ความทุกข์คือไม่สบายกายและใจเป็นเรื่องใหญ่ในชีวีที่ต้องแก้อริยสัจ สี่ของดีแท้ใช้ได้แน่แค่ต้องลองใคร่ครวญแต่ถ้าทุกข์เพราะใจไม่สบายก็ต้องลองคลี่คลายไปตามส่วนหาสาเหตุเภทผลคนก่อกวนทำหัวใจแปรปรวน จวนจะพังอยู่ในอกตนแท้แท้ ทางแก้แรกรีบปลดแอกหัวใจในกรงขังด้วยการคิดว่าชีวิต อนิจจังจะกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่ง บ้าหลังไยเลี่ยงเหตุการณ์ที่จุดความหงุดหงิดเลิกยึดติดเกี่ยวข้องขุ่นหมองไหม้กันจิตตนพ้นทาง...วาง ว่าง ไว้ซึ่งต้องใช้ความอดทนห้ามตนเองทุกข์ร้อนอาจผ่อนคลายจนหายขาดหากสามารถหักห้ามด้วยความเคร่งความจริงจังระวังตัวทุกข์กลัวเกรงมิกล้าเบ่งศักดามาบาดใจแต่ถ้าทุกข์เพราะกายมีหลายโรคเป็นทุกข์โศกต้องง้อหมอแก้ไขประคองตัวกินยารักษาไปถ้าหากไม่หายขาด...ก็อาจตายซึ่งก็เป็นธรรมดาประสาโลกทั้งคนโศก คนสุข ทุกข์อาจหายเมื่อโรคภัยไกลห่างจากร่างกายแต่จุดปลาย ท้ายสุด...จุดเดียวกัน( แด่ ผู้กำลังทุกข์หนักทุกคน )
ฤดูร้อนหนึ่ง ผึ้งน้อยทำงานปรุงน้ำผึ้งหวาน ลนลานร้อนรนขยันขันแข็ง ทุ่มแรงเข้มข้นเหนื่อยก็อดทน หวังผลต่อไปเจอกับผีเสื้อ เหนือดอกไม้ใหญ่ร้องถามทันใด ทำอะไรอยู่จ๊ะฉันจะเลือกใช้ ดอกไม้สวยสะดอกใดดีนะ จะทำน้ำหวานผึ้งน้อยเข้าใจ กลับไปทำงานหลายวันผันผ่าน พบพานอีกครั้งผึ้งน้อยทักทาน น้ำหวานที่หวังเสร็จแล้วหรือยัง กำลังทำอะไรผีเสื้อตอบว่า จะหาหม้อใหญ่เตรียมไว้สักใบ ค่อยไปลงมือผึ้งน้อยติว่า ไม่ช้าไปหรือผีเสื้อเหลือดื้อ กระพือปีกบินพูดในลำคอ ตอบพอได้ยินเดี๋ยวก็เสร็จสิ้น แล้วบินจากไกลผึ้งน้อยกลับบ้าน ทำงานว่องไวตั้งอกตั้งใจ เสร็จในเวลาลมเย็นวอยวอย ผึ้งน้อยไปหาถาม ผีเสื้อ ว่า ไหลหล่ะ น้ำหวานต้องรอก่อนสิ หาวิธีการคงอีกไม่นาน ได้งานแน่นอนลมหนาวพัดพรู สิ้นฤดูร้อนผึ้งน้อยลอยร่อน บินย้อนพลิกแพลงผีเสื้อจนตรอก ซุกดอกไม้แห้งสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง อกแล้งหิวโหยสะท้านทุกคราว ลมหนาวพัดโบยนอนร้องโอดโอย โดยไม่ทำงาน
