เธอคือคนสำคัญในวันนี้วันที่สีเบื้องหน้าฟ้าสว่างวันที่เมฆสีเทานั้นเบาบางจนมองเห็นเส้นทางกลางพงไพรจักจั่นเริ่มบรรเลงเพลง "ไม่เหงา"ลมแผ่วเบาเกินไล้ใบไม้ไหวดอกหญ้ามีความหวังกำลังใจจะสู้ภัยในเส้นทางอย่างอดทนเคยซบร่างบางเฉียบเขาเหยียบย่ำเคยต้อยต่ำกว่าดินทรายมาหลายหนจะหยัดร่างโผล่หัวเป็นตัวตนจะยืนต้นพ้นตมสังคมกวีแม้อยู่ห่างร่างกายมิได้ชิดเพราะต่างมีชีวิตเกิดผิดที่แต่ในฝันนั้นเหมือนเพื่อนที่ดีเหมือนดนตรีกล่อมกมลคนซึมเซาเหมือนสายฝนปนลมพรมยอดหญ้าที่อ่อนล้าซีดเซียวคลายเหี่ยวเฉามีเรี่ยวแรงแข็งขืนยืนสั่นเทาด้วยยังเมาทรมานที่ผ่านไปจะยืนตรงทรงกายในภายหน้าด้วยเมตตาปรานีที่เธอให้มิถึงคอยประคองปกป้องภัยเพียงมีใจให้อิงอุ่น...เป็นบุญแล้ว
จะทำความเข้าใจใครคนหนึ่งให้ลึกซึ้งทุกประเด็นเป็นเรื่องใหญ่แค่มองผาดมองเผินเพลินเพลินไปหรือเข้าใจถูกต้องอย่างถ่องแท้ตาเรามีจงลองมองดูเถิดมองให้เกิดภาพชัดถนัดแน่มองให้เห็นภาพนั้นไม่ผันแปรมีข้อแม้บางคราตาหลอกตนหูเรามีไว้ฟังทั้งสองหูมีสองรูเปิดรับเสียงสับสนต้องหูไวหูผึ่งจึ่งทันกลยินทุกหนไม่ควรด่วนหูเบามือเรามีบางโอกาสอาจสัมผัสใช้จับวัดเล็กใหญ่อย่างไรเล่ามีโอกาสจงสัมผัสจับวัดเอาแต่ยามใช้มือเราต้องเบามือและยังมีสมองตรองพินิจว่าถูกผิดท้วงติงว่าจริงหรือหรือว่าหูมารยาหรือตาปรือหรือว่ามือกลับกลอกบอกสิ่งใดยังต้องมีความอยากที่มากล้นจึงเกิดความอดทนจะค้นไขถ้าความอยากมากพอมิท้อใจพากเพียรไปแม้ความยากจะมากมายถ้าหากอยากเข้าใจอาจไม่ยากถ้าไม่อยากเข้าใจคงไม่ง่ายบางคนอยากเข้าใจใครสักรายจนวันตายยังไม่เข้าใจเลย
ความรู้สึกที่ใจไหลทะลักเมื่อทั้งเก็บก็หนักกักไม่ไหวอาจมิมีสารัตถะ สาระใดเพียงส่วนเกินภายในไหลออกมาเป็นอารมณ์ไหลหลากจากผู้เขียนซึ่ง พากเพียรกรองความตามปรารถนาด้วยถ้อยคำวิจิตรผิดธรรมดาอันอาจพาผู้อ่านสะท้านสะเทือนโดยความคิดสอดคล้องจากสองฝั่งยามอยู่ในภวังค์ดังเป็นเพื่อนแต่ต่อมาภารกิจก็บิดเบือนเมื่อเสมือนบทกวี...มีชีวิตเป็นอิสระจะหาคนที่ทนอ่านและเข้าใจวิญญาณการลิขิตเห็นหน้ากันและกันวันเพ่งพิศเอมอิ่มเอมเปรมจิตยามคิดลาใต้ม่านฝนหม่นสลัวชั่วเปล่าเปลี่ยวในบางเสี้ยวภวังค์จิตอนิฏฐา*ในอ่อนแอแพ้โลกโชคชะตาแม้แต่คราสุขสันต์นั้น...บางทีอะไรหนอที่จะสว่างวาบและกำซาบอาบเข้มได้เต็มที่เท่าอยู่ในอ้อมแขนเพื่อนแสนดี"บทกวีโอบคุณละมุนละไม"( * ไม่น่าพอใจ )
คนคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลไม่เห็นหน้าอักษราพาชิดสนิทใกล้จนบางทีเหมือนผู้ที่รู้ใจจนฝันไปว่าร่างอยู่ข้างกายเริ่มตั้งแต่น้ำมันนั้นเกยหาดฉันไปกวาดอย่างอดทนจนคราบหายเขานั่งเรือส่งสายตามาทักทายแล้วค่อยค่อยขยายสายสัมพันธ์เขาชอบใช้ท่าทีคนขี้เล่นเหมือนดังเช่นคนอุดมอารมณ์ขันมีลูกล่อลูกชนปะปนกันช่วยรังสรรค์ฝันสวยด้วยไหวพริบจนคนฝันฝันเพลินเกินรู้สึกตกผลึกบทกวีพอดีพอดิบจนคล้ายคล้ายหัวใจมีไฟทิพย์วะวับวิบส่องถนนคนเขียนกลอนถามตัวเองเสมออยากเจอไหมตอบด้วยใจเชื่อมั่นอย่างวันก่อนเพียงพลังรังสรรค์นั้นดั่งพรและบางตอนฉันได้มาใช้แล้วฐานะเขาเป็นดั่งผู้รังสรรค์ก่อกำเนิดเกิดฝันอันผ่องแผ้วให้ทุกวันฝันเหลือเป็นเชื้อแนวเกิดผลึกแก้วก่องเก็จเพชรพาทีในใจฉันนั้นจักสลักชื่อเขาคือ ประหยัด พันธะศรีผู้เป็นช่างสร้างคุณสุนทรีย์ผู้รังสรรค์ฝันดีดี...ที่สวยงาม
คนคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลไม่เห็นหน้าอักษราพาชิดสนิทใกล้จนบางทีเหมือนผู้ที่รู้ใจคอยอาทรห่วงใยเข้าใจกันเริ่มตั้งแต่ในวันฉันหัดเขียนเมื่อแรกเรียนเขียนก่อนกลอนสั้นสั้นได้รับความเมตตาน่าอัศจรรย์เฝ้ากวดขันอวยพรสั่งสอนมาแม้ไม่เคยพบหน้าศรัทธาเกิดเธอคือผู้ประเสริฐเลิศล้ำค่าเธอคือครูผู้อุทิศวิทยาผู้ให้ความกรุณามานานวันถามตัวเองเสมอรักเธอไหมรักเต็มทุกห้องในหัวใจฉันยามคิดถึงทุกครั้งยังผูกพัน"รู้สึกดี" ที่ให้กันนั้นล้ำเลอไม่มีหยิ่งยโสศิโรราบก้มลงกราบด้วยใจไปเสมอแม้สัมพันธ์นั้นล่วงเลยไม่เคยเจอแต่ชื่อเธอยังสลักปักฤดีในฐานะคุณครูผู้ประสิทธิ์ให้ลิขิตกานท์กลอนอักษรศรีเสริมให้สู้พากเพียรเขียนบทกวีคืออาจารย์สุรีย์ พันเจริญ