14 มีนาคม 2557 23:06 น.

ติชิลา

Parinya

     
ติชิลา...มาเดี่ยวเปลี่ยวหนักหนา
ดาริกาคือกลุ่มดาวราวพันกลุ่ม
ลมโชยพลิ้วหวิวอ่อนคลายร้อนรุม
กระต่ายหนุ่มย่อมตะกายหมายพระจันทร์
ติชิลา..มาเดี่ยวเปลี่ยวเสมอ
ด้วยตัวเธอโดยธรรมชาติขาดคู่ขวัญ
ยินกระต่ายต่ำต้อยร้อยรำพัน
หัวใจพลันสั่นไหวหลงใหลกานท์
ติชิลา..มาเดี่ยวเป็นเสี้ยวแหว่ง
ต้องมนต์แห่งคำกลอนที่อ่อนหวาน
ยิ่งเห็นดาวคู่ดาว.. จันทร์ร้าวราน
เมื่อคนกานท์ยังคู่ฝัน...จันทร์เศร้าจัง
(ติชิลา  แปลว่า พระจันทร์
 ดาริกา  แปลว่า หมู่ดาว)
  
9 มีนาคม 2557 09:56 น.

เธออยู่ในบันทึก

Parinya

        
วันที่เรือขึ้นฝั่งเป็นครั้งแรก
เธอยังเป็นเช่นแขกที่แปลกหน้า
เราจึงเพียงยืนพบตาสบตา
โดยมิได้โอภาปราศรัยกัน
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเยือนอีกครั้ง
เพื่อจะฟังเพลงรักจักจั่น
ท่ามลมล้อคลอคลื่นเธอยืนยัน
"ไม่นับวัน" ลาจากอยากอยู่ยาว
มาเยือนครั้งที่สามฉันตามต้อย
เธอพาลอยเล่นลมเหินชมหาว
ไปทำความรู้จักทักทายดาว
"ไม่รู้ร้อนรู้หนาว" ราวละเมอ
ครั้งที่สี่ ที่เจอเสมอเท่า
เพราะสองเราปักหลักชักเย่อ
ฉันสัญญาจะไม่แสร้งกลั่นแกล้งเธอ
ผลัดกันแพ้แลเสมอตอนเย่อกลอน
เธอไปดูปะการังด้วยครั้งหนึ่ง
แล้วเราจึงขึ้นฝั่งนั่งพักผ่อน
ส่องนกสองสามกลุ่มที่ชุมพร
มีฉันด้วยทุกตอนตะลอนไป
เราจึงอยู่คู่กันในบันทึก
พร้อมรู้สึกดีดี มีมอบให้
เขียนเป็นตุเป็นตะจนสะใจ
นี่เพราะใครกำนัลแรงบันดาล
มอบบทกลอนนี้แม้นแทนของขวัญ
ซึ่งกำนัลเพื่อให้เก็บไว้อ่าน
ในหนึ่งช่วงชีวิตพิสดาร
เคยฝันหวานลับลับมากับใคร
( จาก ปิรันย่า  แด่ ปลากัด )
14 มีนาคม 2557 23:07 น.

บางฝันพันจริง

Parinya

         
จากตำบลหนใดไม่อาจรู้
เคยกินอยู่อย่างไรไม่อาจเห็น
นั่นมิใช่ประสงค์ลงประเด็น
เริ่มตอนเป็นเพื่อนรักอักษรา
อาจจะเป็นบุญเอื้อเพื่อให้พบ
เพื่อจะจบจากไปในภายหน้า
ซึ่งอาจเหลือเรื่อรางความค้างคา
ที่คงค่าความหมายหลายประการ
ถึงจะจบจากไปใจมิจบ
มิเลือนลบความสุขสนุกสนาน
ความรู้สึกสุขสันต์เมื่อวันวาน
ยังแผ่ซ่านเอิบอาบซาบหัวใจ
ความรู้สึกอบอุ่นที่กรุ่นอบ
ยังตระหลบอบอวลชวนอ่อนไหว
จนรู้สึกเสียดายคล้ายอาลัย
หากสลายหายไปในทันที
ธรรมดาการพบจบที่ผ่าน
ไปตามกาลวารวันพาผันหนี
แต่ใจยังอยากชะลอขอแค่มี
ความรู้สึกดีดีนี้อีกวัน
แม้เป็นการรู้จักผ่านอักษร
เอื้ออาทรห่วงใยในโลกฝัน
ความรู้สึกไยดีที่ให้กัน
และรู้สึกผูกพัน...นั่นของจริง
7 มีนาคม 2557 15:16 น.

