กดนิ้วบนคีย์ "โดมีเรโด"ใจไห้โฮโศกซึ้ง คิดถึงพี่"จากน้องไปไกล" ไหลดนตรีหนึ่งสองสามสี่จังหวะนับไล่เสียงราวละเมอด้วยเผลอไผล"อยู่แห่งไหนทำไมไม่หวนคืนกลับ"เพลงพ้อแผ่ว "พี่ไปแล้วพี่ไปลับ""ไม่คืนกลับรับขวัญน้องดั่งคำลา""จากลับ นับปี ""โอ้ป่านนี้ คนดีจะรู้ไหมว่า "เสียงคนมีความหลังยังพรรณนาด้วยภาษาตัวโน้ตเสียงโอดโอยคลื่นน้ำตามาท้นจนล้นปรี่เสียงเล่นดนตรีก็แผ่วโหยแผ่วแผ่วผิวหวิวเพียงเสียงลมโชยเรี่ยวแรงโรยปานจะหายไปหลายคราเสียงเพลงแห่งความหลังนั้นยังแผ่วแว่วแว่ว "ค่ำคืนน้องเหม่อมองหา "ระบายความทุกข์ท้อ ทรมา" ไม่เห็นหน้า น้ำตาน้องจำกล้ำกลืน""ยังคิดถึงพี่ "เสียงดนตรีอ้อนออดสอดสะอื้น"เพียรสร้างความดีไว้รอคอยพี่กลับคืน "" เฝ้าคอยเก็บความหวานชื่น " ทุกวันนิ้วกดคีย์ยังสั่นด้วยหวั่นไหวเหมือนเสียงของหัวใจที่โศกศัลย์หนึ่งนาทีนั่งนับเหมือนกับกัลป์"เฝ้าเร่งวันและคืนให้ผ่านไวไว""ไม่เห็นพี่คืน ข่มใจฝืน ""บางคืนหม่นหมองร้องไห้""สุดที่รัก อยู่แห่งไหน" สุดข้องใจ"พบคู่ใหม่ หรือไร จึงไม่กลับมา "จบลงแล้วเพลงซึ้ง "คิดถึงพี่ "แต่น้ำตาไหลปรี่อาบใบหน้าท้นท่วมใจเหมือนทะเลทุกเวลาท่วมจนกว่าคนบรรเลงเพลงจะตาย
แม่มีบ้านโอ่โถงบนโค้งฝั่งห่างไกลทั้งผู้คนจนจับจ่ายตั้งอยู่กลางสวนเปลี่ยวอย่างเดียวดายมีหาดทรายอยู่หน้าบ้านด้านรับลมต้องคำนึงถึงข้าวปลาอาหาร.....มีติดบ้านทุกขณะต้องสะสมเป็น "ปรัชญาถังข้าว" ราวคำคมที่อบรมบ่มสอนวอนยืนยันคนตกน้ำตกท่ามาขึ้นฝั่งสายฝนหลั่งน้ำหลากฉากคับขันอาจเกิดการฉุกละหุกได้ทุกวันช่วยเหลือกันทันทีต้องมีรอ"ดูข้าวสารอย่าให้ลดจนหมดถังข้าวสุกยังต้องเหลือเผื่อติดหม้อเตรียมที่นั่งตั่งเตียงให้เพียงพอแม้ไม่มากหากขอพอประทัง "ทำให้ครัวทั่วห้องเป็นน้องตลาดที่สามารถฝากชีวิตมิผิดหวังแม่จึงเปรียบเทียบเคียงเสบียงกรังขนาดจ้อยคอยตั้งอยู่ทั้งปีการช่วยเหลือเผื่อแผ่แก่คนยากใช่เพียงจากกรุณา...เป็นหน้าที่ช่วยให้ข้าวให้น้ำตามเกิดมีแม้ปรัชญาเมธีไม่มีเงิน(ปรัชญาคือวิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริงเมธี แปลว่า นักปราชญ์ )
