที่นี่เพราะลูกแก้ว ฉันจะขอพรให้คุณปู่ของฉันหายจากโรคร้ายที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตอนนี้ปู่ของฉันอยู่ไอซียู ฉันไม่มีทางยอมให้ปู่ของฉันเป็นอะไรเป็นแน่” ลาติน โทนี่ และบอสตันทางก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดฉันเองก็อึ้งกับเหตุผลต่างๆของพวกเขา เหตุผลของพวกเขาดูเสียสละ แต่พวกเขาลืมไปแล้วสินะ ว่าพวกเขาไม่มีทางออกจากที่นี่ได้ “พวกเรามาไกลเกินกว่าจะขอสิ่งเหล่านั้นแล้วไม่ใช่หรอ วันและเวลาที่ผ่านมาพวกเราผกผันกันมากนะ ถ้าพวกเราจะมาขอสิ่งแบบนั้นพวกเราขอให้ออกจากที่นี่ได้ ไม่ดีกว่าหรอ เอาละลูกแก้วนี้ฉันจะทำลายมันเอง” ทุกคนกำลังจะวิ่งเข้ามาห้ามฉันแต่มันก็ไม่ทัน เมื่อฉันทุบลูกแก้วลงไปกับพื้น ก็มีแสงสว่างมากๆจนไม่สามารถลืมตาได้ เมื่อฉันลืมตาอีกที ก็พบว่าฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ และมี ลาติน โทนี่และบอสตันกำลังเล่นๆอยู่ข้างๆเตียงของฉัน

“ว่าไงน้องชายตื่นละหรอ” พวกเขาเรียกฉันแบบนั้น แน่สิ ก็ฉันยังเป็นทารกอยู่นี่หน่า พวกเขาทั้งสามเป็นพี่ชายของฉันและไม่มีพลังวิเศษอะไร นอกจากความรักที่พวกเขามีให้กัน เรื่องที่เกิดขึ้นช่างเป็นฝันที่ดีสำหรับพวกพี่ชายของฉันเสียจริง

 

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKhanittha
Lovings  Khanittha เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKhanittha
Lovings  Khanittha เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKhanittha
Lovings  Khanittha เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงKhanittha