มากนิยามความหมายหลายซับซ้อน"ศาลากลอน" นิยาม ตามที่เอ่ยแต่สำหรับเราคงมิตรงเลยเท่าที่เคยคิดเล่นเห็นต่างกันอาจเป็นความบังเอิญมาเดินเล่นเพราะว่างเว้นงานชั่วที่หัวปั่นหรือเพราะชอบกลอนกานท์งานประพันธ์ร่วมในวันอันพ้องความต้องการจึงจูงมือกันมาศาลาฝันเพื่อสร้างสรรค์บทกลอนที่อ่อนหวานร่วมเรียงร้อยถ้อยคำฉ่ำน้ำตาลเขียนกลอนกานท์หวานซึ้งตรึงหัวใจศาลาฝันวันนี้มีเธอช่วยคอยอำนวยแสงเนียนเป็นเทียนไขส่องนำพลันฝันสว่างเห็นทางไปฝันจึงไกลเหมือนกลอนเธอสอนมา*แต่ปลายทางห่างเกินประเมินรู้ต้องรอดูเส้นทางเดินข้างหน้าจะเป็นเส้นทางตัน...ฝันค้างคาหรือขอบฟ้ามิอาจกั้นความฝันเรามีเธอเดินเคียงข้างอย่างที่ผ่านจะเนิ่นนานปานใดก็ไม่เหงาแต่ถ้าหากเธอเบื่อเหนือคาดเดาวันเปลี่ยวเปล่า เราจะทรุด...หรือหยุดเดิน.........................................* กลอน ....เอ๋ยรัก"จินตภาพวาบหวานผสานสู่ร่วมเรียนรู้สิ่งดีไม่มีหงอแม้ที่สุดมีรักร่วมถักทอมิย่นย่อยืนยันจงฝันไกล"
เคยคิดหวังตั้งแง่พอแก้เหงาเห็นบ้านเก่าเสาโยกเป็นโลกฝันเขียนกลอนหยอกหลอกใครไปวันวันคงไม่มีความสัมพันธ์อันค้างคาคงไม่มีมิตรภาพอันซาบซึ้งหว่างคนซึ่งหลบเร้นไม่เห็นหน้าระหว่างใจเวิ้งว้างกลางนภาความห่วงหาอาลัยคงไม่มีความคิดว่าโลกฝันไร้พันผูกกลับกลายปลูกผูกพันทุกวันวี่ด้วยน้ำใจน้ำจิตมิตรไมตรีเหมือนดังมีจริงจริงใช่สิ่งลวงจึงอยู่บ้านหลังนี้ หนีไม่ได้เพราะมีห่วงผูกไว้ตั้งหลายห่วงเกรงเพื่อนเราเหงาหงอยคอยถามทวงเกรงบางช่วงเพื่อนไม่ว่างบ้านร้างคนตั้งหน้าที่ให้ตัวมิมัวขวยเป็นผู้ช่วยเฝ้าบ้านช่องมิร้องบ่นแม้ต้องจับปากกาสาละวนทนอดทนพากเพียรคิดเขียนกลอนอยากจะเห็นเพื่อนเพื่อนกลับเยือนบ้านมาสนุกสนานเหมือนกาลก่อนมาปลุกบ้านเฮฮา...อย่างถาวรโปรดกลับมาอาทร...บ้านกลอนไทย
ชีวิต มีกับขาด อาจก้ำกึ่งชีวิตซึ่งพอดีหาที่ไหนส่วนมากพบความขาด...ซึ่งบาดใจแต่นั่นคือกลไกในชีวิตจะทิ้งขว้างอย่างไรก็ไม่หลุดเป็นประดุจคู่ความที่ตามติดข้ามเขาเขินเดินคู่อยู่ใกล้ชิดคอยสะกิดร้องขอและต่อรองทุกชีวินดิ้นรนบนความขาดบางชีวิตผิดพลาดเพราะขาดพร่องบางชีวาตม์ขาดปั้นฝันเรืองรองบางชีวีมีช่องลองหาเติมจึงคล้ายทุกชีวีมีโอกาสหากฉลาดไขว่คว้าอาจหาเพิ่มให้ขาดน้อยถอยถดลดจากเดิมพอมีเติมส่วนพร่องเพื่อ ป้อง ปรามความขาดในชีวีมีแรงขับให้รู้รับมาตรองมิมองข้ามให้ขยันฟันฝ่าพยายามเพื่อแก้ความขาดพร่องที่ต้องทนแต่จะแก้กี่ครั้งก็ยังขาดธรรมชาติสร้างมาน่าฉงนถมมิเคยเต็มทั่วหัวใจคนเติมต่อจนใจขาด....ไม่อาจเต็ม
