เมื่อมีบางสายลมพรมผิวน้ำจนเหลื่อมล้ำต่ำ-สูง เป็นฝูงคลื่นหลายขนาดอาจผสมจนกลมกลืนล่องไหลลื่น "คลื่นหัวเรียบ" เงียบตามลมเมื่อเจอแรงเสียดทานของฐานสมุทรโมเลกุลถูกฉุด หยุดยั้ง ขย่มสู่ที่ตื้น "คลื่นหัวแตก" แยกฟองกลม"คลื่นบนหาด"สาดถมฟองจมทรายคลื่นแรงที่ยกหัวม้วนตัวกลับเป็นคำศัพท์เฉพาะถิ่น (ใต้) ชินความหมาย"คลื่นหักคอ"ก่อเกลียวม้วนล้วนทำลายเกิดเสียหายในที่ตื้นเพราะคลื่นแทงส่งผลในพื้นที่มีความเปราะเมื่อน้ำนั้นกัดเซาะเฉพาะแห่งอาจสร้างความเสียหายได้รุนแรงในบางแหล่ง เจอจน ถนนพังแต่เจ้าคลื่นรื่นรมย์ยามลมพลิ้วที่ล่องลิ่วสาดทรายริมชายฝั่งกลายเป็นเพลงทะเลเห่จีรังจะคงดัง วังเวง เป็นเพลงทะเลท้องทะเลหัวใจกว้างใหญ่นักทั้งลมรัก ลมชัง ยังคงเห่ดังคลื่นสาด คลื่นเซาะ เลาะจำเจอาจพังเพด้วยแรงกล้า คลื่นอารมณ์
เมื่อสรรคำสำคัญนำเรียงร้อยใช่ถักถ้อยร้อยคำทำเล่นเล่นแต่มีผังกำหนดมีกฏเกณฑ์อย่างชัดเจนเน้นหนุนคุณคำคมให้คายคมสมค่าภาษาสวยเสริมความด้วยรูปลักษณ์ถักผสมผลินิยามตามมาสื่ออารมณ์น้อมนิยมชมภาพแห่งกาพย์กลอนร้อยกลอนกาพย์ภาพสร้างอย่างจงเจตในประเภทรักซึ้งซึ่งซุกซ่อนที่อยู่ในภาพพจน์ของบทตอนมาออดอ้อนให้อ่านผลงานงามเป็นการขึ้นบันได "ในโลกฝัน"ซึ่งมุ่งมั่นด้วยใจที่ไหวหวามความรู้สึกเต็มร้อยในถ้อยความในอาราม ฝันฝัน แห่งวันคืนคนถือสิทธิ์สะกิดฝันวันนอนหลับจนวาววับกลับผันเป็นฝันตื่นทั้งยังคอยใส่ใจเติมไฟฟืนจึงกลมกลืนอยู่ในฝันอันดำเนินเป็น "ในโลกฝัน...2 " งามผ่องใสบนบันไดดาวกวีที่นานเนิ่นก้าวกี่ครั้งยังย่ำต่ำเหลือเกินเหมือนฝันเพลินอยู่กับที่ทุกวี่วัน
ช่ อ คิ ด ถึ ง ซึ่ ง เ จ า ะ จ ง ส่ ง ม า ใ ห้จ ะ ก อ ด ไ ว้ ใ น ฝั น อั น แ ห น ห ว งทั้ ง เ นื้ อ ห า ค่ า คุ ณ อุ่ น แ ด ด ว งดั่ ง จิ ต ห้ ว ง คิ ด ถึ ง พึ ง จ ำ น งเ ป็ น ช่ อ ด อ ก คิ ด ถึ ง ซึ่ ง วิ เ ศ ษห อ ม ด อ ก เ ท ศ ค ว า ม คิ ด จ ิต ค น ส่ งจ ะ เ ป็ น ช่ อ คิ ด ถึ ง ซึ่ ง ยื น ย งใ ห้ พ ะ ว ง คิ ด ถึ ง อ ยู่ . . . มิ รู้ ลื ม
คนหัวใจชาชืดจืดสนิทไม่มีคนสะกิดให้หวามไหวจึงซึมเซา เหงา หนาว มายาวไกลแม้มีใคร อาทร มิผ่อนเพลาเหมือนไม่มีพลังพอก่อเกิดผลไม่อาจดลหวานเปี่ยมได้เทียมเท่าแต่เมื่อเธอเอื้อจิตสะกิดเกาความรู้สึกเหี่ยวเฉาเริ่มเบาบางเหมือนดวงจันทร์ดั้นด้นผ่านพ้นเมฆอาจเช่นเฉกคนหัวใจใสสว่างผิงคารม ห่มอาทร นอนยิ้มพลางคงถึงคราวหนาวจางอย่างมีนัยผ้าห่มกลอน อ่อนนุ่ม เธอคลุมมอบคือผ้าผืนชื่นชอบตอบจิตได้เวลากอดซาบซึ้งตรึงหทัยเหมือนมีไอกรุ่นกรุ่นให้อุ่นอิงผ้าห่มจากหัวใจใครกันหนอช่างถักทอเส้นใยสดใสยิ่งทั้งออกแบบแถบผ้าน่ารักจริงทุกทุกสิ่งเจาะจงได้ลงตัวจะเก็บไว้อย่างดี คลี่คลุมห่มป้องกันลม ฝนตก อาจปกหัวมิให้ใจเปียกปอน นอนสั่นรัวจะไม่กลัว ลมกราด ฝนสาดกราว.........................................."ผ้าห่ม"ผ้าห่มกลอนร่อนผ่านจากม่านฟ้าเหินเวหามาห่มคนจมหนาวด้วยโอบเอื้อเจือจุนอบอุ่นยาวจนผะผ่าวราวกรุ่นด้วยอุ่นไอ"หาดบางสนฉงนบ้างคนบางหาดสายตากราดทั่วทิศลิขิตไขคนน่ารักพักผ่อนร่ายกลอนไกลอุ่นละไมคนไกลหาดมุ่งมาดมา "เป็นบทกลอนอ้อนฝากยากเพียงไหนแต่พ่ายความตั้งใจที่ไกลกว่ามิเคยปล่อยลอยหายจากสายตาอาจฟันฝ่ามาตรงตรงเพราะจงใจเปรียบเส้นสายด้ายหนาทอผ้าห่มเส้นคารมคมความคิดลิขิตใหม่เส้นสวยหรูดูเด่นเส้นเยื่อใยสอดสานในผ้าห่มจนสมบูรณ์
รางรางเริ่มรายแผ่แรฟ้ากว้างตะคุ่มตะคุ่มเกาะเหมือนเงาเลือนรางเริ่มเริ่มสางกลางหาวขาวระบายเรื่อเรื่อเรืองเหลืองแดงแต่งขอบฟ้าทองทองเหนือชลาคราแสงฉายพราวพราวพร่างเหลือบเลื่อมกระเพื่อมพรายราวราวระบายนทีสีเลื่อมทองดื่นดื่นคลื่นริ้วเรียวเกลียวคลื่นน้อยลิบลิบลิ่วทยอยฝอยฟองฟ่องหย่อยหย่อยเป็นระยะระรังรองต้อยต้อยฟองล่องน้ำตามเป็นแนวหวิวหวิวพลิ้วสายลมพรมแผ่วผ่านเอื่อยเอื่อยปานนานนานฉิวแผ่วผิวแผ่วอ่อยอ่อยจนพ้นหายสลายแววเย็นเย็นแถวแขนขาผิวหน้าเอยผลุบผลุบโผล่จากรูเรารู้จักงงงงนักทักสักคำอย่าทำเฉยปริบปริบตาให้กันฉันคุ้นเคยวิ่งวิ่งเลยปูจ๋าไปหากินเลียบเลียบเลาะริมน้ำตามชายหาดซ่าซ่าสาดซัดระลอกบอกถวิลซ้ำซ้ำคำใครสั่งดั่งเคยยินคล้ายคล้ายรินน้ำตา...ลาจากกัน( กลอน กลบทธงนำริ้ว ซ้ำ 2 คำ ต้นวรรคเปลี่ยนกระทู้ทุกวรรค จำนวนคำ 8-9 คำตัวอย่างกลอน ขึ้นวรรครับ )