ใกล้แล้วสินะจะถึงบ้านใจเต้นปานจะข่มใจไว้ไม่อยู่บ้านที่ใจร่ำหาอยากมาดูโต๊ะเตียงตู้ย้ายเคลื่อนหรือเหมือนเดิมผละไปใช้ชีวิตอิสรภาพอยู่ในคราบผู้ใหญ่ใจฮึกเหิมพึ่งลำแข้งแห่งตนจนเป็นเทอมแล้วก็เริ่มหงอยเหงาเฉาในใจป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่เฒ่าพี่น้องเล่าจะพบครบหน้าไหมแต่ละคนเปลี่ยนแปลกแผกปานใดจะมีใครคิดถึงเราหรือเปล่านะมาถึงแล้วแม่กับพ่อยืนรอรับพี่น้องจับมือพร้อมไม่ยอมผละแข่งกันถามทุกข์สุขทุกระยะเสียงเอะอะปานเด็กเจ๊กตื่นไฟคลื่นน้ำตามาออเอ่อคลอเบ้าต้องคอยเฝ้าฝืนทนจนจะไหลบ้านที่เหมือนความฝันอันแสนไกลส่งกลิ่นไอแห่ห้อมหอมระรินนั่งลงบนเก้าอี้สีซีดเก่ามือสั่นเทาคลอนคลอนเหมือนช้อนดิ้นตักขนมตรงหน้าขึ้นมากินรสคุ้นชินประหลาด...รสชาติครอบครัว
มากนิยามความหมายหลายซับซ้อน"ศาลากลอน" นิยาม ตามที่เอ่ยแต่สำหรับเราคงมิตรงเลยเท่าที่เคยคิดเล่นเห็นต่างกันอาจเป็นความบังเอิญมาเดินเล่นเพราะว่างเว้นงานชั่วที่หัวปั่นหรือเพราะชอบกลอนกานท์งานประพันธ์ร่วมในวันอันพ้องความต้องการจึงจูงมือกันมาศาลาฝันเพื่อสร้างสรรค์บทกลอนที่อ่อนหวานร่วมเรียงร้อยถ้อยคำฉ่ำน้ำตาลเขียนกลอนกานท์หวานซึ้งตรึงหัวใจศาลาฝันวันนี้มีเธอช่วยคอยอำนวยแสงเนียนเป็นเทียนไขส่องนำพลันฝันสว่างเห็นทางไปฝันจึงไกลเหมือนกลอนเธอสอนมา*แต่ปลายทางห่างเกินประเมินรู้ต้องรอดูเส้นทางเดินข้างหน้าจะเป็นเส้นทางตัน...ฝันค้างคาหรือขอบฟ้ามิอาจกั้นความฝันเรามีเธอเดินเคียงข้างอย่างที่ผ่านจะเนิ่นนานปานใดก็ไม่เหงาแต่ถ้าหากเธอเบื่อเหนือคาดเดาวันเปลี่ยวเปล่า เราจะทรุด...หรือหยุดเดิน.........................................* กลอน ....เอ๋ยรัก"จินตภาพวาบหวานผสานสู่ร่วมเรียนรู้สิ่งดีไม่มีหงอแม้ที่สุดมีรักร่วมถักทอมิย่นย่อยืนยันจงฝันไกล"
เคยคิดหวังตั้งแง่พอแก้เหงาเห็นบ้านเก่าเสาโยกเป็นโลกฝันเขียนกลอนหยอกหลอกใครไปวันวันคงไม่มีความสัมพันธ์อันค้างคาคงไม่มีมิตรภาพอันซาบซึ้งหว่างคนซึ่งหลบเร้นไม่เห็นหน้าระหว่างใจเวิ้งว้างกลางนภาความห่วงหาอาลัยคงไม่มีความคิดว่าโลกฝันไร้พันผูกกลับกลายปลูกผูกพันทุกวันวี่ด้วยน้ำใจน้ำจิตมิตรไมตรีเหมือนดังมีจริงจริงใช่สิ่งลวงจึงอยู่บ้านหลังนี้ หนีไม่ได้เพราะมีห่วงผูกไว้ตั้งหลายห่วงเกรงเพื่อนเราเหงาหงอยคอยถามทวงเกรงบางช่วงเพื่อนไม่ว่างบ้านร้างคนตั้งหน้าที่ให้ตัวมิมัวขวยเป็นผู้ช่วยเฝ้าบ้านช่องมิร้องบ่นแม้ต้องจับปากกาสาละวนทนอดทนพากเพียรคิดเขียนกลอนอยากจะเห็นเพื่อนเพื่อนกลับเยือนบ้านมาสนุกสนานเหมือนกาลก่อนมาปลุกบ้านเฮฮา...อย่างถาวรโปรดกลับมาอาทร...บ้านกลอนไทย
ชีวิต มีกับขาด อาจก้ำกึ่งชีวิตซึ่งพอดีหาที่ไหนส่วนมากพบความขาด...ซึ่งบาดใจแต่นั่นคือกลไกในชีวิตจะทิ้งขว้างอย่างไรก็ไม่หลุดเป็นประดุจคู่ความที่ตามติดข้ามเขาเขินเดินคู่อยู่ใกล้ชิดคอยสะกิดร้องขอและต่อรองทุกชีวินดิ้นรนบนความขาดบางชีวิตผิดพลาดเพราะขาดพร่องบางชีวาตม์ขาดปั้นฝันเรืองรองบางชีวีมีช่องลองหาเติมจึงคล้ายทุกชีวีมีโอกาสหากฉลาดไขว่คว้าอาจหาเพิ่มให้ขาดน้อยถอยถดลดจากเดิมพอมีเติมส่วนพร่องเพื่อ ป้อง ปรามความขาดในชีวีมีแรงขับให้รู้รับมาตรองมิมองข้ามให้ขยันฟันฝ่าพยายามเพื่อแก้ความขาดพร่องที่ต้องทนแต่จะแก้กี่ครั้งก็ยังขาดธรรมชาติสร้างมาน่าฉงนถมมิเคยเต็มทั่วหัวใจคนเติมต่อจนใจขาด....ไม่อาจเต็ม
เมื่อแรกเริ่มลืมตามาดูโลกในเรือนเก่าเสาโยกคือโลกใหม่หลังคาจากมากรูพรุนก็อุ่นไอละอองฝนหล่นใส่ก็ใหญ่มาได้เริ่มคิดเริ่มเรียนเขียนกลอนกาพย์จนมีภาพกวีที่เก่งกล้าประดับตัวเป็นกวีมีสมญาใต้ชายคาเรือนเก่าเสาโยกคลอนมีคนเวียนเปลี่ยนหน้ามาสมทบเขาเจนจบการเรียนเขียนมาก่อนหรือนานนานผ่านมาเป็นขาจรร่วมวงศ์วานบ้านกลอนนอนผูกพัน"จะเป็นชายหรือหญิงสิ่งที่เหมือนคือเป็นเพื่อนร่วมงานร่วมบ้านฝันฐานะ เพศ หรือวัย ไม่สำคัญมิต่างกัน แก่หนุ่ม แค่มุมมอง"แต่หลายรายบ่ายหน้าลาบ้านเกิดหลงเตลิดเพริดฝันดั้นลอยล่องไปไขว่คว้านาที "กวีทอง"ทิ้งบ้านช่องถิ่นฐานนับนานนมปล่อยให้บ้านหลังเก่านี้เหงาหงอยเฝ้ารอคอยคนคืนอย่างขื่นขมหรือเรือนเก่าเสาโยกเป็นโรคซมไม่เหมาะสมสำหรับต้อนรับกวี