บอกรักฉันทำไมก็ไม่รู้เมื่อใจอยู่ลับลับกับคนอื่นจนจำเจเสแสร้งแต่งคำยืนเพื่อจะฝืนบอกรักที่หลักลอยเธอก็รู้เหมือนกัน ฉันไม่เชื่อยังไม่เบื่อพูดพร่ำย้ำบ่อยบ่อยซึ่งก็เพียงแค่คำแสร้งสำออยอันเรียงร้อยถ้อยคำเพื่อย้ำตนเพราะตัวเองก็ตระหนักลืมรักฉันแต่ดึงดันไม่ยอมรับเพราะสับสนถ้าไม่พูดวันไหนใจกังวลจึงอดทนบอกรักมิวรรคเว้นบอกทุกวี่ทุกวันจนฉันรู้เราทั้งคู่มิมีใครหัวใจเต้นด้วยอารมณ์คึกคักเพราะรักเร้นแต่ยิ่งเน้นความไกลหว่างใจเราบอกรักฉันทั้งที่ใจไม่คึกคักค่าก็จักมิต่างความว่างเปล่าเพียงไม่อยากเลิกกัน นี่ฉันเดาจึงได้เฝ้าน้าวตนทนบอกรักเธอบอกรัก ฉันหมองจนร้องไห้น้ำตาไหลทุกหนเกินทนกักรู้สึกเศร้าร้าวรวดเจ็บปวดนักเมื่อไหร่ "บอกเลิกรัก " ฉันสักที
เธอเกิดจากความฝัน......ที่เสกสรรจินตนาด้วยแรงปรารถนา...........อยากจะใคร่ได้เจอะเจอหวงแหนในเนื้อหา..........และคุณค่าแห่งตัวเธอไม่คิดตีเสมอ.................รับความต่างอย่างเต็มใจวาดเธอไว้สูงส่ง.............ด้วยประสงค์ให้สดใสสง่ากว่าใครใคร..............ตามแรงฝันที่ฉันมีเทิดไว้เหนือมนุษย์..........เป็นเทพบุตรสุดแสนดีมิควรเกลือกธุลี..............ให้เรือนร่างเป็นด่างดวงจงอยู่บนเมืองแมน..........สถิตแท่น ณ แดนสรวงกุศลและผลพวง.............จงบำรุงบำเรอมานเป็นฝันที่ฉันวาด............ แปลกประหลาดพิสดารจากจิตพิษฐาน.............. และวาดหวังเพียงนั่งชมมิคิดอยากครอบครอง......เพียงนั่งมองอย่างสุขสมณ พื้นอันรื่นรมย์..............แม้แหงนคอทรมาภาพผลิตจากคิดฝัน........ดุจภาพปั้นแสนสง่าควรคู่แท่นบูชา................ห้ามลงมาเปื้อนโคลนตม............................................................ดอกหญ้าค่าต่ำต้อย..........มากริ้วรอยคนย่ำข่มอ้างว้างกลางสายลม.........กลางแดดแรงจนแห้งเกรียมลู่ลมก้มเสมอ....................มิเผยอ สงบเสงี่ยมรู้ตัวและรู้เจียม..................ประเมินการณ์ประมาณตนขอบคุณที่อุ่นเอื้อ..............แพรผ้าเพื่อป้องฟ้าฝนดั่งสิ่งมิ่งมงคล..................ห่มหัวใจไปเนิ่นนานแต่รักมีคุณค่า...................ใช่เฮฮา สนุกสนานบังเอิญเกินประมาณ...........มิสมศักดิ์อย่ารักเลย
อาจเป็นเพราะความเขลาของเยาว์วัยมิเข้าใจในฉากภายภาคหน้าเห็นความทุกข์ของการเป็นมารดาในเวลาตกฟากเธอจากครรภ์จึงขอครอง "พรหมจารี" ชั่วชีวิตอาร์เตมิสประสงค์อย่างคงมั่นเทพบิดรอนุญาตประสาทพลันอวยพรอันเสนอ เธอสมใจ.....................................................