ในวันคืนคลื่นคลั่งซัดพังหาดพายุฝนหล่นสาดลมกราดเกรี้ยวคนกับหมูอยู่ในคอกซุกซอกเดียวใต้ซีกเสี้ยวเรียวฟากตับจากมุงเพื่อหลบภัยพายุที่ดุโถมเขย่าโครมดังลั่นสนั่นทุ่งมันทั้งโยกทั้งคลอนถอนต้นซุงทั้งนังนุงกับบ้านงุ่นง่านงม"ที่จะคุ้มชีวิตให้ติดร่างคือที่กว้างเพียงเกราะแต่เหมาะสมมิใช่ตึกหลังงามตามนิยมตึกถล่มทุกทีคร่าชีวิต"ลูกง่วงนอนสุดเหวี่ยงไร้เดียงสายังร้องจ้าไม่หยุดเพราะหงุดหงิดแม่ต้องปลอบต้องขู่ให้รู้คิดจึงยังมีชีวิตอยู่ติดตัวเมื่อคลื่นลมหยุดคลั่งฝั่งสงบคนอยู่ครบ บ้านไม่พัง หลังคารั่วแม่อุ้มคนม่อยหลับกับความกลัวอำลาที่คุ้มหัวเพียงชั่วคราวฉากชีวีที่แม่เพียรให้เรียนรู้เพื่อได้อยู่จนคุ้มถึงหนุ่มสาวแม่คือหลังคาคลุมคุ้มยืนยาวพายุกร้าวกี่ครั้งยังปลอดภัย
หลังพายุครืนโครมโถมพ้นผ่านเป็นช่วงงานสำรวจตรวจชายฝั่งแม่ออกตามหาคนบนเรือพังไม่ว่าเจ็กไทย ฝรั่ง หวังเพียงพบฝืนฝ่าไม้เรียวฝนหล่นกลางหลังด้วยใจหวังสูงไว้....มิใช่ศพอวัยวะ หัว หู ยังอยู่ครบโดยระบบแม่มองต้องช่วยกันเห็นผลุบผลุบโผล่โผล่โต้คลื่นยักษ์แม่ชะงักนิดหนึ่ง...จึงถลันวิ่งตามคลื่นคว้าหมับ...ปล่อยฉับพลันเย็นอย่างนั้น ศพแน่แน่ แม่งงงวยร่างนั้นนอนแน่นิ่งกลิ้งตามคลื่นแม่ต้องฝืนทำใจ...อย่างไรก็ช่วยเผื่อยังมีบุญนำโชคอำนวยถ้าไม่ฉวยโอกาส...อาจสิ้นใจร่างล่อนจ้อนนอนลื่นตามคลื่นซัดจึงตวัดแขนคว้าขึ้นมาใหม่ลากหนีคลื่นม้วนกลับอย่างฉับไวแม่แย่งชัยชนะจากพระยม"การช่วยเหลือเกื้อกูลไม่สูญเปล่าถึงนานเนาผูกจิตสนิทสนมซึ่งเป็นความมุ่งหวังของสังคมความเกลียวกลมห่มคุ้มกลุ่มแข็งแรง"อันคุณงามความดีมีคุณค่าซึ่งสังคมศรัทธาหอมกว่าแป้งไม่ต้องซื้อต้องหาราคาแพงหากใช้แต่งครอบครัวตัวตนงาม
ทุกสิ่งสุดแสนดีที่มีให้ยังเก็บไว้ย้อนนึกระลึกเสมอยังคุ้นคุ้นอุ่นเอยคล้ายเคยเจอตอนละเมอเจอกันในฝันดีอุ่นไอไมตรีจิตสนิทสนมที่ห้อมห่มละมุนอุ่นเต็มที่อุ่นความคิดชิดใกล้ที่ให้ฟรียามนาทีเสียหลักได้พักพิงอุ่นไออ้อมแขนอันฝันประคองเมื่อคราวท่องโลกฝันนั้นอย่างยิ่งอุปถัมภ์ค้ำจุนอบอุ่นจริงให้ทุกสิ่งที่ขอไม่รอทวงอุ่นความเอาใจใส่จนใจอิ่มแอบอมยิ้มอายอายได้บางช่วงอุ่นเอมอิ่มทุกหนกับผลพวงของการล่วงรู้ในหัวใจกันอุ่นยามแวบแอบถนอมออมรู้สึกมิให้นึกฉงนจนใจหวั่นอุ่นถ้อยคำที่ย้ำว่าสำคัญอุ่นกับความมุ่งมั่นจะบันดาลคนเขียนกลอนอ่อนซ้อมให้ยอมเขียนหยุดทำเนียนแถไถไม่เอาถ่านกลับตัวตนจนเฝ้าเอาการ (เอา) งานเปรียบสายป่านตึงตึงดึงว่าวลอยอุ่นอาบใจในถ้อยร้อยปลอบปลุกให้รีบลุกเดินต่อห้ามท้อถอยจนต้องเร่งรีบจ้ำเลิกสำออยอุ่นยามคอยถามทวงอย่างห่วงใย( อุ่นถ้อยมธุรสในบทกลอนเป็นลำนำอำนวยพรตอนเยี่ยมไข้อุ่นพร้อมหอมระรินกลิ่นดอกไม้อุ่นที่ให้ความหวังกำลังใจ )อันเป็นความอบอุ่นทรงคุณค่ายามถวิลจินตนาครั้งคราไหนยังคงความรู้สึกนึกอุ่นไอเหมือนอยู่ในอ้อมอุ่นอันคุ้นเคย