เป็นลูกศิษย์หัวอ่อนเธอสอนว่ายามตกปลาอย่าดึงตึงหรือหย่อนถ้าตึงเกินเอ็นอาจจะขาดตอนถ้าหากผ่อนยานสุดปลาหลุดลอยแต่ตอนเธอร้อยเอ็นเล่นไม่ซื่อแสร้งไขสือบอกสูตรพูดพล่อยพล่อยเธอร้อยเอ็นเส้นปะติ๋วมีริ้วรอยตั้งใจปล่อยปลาหลุดไปใช่ไหมเธอฉันไม่อยากตกปลามาบังคับกำกับให้ตกปลามาเสมอแม้ว่าฉันออกปากไม่อยากเจอยังให้เย่อไม่หยุดสุดทรมานถ้าเย่อไปเย่อมาปลาบาดเจ็บฉันหนาวเหน็บเจ็บป่วยด้วยสงสารถ้านั่งดึงสายเอ็นเล่นนานนานทรมานปวดร้าวหลายเท่านักแต่ถ้าฉันกระชากปลาปากฉีกเป็นเสี้ยวซีกจริงจริงยิ่งทุกข์หนักเพราะว่าปลาตัวนั้นฉันแสนรักเคยฟูมฟักเลี้ยงดูอยู่หลายปีถ้าหากปลาสุขสบายภายในบ่อฉันอยากขอวางมือหรือเดินหนีเพราะถ้าฉันดึงปลาพ้นวารีปลาอาจตายทันที...ที่ขึ้นมา
กลัวเธอจะหายไปในความว่างเป็นอดีตซีดจางร้างสีสันรายละเอียดยิบย่อยหลุดลอยพลันแม้ยังเหลือส่วนสำคัญอันทรงจำจึงเขียนกลอนทุกวันเพื่อบันทึกเก็บทุกความรู้สึกที่ดื่มด่ำเก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยด้วยถ้อยคำแม้แนมเหน็บเก็บงำกันจำจางให้เรื่องราวคราวพบอยู่ครบถ้วนเพื่อทบทวนหวนใหม่ยามไกลห่างเคยรู้สึกอย่างไรในช่วงทางเก็บทุกอย่างที่ซึมซับประทับใจไว้เรียบเรียงความคิดปะติดปะต่อละเอียดลออคลอด้วยสีสวยใสราวนิยายถ่ายทอดตลอดไปอ่านครั้งใดชัดเดิมเพิ่มทวีจัดเก็บไว้ในมุมที่ลุ่มลึกในซอกความรู้สึกอันคงที่ในห้องของความฝันอันแสนดีเขียนคำว่า "เคยมี" ไว้ที่มุม" เขาคิดว่าร่างไกลแต่ใจชิดไม่ได้คิดเรื่องราวแบบสาวหนุ่มอ่อนโยนแต่ชอบกัดหากรัดกุมอยู่ในกลุ่มคนหนึ่งซึ่งศรัทธา "
นั่งรถผ่าน"มอดินแดง " แห่งขอนแก่น*นึกถึงแคนบรรเลงเพลงลำซิ่ง"เขาพักอยู่ตรงไหนในโลกจริง"รถเราวิ่งไปสู่เมืองอุดรฯก็พยายามทำตัวหัวสมัยใหม่ซื้อคอนโดฯศิวิไลซ์ไว้พักผ่อนหลบพายุรุกรุมที่ชุมพรหนีบางช่วงบางตอนที่ร้อนรุมมาหัดกินส้มตำหัดจ้ำแจ่วกินผักแพว กินแหนม แถมจิ้มจุ่มกินปลาส้ม ลาบบ้าง แซบบางมุมหมูยอนุ่ม แกงอ่อม จ่อมนานาวิ่งรอบสวนสาธารณะ "หนองประจักษ์"หอบฮักฮักไกลโขสามกิโลกว่าพอเรียกเหงื่อเมื่อใกล้ตะวันลาดูเหมือนฟ้าไม่กว้างต่างกับทะเลแม้เป็นฟ้าเดียวกันแต่วันต่างไร้เพลงคลื่นบางบางครางกล่อมเห่มีแต่เสียงสับสนรถปนเปคิดถึงเรือตังเกทะเลอ่าวไทยเป็นโลกจริงของชีวีมีสองบ้านเอ๊ะ ! เราเป็นคนอิสานหรือคนใต้เอาเป็นว่าฟังเขา "เว้า" พอเข้าใจ**แต่พูดไทยปนอังกฤษผิดประจำ(* ที่ตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น** เว้า ภาษาอิสานแปลว่า พูด )
คืนนี้จันทร์ห่อเหี่ยวดวงเสี้ยวแหว่งผ่ายผอมแห้งแรงลอยเริ่มร่อยหรอเหมือนจะร่วงห้วงหาวเฝ้าชะลอเพื่อจะขอปลอบคนที่หม่นใจ"ชีวิตจริงต้องรับสุขกับโศกสุขกับโลกความจริงนั้นยิ่งใหญ่อาจเกี่ยวพันสรรสร้างอย่างอื่นใดเหมือนเป็นมาและเป็นไปอย่างใครเคยแต่ความฝันสวยงามเพียงยามหลับเป็นความลับบรรเจิดมิเปิดเผยผู้คนในสังคมใครชมเชยแค่จะเอ่ยบอกเล่าใครเข้าใจสุขในโลกความฝันยิ่งสั้นกว่าพอลืมตาแข็งขืนตื่นเมื่อไหร่ฝันมิมีคุณค่าให้อาลัยมิมีใครอาวรณ์ตอนฝันเลย"มิใช่จันทร์ตีจากหรืออยากร่วงแต่มิหน่วงเพียงพลอยลอยเฉยเฉยรอหน่อยหนึ่งถึงตรงช่วงลงเอยหล่นผล็อยเลยหายลับกับถูกลืม
นานเสียจนหัวใจจำไม่ได้ที่รักไล้โลมใจด้วยไออุ่นเหมือนมิเคยอวยเอื้อไอเจือจุนจึงไม่เหลือเพื่อจะตุนไว้อุ่นใจเจตนาทิ้งร้างจึงว่างเปล่านับนานเนามิเคยเอ่ยถามไถ่จนเฉยชาชืดเย็นถึงเป็นไอหนาวจนเหน็บเก็บในใจร้างรักนานจนลืมไปเลยว่าเคยยินและชาชินเหมือนใจไม่รู้จักแม้แต่ย้อนรู้สึกนึกยากนักลืมอารมณ์คึกคักรักอย่างไรจึงนั่งฟังเอ๋อเอ๋อเมื่อเธอบอกนึกมิออกว่าส่วนลึกรู้สึกไฉนหรือจะยังเจ็บร้าวหนาวข้างในยินครั้งใดมือเย็นเป็นประจำความรู้สึกอุ่นร้อนมันนอนหลับพร้อมพร้อมกับความปลื้มและดื่มด่ำจนคล้ายคล้ายตายสนิทมิดเงียบงำไม่ซึ้งคำบอกรักสักครั้งเลย