เมื่อสมมุติตัวตนเป็นคนสุขหรือคนทุกข์แทนคนที่ตนเขียนก็เป็นความ รัก-ชัง แบบนั่งเทียนแม้พากเพียรพยายามตามเข้าใจอาการเก็บเจ็บเศร้าและร้าวลึกจะรู้สึกเจ็บแค้นแทนมิได้ความกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งดั่งเปลวไฟก็ของใครของมันทุกวันคืนการเขียนบทกวีที่คิดนึกเพื่อแทนความรู้สึกของคนอื่นดูคล้ายคล้ายหลอกต้มมิกลมกลืนเหมือนกับขืนอารมณ์โดยสมมุติแต่การเขียนบทกวี...ที่มีเธอล้วนล้นเอ่อจากใจใสพิสุทธิ์มิว่าสุขหรือเศร้าเคล้ารักคุดหรือที่จุดแสนหวานน้ำตาลอายเขียนอยู่ในอารมณ์แอบอมยิ้มด้วยเอมอิ่มปริ่มสุขทุกความหมายเหมือนพระจันทร์กลั้นยิ้มพะพริ้มพรายด้วยเอียงอายอ้อมแอ้มจนแก้มแดงจึงเปรียบเช่นบทกวีแต้มสีสันแก่ชีวันหงิมหงิมให้ยิ้มแฉ่งเหมือนดั่งสิ่งสร้างเสริมเติมเรี่ยวแรงให้แสวงความฝัน...ขั้นต่อไป
วันที่ฉันล้มหมอนนอนร่อแร่เพราะอ่อนแอแพ้ภัยใจเหี่ยวแห้งทั้งแขนขามือไม้ไร้เรี่ยวแรงมิอาจแต่งบทประพันธ์หรือฝันใดเธอส่งกลอน "ไยร่อแร่" ใช่แค่ถามบุปผชาติพิลาสตามเยี่ยมยามไข้พร้อมถ้อยคำอำนวยพรซ่อนห่วงใย"จงสดใสไกลร่อแร่อย่างแท้จริง"วันที่ฉันกระเสือกกระสน ค้นความฝันซึ่งปุบปับดับพลันอัดอั้นยิ่งจนมืดมิดจิตใจมิไหวติงมิอาจอิงแสงสว่างปางนอนตายเธอได้ส่งข้อความตามมาช่วยอาการป่วยฝันดับจึงกลับหายเริ่มมีไฟไหลลื่นเขียน "คลื่นกล่อมทราย"เธอสื่อสารไร้สายให้กำลังใจ"ขอรักษาอาการซมซานสู้เราจะอยู่คู่กันอย่าหวั่นไหวอยู่รักษาดวงจิตเป็นมิตรไกลฟื้นหายไข้ไร้โศกชมโลกงาม"ขอบคุณทุกวลีที่อบอุ่นขอบคุณทุกวจีที่ไถ่ถามขอบคุณในน้ำจิตที่ติดตามขอบคุณความการุญขอบคุณนะคะ
ครูพละฯ รูปหล่อสอน ม.สามลงสนามบาสเกตบอลสอนฉันเล่นทุกทุกวันเย็นเช้าเหมือนเข้าเวรจนจัดเจนฉันสมัครเป็นนักกีฬาไปแข่งเชื่อมสัมพันธ์กันในเขตฯหลายประเภทเชื่อมงานสถานศึกษาฉันต้องนั่งรถหรูของครูมาเป็นทุกครั้งทุกคราน่าเบื่อจังฉันอยากนั่งไปกับรถโรงเรียนครูก็เปลี่ยนการกระทำด้วยคำสั่งครูชอบทำความฝันของฉันพังแต่ฉันยังต้องเล่นเป็นตัวยืนฉันเข้าใจว่าครูเอ็นดูฉันจึงไม่รั้นไม่หือหรือฝ่าฝืนต้องทำเนียนเรียนข่มอย่างกลมกลืนจนถึงคืนชื่นฉ่ำ....เลี้ยงอำลาฉันหัวร่อจ้ออยู่ในหมู่เพื่อนครูก็เลื่อนจากข้างหลัง...นั่งตรงหน้าหรือฉันจะมีปฏิกิริยาเสียงผอ.ออ. ร้องว่า... มานี่ครู!กลับมานั่งที่เก่า! เด็กเขาอาย!ยิ่งขยายสีแดงไปถึงใบหูฉันไม่รู้ ไม่ชี้ด้วย ซวยเลยตูจึงจำอยู่...ทำอย่างไร ก็ไม่ลืม
วันที่แม่เอาหมาเข้ามาอยู่มันเรียนรู้มองเมียงเห่าเสียงขรมรู้ประจ๋อประแจ๋ให้แม่ชมจนต้องก้มลูบหัวเจ้าตัวดีแม่ฝากฝังสั่งสอนอย่างอ่อนหวาน"อยู่เฝ้าบ้านงานหมาเป็นหน้าที่เพียงรับเหมาเห่าหอนนอนอ้วนพีอยู่ที่นี่มีค่าเป็น หมายาม"แต่พอแม่ขยับกลับตามต้อยห้ามบ่อยบ่อยจนเบื่อเหลือจะห้ามถ้าเป็นคนแม่มีวิธีปรามแต่เจ้ายามหัวดื้อหรือจะฟังดุก็ทำหูหลุบหรุบตาต่ำพูดก็จำชั่วครู่ที่หูตั้งบ่นยิ่งเหมือนเพ้อพล่ามตามลำพังแม่จึงสั่งซื้อโซ่โตพอควรกติกาหน้าที่หนีไม่พ้นทั้งหมา-คนแบกหามไปตามส่วนคอของมันจึงต้องคล้องโซ่ตรวนแทนกระบวนอบรมบ่มบัญชาแม่ไม่มีเวลาฝึกหมารั้นจึงใช้โซ่ล่ามมันแก้ปัญหาการอบรมบ่มผูกลูกเรื่อยมาคือโซ่สายกติกาคล้องคาตัว
"คลื่นกระทบพบฝั่งลาสั่งซ้ำทุกคืนค่ำย้ำเยือนมิเลือนหายพบแล้วจากพรากแล้วเห็นมิเว้นวายมิเคลื่อนคลายสายสวาทซัดสาดใจ "นั่นคือคำย้ำว่ามิลาลับแต่จะกลับคืนเรือนมาเยือนใหม่ช่วงคลื่นหายทรายมิรู้อยู่อย่างไรยามหทัยไกลร่าง....ช่างทรมานยามสายตาไม่เห็นเฝ้าเป็นห่วงเกรงลมลวงคลื่นลับไม่กลับบ้านเกรงหลงห้วงมหาชลาธารคิดฟุ้งซ่านซานซมจมน้ำตาจากไปทำเจ้าชู้อยู่ที่อื่นพอหวนคืนยืนคำทำเริงร่าแสร้งหว่านล้อมกล่อมทรายหลายลีลาด้วยภาษากาพย์กลอนที่ซ่อนนัยคลื่นกล่อมทรายคล้ายเราถูกเขากล่อมซึ่งเราย่อมหงุดหงิดคิดหวั่นไหวจะยอมเป็นเช่นทรายได้ฉันใดหากจะไปแล้วจะมาดั่งวาที"คลื่นกับทรายคล้ายข้อคิดปริศนาวันพบมีวันจากมาลับลาหนีชีพของเราเท่าฟองคลื่นชื่นชีวีสุข-ทุกข์มีดั่งสมุทรสุดนิยาม ""....." ประพันธ์โดย ปลากัด