อาจเป็นเพราะความเขลาของเยาว์วัยมิเข้าใจในฉากภายภาคหน้าเห็นความทุกข์ของการเป็นมารดาในเวลาตกฟากเธอจากครรภ์จึงขอครอง "พรหมจารี" ชั่วชีวิตอาร์เตมิสประสงค์อย่างคงมั่นเทพบิดรอนุญาตประสาทพลันอวยพรอันเสนอ เธอสมใจ.....................................................สิบแปดสาวสำอางนางอัปสรกับเทวีบทจรไปป่าใหญ่เล่นล่าสัตว์สำราญดังพรานไพรเกิดมุมใหม่ในจิตพิสดารอาร์เตมิสสาวสวรรค์แห่งจันทราลอยล่องท่องนภาลีลาผ่านบังเอิญเหลือบสายตามาพบพานหนุ่มหน้าหวานหลับใหลในนิทราเทวีหยุดรถทรงลงมาแวะจุมพิตหนุ่มเลี้ยงแกะในพงหญ้า"เอนดิเมียน"พลันฟื้นตื่นลืมตาหากคิดว่าคือฝันอันอำไพ"ซีอุส" พระบิดามหาเทพรู้เรื่องราวพอสังเขปนั้นใหม่ใหม่จำจะต้องขจัดตัดต้นไฟเรื่องรักใคร่งายงมไม่สมควรเสด็จลงตรงมาหาหนุ่มน้อยเสนอถ้อยคำขาดประกาศห้วนจะนอนหลับหรือยอมตายให้ทบทวนหนุ่มใคร่ครวญขอนอนหลับนับนิรันดร์ขอนอนหลับตลอดไปโดยไม่ตื่นเพื่อดวงมานหวานชื่นในความฝันเทพจึงสาปให้เขาหลับชั่วกัปกัลป์รอเทวีสวรรค์แวะเยี่ยมเยียน.................................................ฉันอาจเหมือนเทวีอาร์เตมิสฝากจุมพิตลับเร้นเอนดิเมียนเป็นพันธะเกินผละจากยังพากเพียรเฝ้าวนเวียนส่งจิตจุมพิตเธอ
พระจันทร์เพ็ญเด่นดวงสรวงสวรรค์ดวงในฝันเจิดจรัสรัศมีฟ้านวลใยใสสว่างกลางรัชนีฟ้าในใจคืนนี้สีเดียวกันนวลที่ใจผุดผ่องนวลท้องฟ้าได้เจอหน้ากับเธอ "เจอในฝัน"ความดีใจท่วมท้นพ้นรำพันความตื้นตันท้นถั่งประดังมาคล้ายไออุ่นมือวางกลางศีรษะวาบผ่าวผะมือนี้ที่ใฝ่หาอยากจับมาแนบแก้มแต้มน้ำตาให้รู้ว่าใจสะอื้นเพราะตื้นตันความรู้สึกดีดีมีเป็นหมื่นที่ต้องฝืนอารมณ์ข่มและกลั้นอยากเอ่ยคำสำออยอีกร้อยพันแต่ในฝันนั้นจิตเราคิดเอา"คบกับใครใจสบายยามใกล้ชิดคงมิหมายผูกติดชีวิตเขาคงมิใช่ถูกผิดชีวิตเราคงมิเดามิคาดวาดนิยายอาจเป็นเพียงรู้ใจหรือรู้จักหรือรู้รักเข้าใจในความหมายรู้เหตุผลจนกรอบที่รอบรายรู้ขอบข่ายที่อยู่รู้อารมณ์เพียงรู้สึกมีมิตรอยู่ชิดใกล้มีคนให้น้ำจิตสนิทสนมและเราเองรู้สึกนึกนิยมแอบชื่นชมชื่นชอบตอบจริงจริง "เป็นคำพูดในจิตปากปิดเงียบกับท่าทียะเยียบชาเฉยนิ่งไม่เคยคิดผิดแบบอยากแอบอิงในโลกแห่งความจริงของชีวิตค่อยค่อยดึงมือลงบรรจงปล่อยฝากข้อความเรียงร้อยจากดวงจิตแค่ข้อความสั้นสั้นอันน้อยนิดคงไม่ผิดจิตบอกเขา "เราดีใจ"
เป็นเพียงคนโศกโศกในโลกเหงาใจเปลี่ยวเปล่าเทาทึมซึมหดหู่ไม่มีเขียวขจี สีชมพูขาดตัวช่วยสวยหรูไว้ชูใจความรู้สึกนึกฝันนั้นด้านชาจับปากกาเขียนกลอนเขียนไม่ได้เหมือนดังเถ้ามอดหรี่ไม่มีไฟมันหายไปหมดแล้วแววกวีเพียงเห็นเรือเธอกรายเยือนชายฝั่งเกิดพลังบันดาลปานล้นปรี่เห็นใบไม้หยอกหยิกระริกระรี้บทกวีจากใจหลั่งไหลมาเธอมาเปลี่ยนให้โลกหายโศกเศร้าไล่ความเหงาหายไปจากใบหน้าปลุกรุ้งโรจน์โชติช่วงในดวงตาเปลี่ยนวิญญาณ์ชาเย็นเป็นละเมอเธอเป็นทุกประโยค "ในโลกฝัน"ดั่งสวรรค์ในใจยามไผลเผลอเป็นความฝันบรรเจิดสวยเลิศเลอแม้มิเจอตัวตนบนโลกจริงเธอเหมือนยูงสูงค่าในป่าลับแค่ขยับเข้าใกล้ คล้ายยากยิ่งมีสิทธิ์ใกล้เพียงวาดภาพพาดพิงเพราะยูงหยิ่งทะนงคงเร้นตัวมิปรากฏกายามาให้เห็นยังคงเป็นยูงซุ่มมุมสลัวในต่างแดนแสนไกลจนใจกลัวว่าในชั่วชีวิตหมดสิทธิ์พบจึงอุปโลกน์ "ในโลกฝัน" อันแสนสุขให้เธอขลุกอยู่ภายในไม่รู้จบจะกี่เดือนกี่ปีมิมีลบวางระบบครบแนว...แล้วลงมือเรียงลำดับราวเรื่องเบื้องบนหลักหมุดที่ปักหลักวางการสร้างสื่อยุคโลกาภิวัตน์ พัดกระพือเป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ คลิกอ่านเอง
พิมพ์ลายนิ้วมือ ........แล้วลงลายชื่อ.......เดินเข้าคูหาเขียนกากบาท........กระดาษที่กา......อาจออกลีลา.....อย่างหนึ่งอย่างใดคาถาข่มขวัญ........กฎหมายลายยันต์........เข้มขลังแค่ไหนเจ้าผีกระดาษ.......อำนาจเกินใคร.......ป้องกันอย่างไร.....อาจอวดลวดลายแม้พร่ำกำราบ.....แม้ห้ามปรามปราบ .........อย่างไรไม่หายอาจล้ำลึกเล่ห์.......หลากเพทุบาย.....ลีลาแยบคาย.....ยิ่งขึ้นทุกทีลายมือชื่อลง......แม้จะประสงค์......กำราบปราบผีออกอาละวาด......ปีศาจถือดี......อาจสรรวิธี....แหกตาคามือยิ่งคนหยามเหยียด.....สังคมรังเกียจ.....เจ้าผีขี้ดื้ออาจยิ่งอดทน......ยิ่งคนเล่าลือ.......ยิ่งเหมือนกระพือ.....ปลุกผีมีไฟยิ่งปราบยิ่งเหลือ.....สืบสายขยายเชื้อ.....แตกแถวแนวใหม่เหมือนคาคู่ดิน.....มิสิ้นหมดไป.....จ้ำจี้จ้ำไช.....ปราบยากปราบเย็นยิ่งหยัดยัดเยียด....เป็นตัวเสนียด....ยิ่งห้ามยิ่งเห็นลงทัณฑ์ฟันฟาด....ถึงขาดกระเด็น.....จะฟื้นคืนเป็น....ต้นหญ้ามหาภัยขุดรากถากถอน......กำจัดตัดตอน.....ตั้งหลักผลักไสยังงอกออกเด่น....เป็นต้นเป็นใบ......ปราบเมื่อยเหนื่อยใจ....อดทนต้นคาคาถิ่นคาทุ่ง....คาไทยทั้งกรุง.....คาแดนแน่นหนาคาดินระแหง....คาแล้งนานา....คาหูคาตา.....คาราคาซังกำราบกี่เที่ยว....หายประเดี๋ยวเดียว....รากเหง้าเจ้าฝังใต้ทุ่งใต้ถิ่น....ใต้ดินแห้งกรัง.....ฤดูเลือกตั้ง.....แตกหน่อกอโต
เธอคือหนึ่งประโยคในโลกฝันที่มิผันจากใจไปเป็นอื่นที่อยู่ยงคงกระพันทุกวันคืนที่ยั่งยืนอยู่กับตัวชั่วเนิ่นนานคือเสียงเพลงนุ่มนวลชวนเพ้อฝันปลุกชีวันสะกิดพาชีวาหวานกล่อมหัวใจไหวอ่อนด้วยกลอนกานท์ที่วิญญาณพะวงคล้ายหลงเมาคือความรู้สึกพิเศษไร้เหตุผลที่มีมนต์ชะงัดคอยปัดเป่าความทุกข์โศกมหันต์นั้นทุเลาให้ใจเราสบายคลายทรมาคือความหวานความขมที่ถมอยู่ให้รับรู้อารมณ์จินต์ถวิลหาให้ทุกข์บ้างสุขบ้างบางเวลาคือวันหน้า ที่รู้ดี ไม่มีวัน