หัวอกคนตกปลา

Parinya

เป็นลูกศิษย์หัวอ่อนเธอสอนว่า
ยามตกปลาอย่าดึงตึงหรือหย่อน
ถ้าตึงเกินเอ็นอาจจะขาดตอน
ถ้าหากผ่อนยานสุดปลาหลุดลอย
แต่ตอนเธอร้อยเอ็นเล่นไม่ซื่อ
แสร้งไขสือบอกสูตรพูดพล่อยพล่อย
เธอร้อยเอ็นเส้นปะติ๋วมีริ้วรอย
ตั้งใจปล่อยปลาหลุดไปใช่ไหมเธอ
ฉันไม่อยากตกปลามาบังคับ
กำกับให้ตกปลามาเสมอ
แม้ว่าฉันออกปากไม่อยากเจอ
ยังให้เย่อไม่หยุดสุดทรมาน
ถ้าเย่อไปเย่อมาปลาบาดเจ็บ
ฉันหนาวเหน็บเจ็บป่วยด้วยสงสาร
ถ้านั่งดึงสายเอ็นเล่นนานนาน
ทรมานปวดร้าวหลายเท่านัก
แต่ถ้าฉันกระชากปลาปากฉีก
เป็นเสี้ยวซีกจริงจริงยิ่งทุกข์หนัก
เพราะว่าปลาตัวนั้นฉันแสนรัก
เคยฟูมฟักเลี้ยงดูอยู่หลายปี
ถ้าหากปลาสุขสบายภายในบ่อ
ฉันอยากขอวางมือหรือเดินหนี
เพราะถ้าฉันดึงปลาพ้นวารี
ปลาอาจตายทันที...ที่ขึ้นมา
5 มีนาคม 2557 05:44 น.

ฉงนตนเอง

Parinya

   นั่งรถผ่าน"มอดินแดง " แห่งขอนแก่น*
นึกถึงแคนบรรเลงเพลงลำซิ่ง
"เขาพักอยู่ตรงไหนในโลกจริง"
รถเราวิ่งไปสู่เมืองอุดรฯ
ก็พยายามทำตัวหัวสมัยใหม่
ซื้อคอนโดฯศิวิไลซ์ไว้พักผ่อน
หลบพายุรุกรุมที่ชุมพร
หนีบางช่วงบางตอนที่ร้อนรุม
มาหัดกินส้มตำหัดจ้ำแจ่ว
กินผักแพว กินแหนม แถมจิ้มจุ่ม
กินปลาส้ม ลาบบ้าง แซบบางมุม
หมูยอนุ่ม แกงอ่อม  จ่อมนานา
วิ่งรอบสวนสาธารณะ "หนองประจักษ์"
หอบฮักฮักไกลโขสามกิโลกว่า
พอเรียกเหงื่อเมื่อใกล้ตะวันลา
ดูเหมือนฟ้าไม่กว้างต่างกับทะเล
แม้เป็นฟ้าเดียวกันแต่วันต่าง
ไร้เพลงคลื่นบางบางครางกล่อมเห่
มีแต่เสียงสับสนรถปนเป
คิดถึงเรือตังเกทะเลอ่าวไทย
เป็นโลกจริงของชีวีมีสองบ้าน
เอ๊ะ ! เราเป็นคนอิสานหรือคนใต้
เอาเป็นว่าฟังเขา "เว้า" พอเข้าใจ**
แต่พูดไทยปนอังกฤษผิดประจำ
(* ที่ตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น
** เว้า ภาษาอิสานแปลว่า พูด )
    
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟParinya
Lovings  Parinya เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟParinya
Lovings  Parinya เลิฟ 0 คน
  Parinya
ไม่มีข้อความส่งถึงParinya