สิบแปดสาวสำอางนางอัปสรกับเทวีบทจรไปป่าใหญ่เล่นล่าสัตว์สำราญดังพรานไพรเกิดมุมใหม่ในจิตพิสดารอาร์เตมิสสาวสวรรค์แห่งจันทราลอยล่องท่องนภาลีลาผ่านบังเอิญเหลือบสายตามาพบพานหนุ่มหน้าหวานหลับใหลในนิทราเทวีหยุดรถทรงลงมาแวะจุมพิตหนุ่มเลี้ยงแกะในพงหญ้า"เอนดิเมียน"พลันฟื้นตื่นลืมตาหากคิดว่าคือฝันอันอำไพ"ซีอุส" พระบิดามหาเทพรู้เรื่องราวพอสังเขปนั้นใหม่ใหม่จำจะต้องขจัดตัดต้นไฟเรื่องรักใคร่งายงมไม่สมควรเสด็จลงตรงมาหาหนุ่มน้อยเสนอถ้อยคำขาดประกาศห้วนจะนอนหลับหรือยอมตายให้ทบทวนหนุ่มใคร่ครวญขอนอนหลับนับนิรันดร์ขอนอนหลับตลอดไปโดยไม่ตื่นเพื่อดวงมานหวานชื่นในความฝันเทพจึงสาปให้เขาหลับชั่วกัปกัลป์รอเทวีสวรรค์แวะเยี่ยมเยียน.................................................ฉันอาจเหมือนเทวีอาร์เตมิสฝากจุมพิตลับเร้นเอนดิเมียนเป็นพันธะเกินผละจากยังพากเพียรเฝ้าวนเวียนส่งจิตจุมพิตเธอ
พระจันทร์เพ็ญเด่นดวงสรวงสวรรค์ดวงในฝันเจิดจรัสรัศมีฟ้านวลใยใสสว่างกลางรัชนีฟ้าในใจคืนนี้สีเดียวกันนวลที่ใจผุดผ่องนวลท้องฟ้าได้เจอหน้ากับเธอ "เจอในฝัน"ความดีใจท่วมท้นพ้นรำพันความตื้นตันท้นถั่งประดังมาคล้ายไออุ่นมือวางกลางศีรษะวาบผ่าวผะมือนี้ที่ใฝ่หาอยากจับมาแนบแก้มแต้มน้ำตาให้รู้ว่าใจสะอื้นเพราะตื้นตันความรู้สึกดีดีมีเป็นหมื่นที่ต้องฝืนอารมณ์ข่มและกลั้นอยากเอ่ยคำสำออยอีกร้อยพันแต่ในฝันนั้นจิตเราคิดเอา"คบกับใครใจสบายยามใกล้ชิดคงมิหมายผูกติดชีวิตเขาคงมิใช่ถูกผิดชีวิตเราคงมิเดามิคาดวาดนิยายอาจเป็นเพียงรู้ใจหรือรู้จักหรือรู้รักเข้าใจในความหมายรู้เหตุผลจนกรอบที่รอบรายรู้ขอบข่ายที่อยู่รู้อารมณ์เพียงรู้สึกมีมิตรอยู่ชิดใกล้มีคนให้น้ำจิตสนิทสนมและเราเองรู้สึกนึกนิยมแอบชื่นชมชื่นชอบตอบจริงจริง "เป็นคำพูดในจิตปากปิดเงียบกับท่าทียะเยียบชาเฉยนิ่งไม่เคยคิดผิดแบบอยากแอบอิงในโลกแห่งความจริงของชีวิตค่อยค่อยดึงมือลงบรรจงปล่อยฝากข้อความเรียงร้อยจากดวงจิตแค่ข้อความสั้นสั้นอันน้อยนิดคงไม่ผิดจิตบอกเขา "เราดีใจ"
เป็นเพียงคนโศกโศกในโลกเหงาใจเปลี่ยวเปล่าเทาทึมซึมหดหู่ไม่มีเขียวขจี สีชมพูขาดตัวช่วยสวยหรูไว้ชูใจความรู้สึกนึกฝันนั้นด้านชาจับปากกาเขียนกลอนเขียนไม่ได้เหมือนดังเถ้ามอดหรี่ไม่มีไฟมันหายไปหมดแล้วแววกวีเพียงเห็นเรือเธอกรายเยือนชายฝั่งเกิดพลังบันดาลปานล้นปรี่เห็นใบไม้หยอกหยิกระริกระรี้บทกวีจากใจหลั่งไหลมาเธอมาเปลี่ยนให้โลกหายโศกเศร้าไล่ความเหงาหายไปจากใบหน้าปลุกรุ้งโรจน์โชติช่วงในดวงตาเปลี่ยนวิญญาณ์ชาเย็นเป็นละเมอเธอเป็นทุกประโยค "ในโลกฝัน"ดั่งสวรรค์ในใจยามไผลเผลอเป็นความฝันบรรเจิดสวยเลิศเลอแม้มิเจอตัวตนบนโลกจริงเธอเหมือนยูงสูงค่าในป่าลับแค่ขยับเข้าใกล้ คล้ายยากยิ่งมีสิทธิ์ใกล้เพียงวาดภาพพาดพิงเพราะยูงหยิ่งทะนงคงเร้นตัวมิปรากฏกายามาให้เห็นยังคงเป็นยูงซุ่มมุมสลัวในต่างแดนแสนไกลจนใจกลัวว่าในชั่วชีวิตหมดสิทธิ์พบจึงอุปโลกน์ "ในโลกฝัน" อันแสนสุขให้เธอขลุกอยู่ภายในไม่รู้จบจะกี่เดือนกี่ปีมิมีลบวางระบบครบแนว...แล้วลงมือเรียงลำดับราวเรื่องเบื้องบนหลักหมุดที่ปักหลักวางการสร้างสื่อยุคโลกาภิวัตน์ พัดกระพือเป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ คลิกอ่านเอง