เมื่อแรกเริ่มลืมตามาดูโลกในเรือนเก่าเสาโยกคือโลกใหม่หลังคาจากมากรูพรุนก็อุ่นไอละอองฝนหล่นใส่ก็ใหญ่มาได้เริ่มคิดเริ่มเรียนเขียนกลอนกาพย์จนมีภาพกวีที่เก่งกล้าประดับตัวเป็นกวีมีสมญาใต้ชายคาเรือนเก่าเสาโยกคลอนมีคนเวียนเปลี่ยนหน้ามาสมทบเขาเจนจบการเรียนเขียนมาก่อนหรือนานนานผ่านมาเป็นขาจรร่วมวงศ์วานบ้านกลอนนอนผูกพัน"จะเป็นชายหรือหญิงสิ่งที่เหมือนคือเป็นเพื่อนร่วมงานร่วมบ้านฝันฐานะ เพศ หรือวัย ไม่สำคัญมิต่างกัน แก่หนุ่ม แค่มุมมอง"แต่หลายรายบ่ายหน้าลาบ้านเกิดหลงเตลิดเพริดฝันดั้นลอยล่องไปไขว่คว้านาที "กวีทอง"ทิ้งบ้านช่องถิ่นฐานนับนานนมปล่อยให้บ้านหลังเก่านี้เหงาหงอยเฝ้ารอคอยคนคืนอย่างขื่นขมหรือเรือนเก่าเสาโยกเป็นโรคซมไม่เหมาะสมสำหรับต้อนรับกวี
เมื่อโลกวิปริตผิดอาเพศได้เกิดเหตุประหลาดบนเวหาลอยลิบลิบสิบดวงสุริยาโลกาวินาศอาละวาดชัดมติที่ประชุมกลุ่มปกป้องความเห็นพ้องต้องทำคือกำจัดเพื่อแก้ไขเหตุร้ายให้เร่งรัดรีบเป่าปัดขจัดเก้าทินกรนักขมังธนูชื่อ "โหอี่"ป่ายปีนยอดคีรีขึ้นไปก่อนยิงเป้าเก้าดวงหล่นร่วงจรคนยกย่องครองนครแผ่นดินจีนหลงอำนาจล้นฟ้าบ้าสมบัติกลายเป็นคนเหลี่ยมจัดไร้สัตย์ศีลอยากหนีพ้นความตายคว้าป่ายปีนปรุงยาจีน "อายุวัฒนะ"รู้ถึงมเหสีชื่อ "ฉางเอ๋อ"เกรงสามีของเธอเป็นอมตะยิ่งเหี้ยมโหดทวีไม่มีละจึงหยิบยาอายุวัฒนะจะหนีไปหากบังเอิญ โหอี่พอดีเห็นฉางเอ๋อเป็นต้นตอก่อเรื่องใหญ่เดาออกว่าเธอจะทำอะไรวิ่งตามเธอทันใดไปเกือบทันเมื่อจวนตัวกลัวสามีที่ไล่คว้าจึงกลืนยาลงไปอย่างไม่หวั่นยาแสดงมหิทธิฤทธิ์พลันฉางเอ๋อนั้นลอยล่องขึ้นท้องฟ้านางอาเจียนออกมาเป็นกระต่ายดูคล้ายคล้ายคางคกมีสามขาสถิตกลางเวหนบนจันทราฉางเอ๋อเป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์........................................เป็นที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญเดือน 8 เรื่องราวของฉางเอ๋อมีแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันจีนตั้งชื่อดาวเทียมตามชื่อของนางคือฉางเอ๋อ 1 และ ฉางเอ๋อ 2