ติชิลา...มาเดี่ยวเปลี่ยวหนักหนาดาริกาคือกลุ่มดาวราวพันกลุ่มลมโชยพลิ้วหวิวอ่อนคลายร้อนรุมกระต่ายหนุ่มย่อมตะกายหมายพระจันทร์ติชิลา..มาเดี่ยวเปลี่ยวเสมอด้วยตัวเธอโดยธรรมชาติขาดคู่ขวัญยินกระต่ายต่ำต้อยร้อยรำพันหัวใจพลันสั่นไหวหลงใหลกานท์ติชิลา..มาเดี่ยวเป็นเสี้ยวแหว่งต้องมนต์แห่งคำกลอนที่อ่อนหวานยิ่งเห็นดาวคู่ดาว.. จันทร์ร้าวรานเมื่อคนกานท์ยังคู่ฝัน...จันทร์เศร้าจัง(ติชิลา แปลว่า พระจันทร์ดาริกา แปลว่า หมู่ดาว)
วันที่เรือขึ้นฝั่งเป็นครั้งแรกเธอยังเป็นเช่นแขกที่แปลกหน้าเราจึงเพียงยืนพบตาสบตาโดยมิได้โอภาปราศรัยกันหลังจากนั้นหนึ่งเดือนเยือนอีกครั้งเพื่อจะฟังเพลงรักจักจั่นท่ามลมล้อคลอคลื่นเธอยืนยัน"ไม่นับวัน" ลาจากอยากอยู่ยาวมาเยือนครั้งที่สามฉันตามต้อยเธอพาลอยเล่นลมเหินชมหาวไปทำความรู้จักทักทายดาว"ไม่รู้ร้อนรู้หนาว" ราวละเมอครั้งที่สี่ ที่เจอเสมอเท่าเพราะสองเราปักหลักชักเย่อฉันสัญญาจะไม่แสร้งกลั่นแกล้งเธอผลัดกันแพ้แลเสมอตอนเย่อกลอนเธอไปดูปะการังด้วยครั้งหนึ่งแล้วเราจึงขึ้นฝั่งนั่งพักผ่อนส่องนกสองสามกลุ่มที่ชุมพรมีฉันด้วยทุกตอนตะลอนไปเราจึงอยู่คู่กันในบันทึกพร้อมรู้สึกดีดี มีมอบให้เขียนเป็นตุเป็นตะจนสะใจนี่เพราะใครกำนัลแรงบันดาลมอบบทกลอนนี้แม้นแทนของขวัญซึ่งกำนัลเพื่อให้เก็บไว้อ่านในหนึ่งช่วงชีวิตพิสดารเคยฝันหวานลับลับมากับใคร( จาก ปิรันย่า แด่ ปลากัด )
จากตำบลหนใดไม่อาจรู้เคยกินอยู่อย่างไรไม่อาจเห็นนั่นมิใช่ประสงค์ลงประเด็นเริ่มตอนเป็นเพื่อนรักอักษราอาจจะเป็นบุญเอื้อเพื่อให้พบเพื่อจะจบจากไปในภายหน้าซึ่งอาจเหลือเรื่อรางความค้างคาที่คงค่าความหมายหลายประการถึงจะจบจากไปใจมิจบมิเลือนลบความสุขสนุกสนานความรู้สึกสุขสันต์เมื่อวันวานยังแผ่ซ่านเอิบอาบซาบหัวใจความรู้สึกอบอุ่นที่กรุ่นอบยังตระหลบอบอวลชวนอ่อนไหวจนรู้สึกเสียดายคล้ายอาลัยหากสลายหายไปในทันทีธรรมดาการพบจบที่ผ่านไปตามกาลวารวันพาผันหนีแต่ใจยังอยากชะลอขอแค่มีความรู้สึกดีดีนี้อีกวันแม้เป็นการรู้จักผ่านอักษรเอื้ออาทรห่วงใยในโลกฝันความรู้สึกไยดีที่ให้กันและรู้สึกผูกพัน...นั่นของจริง
เป็นลูกศิษย์หัวอ่อนเธอสอนว่ายามตกปลาอย่าดึงตึงหรือหย่อนถ้าตึงเกินเอ็นอาจจะขาดตอนถ้าหากผ่อนยานสุดปลาหลุดลอยแต่ตอนเธอร้อยเอ็นเล่นไม่ซื่อแสร้งไขสือบอกสูตรพูดพล่อยพล่อยเธอร้อยเอ็นเส้นปะติ๋วมีริ้วรอยตั้งใจปล่อยปลาหลุดไปใช่ไหมเธอฉันไม่อยากตกปลามาบังคับกำกับให้ตกปลามาเสมอแม้ว่าฉันออกปากไม่อยากเจอยังให้เย่อไม่หยุดสุดทรมานถ้าเย่อไปเย่อมาปลาบาดเจ็บฉันหนาวเหน็บเจ็บป่วยด้วยสงสารถ้านั่งดึงสายเอ็นเล่นนานนานทรมานปวดร้าวหลายเท่านักแต่ถ้าฉันกระชากปลาปากฉีกเป็นเสี้ยวซีกจริงจริงยิ่งทุกข์หนักเพราะว่าปลาตัวนั้นฉันแสนรักเคยฟูมฟักเลี้ยงดูอยู่หลายปีถ้าหากปลาสุขสบายภายในบ่อฉันอยากขอวางมือหรือเดินหนีเพราะถ้าฉันดึงปลาพ้นวารีปลาอาจตายทันที...ที่ขึ้นมา
นั่งรถผ่าน"มอดินแดง " แห่งขอนแก่น*นึกถึงแคนบรรเลงเพลงลำซิ่ง"เขาพักอยู่ตรงไหนในโลกจริง"รถเราวิ่งไปสู่เมืองอุดรฯก็พยายามทำตัวหัวสมัยใหม่ซื้อคอนโดฯศิวิไลซ์ไว้พักผ่อนหลบพายุรุกรุมที่ชุมพรหนีบางช่วงบางตอนที่ร้อนรุมมาหัดกินส้มตำหัดจ้ำแจ่วกินผักแพว กินแหนม แถมจิ้มจุ่มกินปลาส้ม ลาบบ้าง แซบบางมุมหมูยอนุ่ม แกงอ่อม จ่อมนานาวิ่งรอบสวนสาธารณะ "หนองประจักษ์"หอบฮักฮักไกลโขสามกิโลกว่าพอเรียกเหงื่อเมื่อใกล้ตะวันลาดูเหมือนฟ้าไม่กว้างต่างกับทะเลแม้เป็นฟ้าเดียวกันแต่วันต่างไร้เพลงคลื่นบางบางครางกล่อมเห่มีแต่เสียงสับสนรถปนเปคิดถึงเรือตังเกทะเลอ่าวไทยเป็นโลกจริงของชีวีมีสองบ้านเอ๊ะ ! เราเป็นคนอิสานหรือคนใต้เอาเป็นว่าฟังเขา "เว้า" พอเข้าใจ**แต่พูดไทยปนอังกฤษผิดประจำ(* ที่ตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น** เว้า ภาษาอิสานแปลว่า พูด )