ทุกสิ่งในโลกแท้คือแปรผันเพราะทุกคืนทุกวันนั้นโลกหมุนมิอาจประคองสองปมให้สมดุลไม่มีบุญพอคุมทุกปุ่มปมอาจจะมีวันหนึ่งซึ่งพลัดพรากแต่การจากนั้นชื่นมิขื่นขมเธอยังเป็นเงาะงี่เง่าเจ้าคารมอยู่ในลมในฟ้าในตาเราจักจั่นยังครื้นเครงร้องเพลงหวานย้อนตำนานเธอ-ฉันวันเก่าเก่าพอเห็นเรืออาจผวามองหาเงาและคงเศร้านิดนิดชีวิตจริงที่ยังจำเที่ยงแท้ก็แค่ชื่อเหมือนหนังสือใบเบิลเทินบนหิ้งอาจมีบางขณะจิตคิดพักพิงแอบอุ่นอิงพิงคำเอื้อเพื่อกล่อมใจความรู้สึกมิขึ้นลงจะคงที่วันเดือนปีมิอาจกร่อนจนอ่อนไหวหากคิดถึงขึ้นมาครั้งคราใดคงอมยิ้ม อิ่มใน ใจตนเอง( ขอบคุณเวลาที่ได้มาพบกัน)
นอนพังพาบอาบลมพลิ้วใต้ทิวสนมองเบื้องบนฟ้าโค้งดูโหวงเหวงมีเมฆอยู่ปื้นเดียวเปลี่ยววังเวงคลื่นร้องเพลงทะเล เห่เบาเบาคิดถึงคนมีอดีตคอยกรีดเฉือนจนวันเดือนหมองหม่นเป็นคนเศร้าแม้ปีเดือนเลื่อนพ้นจนนานเนาจนแฟนเก่า "หน้าแก่" ยังแพ้ใจที่จริงแล้วทุกด้านของการจบย่อมจะพบจุดเกิดกำเนิดใหม่ทำร้ายตนซ้ำซ้ำอยู่ทำไมยอมรับ เมิน แล้วเดินไกล อย่าไปกลัวโลกยังกว้่างทางยังมีที่สว่างเดินให้ห่างร้อนรุมมุมสลัวอย่ายอมให้ความเจ็บเหน็บติดตัวที่มัวมัว เมาเมา เราทำมันในซีกเสี้ยวของวันเราฝันได้แต่หากไร้คุณค่าไม่น่าฝันถ้าเพียงหลอกหัวใจไปวันวันกลับหลังหันแล้วสร้างตนให้คนมองเฉกเช่นเป็นหม้อบิ่นเครื่องดินเผาในวันเก่าเขาทิ้งแค่สิ่งของแต่วันนี้คุณค่าสูงกว่าทองอยากครอบครอง ได้แค่อยาก ยากเอื้อมมือ
หลายวันก่อนทะเลบ้ามีพายุมุทะลุโกรธาเหมือนบ้าคลั่งพัดสวนบ้านฐานถิ่นแทบภินท์พังสิ้นพลังยังฝากซากทะเลกลาดเกลื่อนอยู่บนทรายตามชายหาดเศษอวนขาด เปลือกคม หอยถมเถกระดองหมึก มากมาย สาหร่ายปนเปเก็บหอยแครงมาเทลงอ่างกลมแม่แกะเนื้อหอยแครงสีแดงเรื่อคลุกกับเกลือใส่ขวดดำทำหอยส้ม*ตัดท่อนไม้ระกำอุดกันลมผ่านนานนมทิ้งวางข้างในครัววันนี้แม่ให้หนูอยู่เฝ้าบ้านฝนกระหน่ำอยู่นานบ้านสลัวเสียงจักจัก หนักหนานั้นน่ากลัวเดินเข้าครัวมืดอึมครึมสะลึมสะลือแม่จ๋าแม่ มานี่ ผะ..ผีหอยพุ่งจากขวดแล้วลอยขึ้นบนขื่อมันห้อยหัว..ทั้งที่..ไม่มีมือมัน.หะ..ฮือ ฮือ..โฮ..โอหล่นแล้ว(* ต้องวางไว้นานเป็นเดือนจนกว่าจะมีกลิ่นเปรี้ยวเนื้อหอยเปื่อยบางส่วนจึงนำไปทำอาหารได้ในกระบวนการหมักดองและการกดแน่นมากทำให้บางส่วนพันติดกัน และทำให้เกิดแก๊สที่มีแรงดันมาก)
ภาพที่เธอนั่งเรือมาเหนือเมฆแล้วแกล้งเสกงึมงำทำเรือรั่วขึ้นเกยหาดตรงหน้าวันฟ้ามัวยังฝังหัวคนทะเลทุกเวลาพร้อมกับหลายบทกวีหลากสีสันที่ปลุกฝันจนเกิดบรรเจิดจ้าคอยเคลียคลอต่อกลอนต้อนไปมาเหมือนวางยามอมปนจนเมากลอนด้วยท่าทีชายหนุ่มผู้กรุ้มกริ่มซึ่งปลุกยิ้มในกมลคนหัวอ่อนมาชวนเล่นลำซิ่งยิ่งกว่าละครแล้วอวยพรยืนยันให้ฝันไกลแถมด้วยสัตยาบันเป็นมั่นเหมาะจะเป็นเงาะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เพื่อจะล่อรจนาภาษาไทยเป็นเพื่อนในดอนดงวงศ์กาพย์กานท์เธออยู่ด้วยยามใดเหมือนไกลทุกข์ทั้งวันคืนชื่นสุขสนุกสนานจนอยากให้คืนวันนั้นเนิ่นนานมิมีวารเอ่ยคำอำลาใดเธอจึงเป็นภาพงามในยามฝันหายร่างอันกอดรัดสัมผัสได้ภาพของเธองามสวยด้วยหัวใจและคงในยามฝันนิรันดร(แด่ เธอผู้สร้างฝันอันสวยงาม)
กลับมาเยือนถิ่นสวรรค์ฉันเคยอยู่"หาดบางสน" * มองดูเงียบเหงาหงอยแม้จะมีสายฝนหล่นปรอยปรอยเป็นฝ้าฝอยต้อนรับคนกลับมายืนมองไปใจสั่นด้วยหวั่นไหวเจอเพื่อนเก่าตอนวัยไร้เดียงสาความรู้สึกเต็มตื้นน้ำชื้นตาซบใบหน้าประทับกับอกดินอ้าสองแขนสวมสอดกอดพื้นทรายสวัสดีทักทายเปลือกหอยบิ่นตะโกนกู่หมายให้เกาะได้ยินโบกมือทักนกที่บินกลับคืนรังสบสายตาเป็นครู่กับปูน้อยเล่นกับคลื่นแตกฝอยแถวชายฝั่งเขียนบอกหาดคำหนึ่ง" คิดถึงจัง"ส่งรอยยิ้มให้ทั้งทั่วฝั่งแนวนั่งพับเพียบบนทรายใต้ต้นสนถามข่าวคน "เคยขึ้นบก" อกใจแป้วจักจั่นร้องกรอกหูเหมือนรู้แกว"เขามาแล้วไปแล้ว" คลาดแคล้วกันยิ้มหมองหมองมองหาดอาจมีเขาตรงที่เก่าเคยยืนจ้องมองดูฉันบนชายหาดไร้รอยทาบคราบน้ำมันสายสัมพันธ์ทุกอย่างจางหมดแล้ว(* หาดบางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร )