ถ้าไม่ "รู้สึกดี" มิมีฝันสวยสีสันอันซ่อนความอ่อนหวานไม่รู้สึกพิเศษในเหตุการณ์มิอาจสาน ฝัน สี ให้มีนัยคล้ายวูบวาบซาบซึ้งอันพึงจิตคล้ายความคิดในกลอนนั้นอ่อนไหวด้วยอารมณ์ซึมซับประทับใจซึ่งถ่ายทอดสอดใส่ในบทกลอนความรู้สึกดีดีมีแรงเอื้อเชิงชวนเชื่อเพื่อสมมุติมิหยุดหย่อน"รู้สึกดี" มีมนต์ขลังเหมือนดั่งพรดลนักกลอนต้อนจนทนพากเพียร"ถ้าหากเราบันทึกเพื่อนึกถึงความซาบซึ้งตรึงใจในยามเขียนไม่บวกความคาดหวัง แบบนั่งเทียนแม้กาลเปลี่ยนยังรู้สึก บันทึกงาม "คือเหตุผลปนฝันผู้บันทึกที่ตรองตรึกนึกแจงแย้งคำถามคำนึงถึงเวลาอายุความทบทวนถึงนิยามความสัมพันธ์ไม่มีการล้ำเส้นที่เป็นกรอบซึ่งคลุมครอบรอบเฉดพร้อมเขตกั้นให้บันทึกอยู่ในกรอบขอบกักกันในเสี้ยวฝันอันสวยด้วยคำนึง
ไม่ว่าหลับหรือตื่นฝืนมิได้ทั้งหัวใจในสมองกับสองหูเหมือนยินเสียงบรรเลงเพลงพรั่งพรูโดยมิรู้หยุดหย่อนวรรคตอนเลยเพราะเจ้าจักจั่นนั้นแสนรู้ฉันทำหูทวนลมข่มเฉยเฉยที่จริงเงี่ยหูฟังดังเคยเคยจึงลงเอยที่ฉันนั้นต้องทนเมื่อก่อนนี้บรรเลงเพลงกล่อมฉันด้วยผูกพันกันมาหลายหน้าฝนคุ้นกันแบบร่วมหัวรู้ตัวตนแต่พอ "คนงี่เง่า" เขาเข้ามาจักจั่นบรรเลงแต่เพลงล้อเช่นเพลง " รอ คิดถึง คนึงหา "แต่ละวันมันพล่ามสามเวลาจนเพลงมาฝังกมลจนกลมกลืน"ทำไมร้องซ้ำซากอยากรู้นักเมื่อไหร่จักบรรเลงด้วยเพลงอื่น"จักจั่นชุมพรย้อนถามคืน"นี่เธอตื่น แล้วหรือ หือ ว่าไง "นั่นซีนะ หรือว่าฉันยังฝันอยู่เพลงในหูจึงวนเวียนมิเปลี่ยนใหม่ถ้าหากฉันยังวนเวียนมิเปลี่ยนใจเพลงอื่นใดมิเข้าหู...มิรู้ยิน
ย้อนสู่วัน "ขวัญหาย" ที่ชายหาดเพราะแคล้วคลาดกับเธอไม่เจอหน้ารู้สึกเหมือนโลกมีเพียงสีชาเหมือนท้องฟ้าอึมครึมสีทึมเทาเหมือนยินคลื่นบรรเลงเพลงว้าเหว่เหมือนคืนค่ำจำเจทะเลเหงาเหมือนหัวใจเคร่งขรึมและซึมเซาเหมือนมีเงารื้นรื้นชื้นในตาส่งคำถามข้ามทะเลอย่างเฉไฉอีกเมื่อไหร่ฉัน-เธอจะเจอหน้าหรือมิเหลือสัมพันธ์อันค้างคาหรือมีเหตุ เจตนาลาร้างกันไม่กล้าตอบตัวเองเกรงคำตอบเพราะใจชอบยกเมฆเสกความฝันตอบร้ายก็เก็บมาเศร้าจาบัลย์ตอบดีก็ลวงฉันสร้างฝันไกลก็คงถามลอยลอยคอยหงอหงอจะต้องรอเศร้าเศร้านานเท่าไหร่หรือจะรออย่างงี่เง่าอีกเท่าไรจนหัวใจหวุมหวุมเพราะคลุมเครือ*"สุรีย์ฉายชายหาดสะอาดเงียบทะเลเรียบสีครามงดงามเหลือร่ำเพลงรักจักจั่นพลันลงเรือโอ แก้มเรื่อขวัญหายจงกลายมี"*ขอบคุณพระ เธอกลับมารับขวัญในวารวันที่กังวลจนล้นปรี่"ขวัญหาย" กลับกลายพลัน เป็น "ขวัญดี"เอ๊ะ ! ดนตรีทะเล...เห่เพลงใด(*....* ประพันธ์โดย ปลากัด )
มธุรสวจีกวีร้อยเรียงทิพย์ถ้อยอ่อยเหยื่อหวานเหลือหวานเอ่ยอ้างดาวราวเดือนเหมือนพยานในกลอนกานท์หว่านล้อมน้อมดวงใจฝากวลีที่ร้อยแทนสร้อยเสียงมาเลียบเคียงเพียงกลจนเผลอไผลหลงรับสร้อยร้อยแขนแม้นมาลัยด้วยหทัยหลงคมคารมกวียามเห็นเดือนเยือนฟ้าในหน้าหนาวยามเห็นดาวกะพริบแสงริบหรี่ยามนั้นใจโบยบินถวิลวจีหวนวลีที่เสนอเสมอมาเพื่อมอบตอบแทนจิตที่คิดถึงของคนซึ่งดวงจินต์ถวิลหาจึงตั้งใจทอถักอักษราเป็นมาลาทิพย์ถ้อยร้อยตอบเธอฝากวจีเรียงร้อยถ้อยทอถักดุจสร้อยรักคล้องตอบมอบเสนอคนเรียงร้อยสร้อยนี้ยินดีเจอขอเพียงเธอไยดีไม่มีตรมคำเรียงร้อยถ้อยถักรักที่มอบหากเธอชอบมอบเป็นเช่นผ้าห่มช่วยคลายหนาวคราวพ่ายสายฝน ลมหนาวเนื้อนมห่มคลายหายหนาวทรวง
ในคืนค่ำคล้ำหมองท้องฟ้าหม่นเมฆเทาเกลื่อนเหมือนคนใจหม่นไหม้แว่วเสียงครางหงิงหงิงหริ่งเรไรเหมือนเธอไป "รำพันกับจันทรา"เธอดายเดียวเปลี่ยวเหงาเฉาหดหู่ด้วยขาดชู้ทางใจอาลัยหาแต่เราขาดน้ำใจใครนำพาเพราะอัตตาที่สร้างไว้ต่างกันเรื่องบางอย่างต่างคนก็ต่างคิดตามเหตุผลของชีวิตที่ปิดกั้นหากยังมีช่องทางสร้างสัมพันธ์แต่ทางนั้นบ่อยครั้ง...พังทลายฉันเคยไปหาเธอ..เก้อสองครั้งเมื่อทบทวนความหลังยัง "ขวัญหาย"คราวนั้นเราแคล้วคลาดที่หาดทรายจักจั่นล้อให้อายเป็นรายวันอีกหนึ่งครั้งไปมองที่ "กองขยะ"คิดว่าจะพบเจอเธอที่นั่นแต่เห็นหนูกรูมาราวห้าพันต้องรีบหันหลังคืนเลิกยืนคอยเธอ *"อยากอยู่ในบันทึกความนึกคิดอยากอยู่ในลิขิตประดิษฐ์ถ้อยอยากอยู่ในจินตการวิมานลอย" *จึงเรียงร้อยบทกวีนี้...มอบเธอ(*.. ...* ประพันธ์โดย ปลากัด )