ใช้กลอนกานท์หวานหอมกล่อมเสมอทั้งที่เธอ นั้นคือมือสวรรค์ซึ่งอาจเสกเมฆขวาง สร้างตะวันสำหรับความสัมพันธ์อันหมายปองหรือประสงค์จงใจให้ไผลเผลอสองมือเธอเท่านั้นปั้นแสงส่องในเส้นทางชีวันฝันลำยองว่าจะครองสุขสมหรือจมน้ำนครินทร์ถิ่นฐานวิมานแก้วจะเพริศแพร้วร่มรื่นและชื่นฉ่ำให้สองเราร้องรับขับลำนำอยู่ที่เธอต้องทำและนำทางในห้วงดวงหทัย ล้วนใจรักซึ่งสลักมั่นคงตรงทุกอย่างความจงรักภักดีไม่มีจางแม้จะหวั่นไหวบ้างระหว่างรอถ้าหากเธอยังวาดปรารถนารีบเข้าหาผู้ใหญ่ไปสู่ขอแค่เขียนกลอนวอนเล่นเช่นชีกอยังไม่พอเชื่อถือหรือวางใจจงทำให้พรุ่งนี้มีความหวังแทนการนั่งอ่านกลอนก่อนดีไหมแล้วมะรืนจะขออ่านต่อไปเมื่อหลักชัยแห่งรัก...ปักมั่นคง
ใกล้แล้วสินะจะถึงบ้านใจเต้นปานจะข่มใจไว้ไม่อยู่บ้านที่ใจร่ำหาอยากมาดูโต๊ะเตียงตู้ย้ายเคลื่อนหรือเหมือนเดิมผละไปใช้ชีวิตอิสรภาพอยู่ในคราบผู้ใหญ่ใจฮึกเหิมพึ่งลำแข้งแห่งตนจนเป็นเทอมแล้วก็เริ่มหงอยเหงาเฉาในใจป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่เฒ่าพี่น้องเล่าจะพบครบหน้าไหมแต่ละคนเปลี่ยนแปลกแผกปานใดจะมีใครคิดถึงเราหรือเปล่านะมาถึงแล้วแม่กับพ่อยืนรอรับพี่น้องจับมือพร้อมไม่ยอมผละแข่งกันถามทุกข์สุขทุกระยะเสียงเอะอะปานเด็กเจ๊กตื่นไฟคลื่นน้ำตามาออเอ่อคลอเบ้าต้องคอยเฝ้าฝืนทนจนจะไหลบ้านที่เหมือนความฝันอันแสนไกลส่งกลิ่นไอแห่ห้อมหอมระรินนั่งลงบนเก้าอี้สีซีดเก่ามือสั่นเทาคลอนคลอนเหมือนช้อนดิ้นตักขนมตรงหน้าขึ้นมากินรสคุ้นชินประหลาด...รสชาติครอบครัว
ขอโทษค่ะ ขอโทษ โปรดฟังหน่อยขอให้คอยจังหวะชั่วประเดี๋ยวไม่เนิ่นนานแน่แน่แค่แป๊บเดียวหัวยังหมุนเป็นเกลียวเดี๋ยวคงคลายพยายามแล้วพยายามตามใจเสมอยอมให้เธอทุกครั้งไปแม้ไม่ง่ายห้ามทำสิ่งยากยากได้มากมายแต่ห้ามเจ็บทุรนทุรายไม่ได้เลยกำลังหาหนทางอย่างเต็มที่มิได้มีเจตนาจะชาเฉยรู้ว่าเธอประสงค์จะลงเอยเรามิเคยคัดค้านประการใด"ฝืนทรงกายหลายหนจนหน้าคว่ำอย่ากระหน่ำซ้ำรอยคอยได้ไหมขอเวลาที่จะฮึดแค่อึดใจหากจะไปจากกันนิรันดร"ไม่เคยคิดว่าจะต้องเอ่ยร้องขอเพียงแค่รอพอให้ลุกได้ก่อนพอให้มีกำลังนั่งอวยพรกรวดน้ำให้เธอตอนก่อนจะไปเช่นพระเวสสันดรตอนรินหยดหลั่งน้ำรดมือชูชกแทนยกให้ *ทานมเหสี บุตรา มิอาลัยจะกรวดน้ำ ทานมัย ไปเช่นกัน* เป็นที่มาของการกรวดน้ำในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา