คนคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลไม่เห็นหน้าอักษราพาชิดสนิทใกล้จนบางทีเหมือนผู้ที่รู้ใจจนฝันไปว่าร่างอยู่ข้างกายเริ่มตั้งแต่น้ำมันนั้นเกยหาดฉันไปกวาดอย่างอดทนจนคราบหายเขานั่งเรือส่งสายตามาทักทายแล้วค่อยค่อยขยายสายสัมพันธ์เขาชอบใช้ท่าทีคนขี้เล่นเหมือนดังเช่นคนอุดมอารมณ์ขันมีลูกล่อลูกชนปะปนกันช่วยรังสรรค์ฝันสวยด้วยไหวพริบจนคนฝันฝันเพลินเกินรู้สึกตกผลึกบทกวีพอดีพอดิบจนคล้ายคล้ายหัวใจมีไฟทิพย์วะวับวิบส่องถนนคนเขียนกลอนถามตัวเองเสมออยากเจอไหมตอบด้วยใจเชื่อมั่นอย่างวันก่อนเพียงพลังรังสรรค์นั้นดั่งพรและบางตอนฉันได้มาใช้แล้วฐานะเขาเป็นดั่งผู้รังสรรค์ก่อกำเนิดเกิดฝันอันผ่องแผ้วให้ทุกวันฝันเหลือเป็นเชื้อแนวเกิดผลึกแก้วก่องเก็จเพชรพาทีในใจฉันนั้นจักสลักชื่อเขาคือ ประหยัด พันธะศรีผู้เป็นช่างสร้างคุณสุนทรีย์ผู้รังสรรค์ฝันดีดี...ที่สวยงาม
คนคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลไม่เห็นหน้าอักษราพาชิดสนิทใกล้จนบางทีเหมือนผู้ที่รู้ใจคอยอาทรห่วงใยเข้าใจกันเริ่มตั้งแต่ในวันฉันหัดเขียนเมื่อแรกเรียนเขียนก่อนกลอนสั้นสั้นได้รับความเมตตาน่าอัศจรรย์เฝ้ากวดขันอวยพรสั่งสอนมาแม้ไม่เคยพบหน้าศรัทธาเกิดเธอคือผู้ประเสริฐเลิศล้ำค่าเธอคือครูผู้อุทิศวิทยาผู้ให้ความกรุณามานานวันถามตัวเองเสมอรักเธอไหมรักเต็มทุกห้องในหัวใจฉันยามคิดถึงทุกครั้งยังผูกพัน"รู้สึกดี" ที่ให้กันนั้นล้ำเลอไม่มีหยิ่งยโสศิโรราบก้มลงกราบด้วยใจไปเสมอแม้สัมพันธ์นั้นล่วงเลยไม่เคยเจอแต่ชื่อเธอยังสลักปักฤดีในฐานะคุณครูผู้ประสิทธิ์ให้ลิขิตกานท์กลอนอักษรศรีเสริมให้สู้พากเพียรเขียนบทกวีคืออาจารย์สุรีย์ พันเจริญ
ถ้าไม่ "รู้สึกดี" มิมีฝันสวยสีสันอันซ่อนความอ่อนหวานไม่รู้สึกพิเศษในเหตุการณ์มิอาจสาน ฝัน สี ให้มีนัยคล้ายวูบวาบซาบซึ้งอันพึงจิตคล้ายความคิดในกลอนนั้นอ่อนไหวด้วยอารมณ์ซึมซับประทับใจซึ่งถ่ายทอดสอดใส่ในบทกลอนความรู้สึกดีดีมีแรงเอื้อเชิงชวนเชื่อเพื่อสมมุติมิหยุดหย่อน"รู้สึกดี" มีมนต์ขลังเหมือนดั่งพรดลนักกลอนต้อนจนทนพากเพียร"ถ้าหากเราบันทึกเพื่อนึกถึงความซาบซึ้งตรึงใจในยามเขียนไม่บวกความคาดหวัง แบบนั่งเทียนแม้กาลเปลี่ยนยังรู้สึก บันทึกงาม "คือเหตุผลปนฝันผู้บันทึกที่ตรองตรึกนึกแจงแย้งคำถามคำนึงถึงเวลาอายุความทบทวนถึงนิยามความสัมพันธ์ไม่มีการล้ำเส้นที่เป็นกรอบซึ่งคลุมครอบรอบเฉดพร้อมเขตกั้นให้บันทึกอยู่ในกรอบขอบกักกันในเสี้ยวฝันอันสวยด้วยคำนึง
ไม่ว่าหลับหรือตื่นฝืนมิได้ทั้งหัวใจในสมองกับสองหูเหมือนยินเสียงบรรเลงเพลงพรั่งพรูโดยมิรู้หยุดหย่อนวรรคตอนเลยเพราะเจ้าจักจั่นนั้นแสนรู้ฉันทำหูทวนลมข่มเฉยเฉยที่จริงเงี่ยหูฟังดังเคยเคยจึงลงเอยที่ฉันนั้นต้องทนเมื่อก่อนนี้บรรเลงเพลงกล่อมฉันด้วยผูกพันกันมาหลายหน้าฝนคุ้นกันแบบร่วมหัวรู้ตัวตนแต่พอ "คนงี่เง่า" เขาเข้ามาจักจั่นบรรเลงแต่เพลงล้อเช่นเพลง " รอ คิดถึง คนึงหา "แต่ละวันมันพล่ามสามเวลาจนเพลงมาฝังกมลจนกลมกลืน"ทำไมร้องซ้ำซากอยากรู้นักเมื่อไหร่จักบรรเลงด้วยเพลงอื่น"จักจั่นชุมพรย้อนถามคืน"นี่เธอตื่น แล้วหรือ หือ ว่าไง "นั่นซีนะ หรือว่าฉันยังฝันอยู่เพลงในหูจึงวนเวียนมิเปลี่ยนใหม่ถ้าหากฉันยังวนเวียนมิเปลี่ยนใจเพลงอื่นใดมิเข้าหู...มิรู้ยิน
ย้อนสู่วัน "ขวัญหาย" ที่ชายหาดเพราะแคล้วคลาดกับเธอไม่เจอหน้ารู้สึกเหมือนโลกมีเพียงสีชาเหมือนท้องฟ้าอึมครึมสีทึมเทาเหมือนยินคลื่นบรรเลงเพลงว้าเหว่เหมือนคืนค่ำจำเจทะเลเหงาเหมือนหัวใจเคร่งขรึมและซึมเซาเหมือนมีเงารื้นรื้นชื้นในตาส่งคำถามข้ามทะเลอย่างเฉไฉอีกเมื่อไหร่ฉัน-เธอจะเจอหน้าหรือมิเหลือสัมพันธ์อันค้างคาหรือมีเหตุ เจตนาลาร้างกันไม่กล้าตอบตัวเองเกรงคำตอบเพราะใจชอบยกเมฆเสกความฝันตอบร้ายก็เก็บมาเศร้าจาบัลย์ตอบดีก็ลวงฉันสร้างฝันไกลก็คงถามลอยลอยคอยหงอหงอจะต้องรอเศร้าเศร้านานเท่าไหร่หรือจะรออย่างงี่เง่าอีกเท่าไรจนหัวใจหวุมหวุมเพราะคลุมเครือ*"สุรีย์ฉายชายหาดสะอาดเงียบทะเลเรียบสีครามงดงามเหลือร่ำเพลงรักจักจั่นพลันลงเรือโอ แก้มเรื่อขวัญหายจงกลายมี"*ขอบคุณพระ เธอกลับมารับขวัญในวารวันที่กังวลจนล้นปรี่"ขวัญหาย" กลับกลายพลัน เป็น "ขวัญดี"เอ๊ะ ! ดนตรีทะเล...เห่เพลงใด(*....* ประพันธ์โดย ปลากัด )