เมื่อเดินมาสุดทาง...ต่างเดินแยกนาทีแรกเริ่มต้นเป็นคนห่างก่อนโดดเดี่ยวเดียวดายในรายทางยังใจกว้างเขียนกลอนอวยพรเธอ"ขอบคุณที่เคยอยู่เป็นคู่คิดช่วงชีวิตหวานฉ่ำจดจำเสมอสิ่งผนวกบวกลบที่พบเจอล้วนเลิศเลอต่อความคิดชีวิตคนให้เตรียมพร้อมสำหรับรับผิดหวังให้ระวังสติพร่องยามหมองหม่นให้ชูคอทรหดอย่างอดทนมิให้ยอมจำนนกับกลใดคือนาทีชีวิตคิดคำตอบอย่างรอบคอบ รับมือ หรือแก้ไขกล้ายอมรับกับวันอันเปลี่ยนไปและกล้าอยู่อย่างไมมีใครเคียงแม้บางช่วงชีวิตจิตหดหู่หากเรียนรู้กับนิยามความไม่เที่ยงเก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาร้อยเรียงเป็นเสบียงชีวิตติดกับตัวจงอยู่เย็นเป็นสุขสิ้นทุกข์โศกลืมครั้งโลกอึมครึมทึมสลัวให้ชีวิตเริ่มต้นมิหม่นมัวให้ฝันชั่วต่อแต่นี้ไม่มีช้ำจากวันนี้และต่อไปใจจงแกร่งแม้เปลี่ยนแปลงอย่างไรไม่ร้องร่ำเคยรักเธออย่างไรไม่เปลี่ยนคำจะจดจำ ส่วนที่ดี มิมีลืม "
เริ่มต้นเราต่างมาจากต่างที่มอบไมตรีเป็นเพื่อนแล้วเลื่อนขั้นเพิ่มสนิทชิดทวีทุกวี่วันเริ่มเล่นเป็นเงากันตามวันทวีดุจสายลมพรมไล้ใบไม้ไหวดังหัวใจไหวคู่เคล้าจู๋จี๋ดุจสวรรค์บรรเลงเพลงดนตรีดังกวีเขียนกานท์หวานละมุนเดินอยู่ในประโยคโลกสวยใสเมื่อหัวใจเริ่มผิงอิงไออุ่นเริ่มวางตนบนลู่ของคู่บุญคอยค้ำจุนหนุนใจอิงไอกันเริ่มสละชีวิตอิสระสร้างพันธะประสงค์ร่วมลงขันมิว่าถูกหรือแพงร่วมแบ่งปันจากของใครของมัน ...นั่นของเราดุจดังโลกงดงามด้วยความหวังมีพลังชูใจให้ไต่เต้าขึ้นบันไดไปสถานวิมานเงาความคาดเดาถูกผิดชีวิตเดินทางลำบากขวากหนามต้องข้ามห้วงทั้งมีช่วงมีตอน ดอน โขด เขินบางหนจนท้อใจเพราะไกลเกินเมื่อเผชิญปัญหาสารพันบางใครใจมิถึงจึงยอมแพ้แล้วลอยแพคนหนึ่งซึ่งมุ่งมั่นหากน้ำตาพร่าพรายจะป้ายมันเมื่อถึงวันสุดทาง...ต่างคนต่างไป
นพมาศหนึ่งใน....สุโขทัยธานี...........เธอเป็นบุตรี.........พระศรีมโหสถเรวดีมารดา.......ได้ศึกษาอย่างดี.....วาดเขียนกวี.........คัมภีร์พุทธพจน์สิบห้าขวบปี....ผ่องศรีโสภา......พรั่งพร้อมเงินตรา.....ปัญญาเหมือนกรดผู้คนกันเอง........แต่งเพลงสรรเสริญ.....นางในบังเอิญ....ฟังเพลินจำจดนำไปบรรเลง......พิณเพลงถวายไท้.......พระเจ้าลิไทย......พอให้ออกรสธ ทรงติดต่อ......สู่ขอนางมา..............เป็นบาทบริจา.......ชะตากำหนดก่อนนำนางมอบ.....ทดสอบความจำ.......สิ่งใดควรทำ.......ไขคำควรงดตอบพ่อแม่ไป.....คำไขละเอียด.............ละไมละเมียด........สู่เกียรติยศเป็นพระสนม....เหมาะสมหน้าตา......ห้าวันต่อมา............ประชาช้อยชดวันนักขัตฤกษ์....เอิกเกริกสุขสันต์......ทำโคมลอยพลัน.....ก่อนวันน้ำลดลิไทภูเบศ...ทอดพระเนตรทันใด...กระทงของใคร....แปลกพระทัยเหลืออดนพมาศทูลบอก. .อันดอกกระมุทนั้น...บานสวยเฉิดฉัน....รับจันทร์ทรงกลดมีอยู่ประจำ.......แม่น้ำนัมมทา..............เป็นพุทธบูชา...........ที่มาทั้งหมดพระองค์ทรงชัย....พระทัยสำราญ.........สั่งให้สืบสาน..........ชั่วกาลปรากฏ
บอกรักฉันทำไมก็ไม่รู้เมื่อใจอยู่ลับลับกับคนอื่นจนจำเจเสแสร้งแต่งคำยืนเพื่อจะฝืนบอกรักที่หลักลอยเธอก็รู้เหมือนกัน ฉันไม่เชื่อยังไม่เบื่อพูดพร่ำย้ำบ่อยบ่อยซึ่งก็เพียงแค่คำแสร้งสำออยอันเรียงร้อยถ้อยคำเพื่อย้ำตนเพราะตัวเองก็ตระหนักลืมรักฉันแต่ดึงดันไม่ยอมรับเพราะสับสนถ้าไม่พูดวันไหนใจกังวลจึงอดทนบอกรักมิวรรคเว้นบอกทุกวี่ทุกวันจนฉันรู้เราทั้งคู่มิมีใครหัวใจเต้นด้วยอารมณ์คึกคักเพราะรักเร้นแต่ยิ่งเน้นความไกลหว่างใจเราบอกรักฉันทั้งที่ใจไม่คึกคักค่าก็จักมิต่างความว่างเปล่าเพียงไม่อยากเลิกกัน นี่ฉันเดาจึงได้เฝ้าน้าวตนทนบอกรักเธอบอกรัก ฉันหมองจนร้องไห้น้ำตาไหลทุกหนเกินทนกักรู้สึกเศร้าร้าวรวดเจ็บปวดนักเมื่อไหร่ "บอกเลิกรัก " ฉันสักที
เธอเกิดจากความฝัน......ที่เสกสรรจินตนาด้วยแรงปรารถนา...........อยากจะใคร่ได้เจอะเจอหวงแหนในเนื้อหา..........และคุณค่าแห่งตัวเธอไม่คิดตีเสมอ.................รับความต่างอย่างเต็มใจวาดเธอไว้สูงส่ง.............ด้วยประสงค์ให้สดใสสง่ากว่าใครใคร..............ตามแรงฝันที่ฉันมีเทิดไว้เหนือมนุษย์..........เป็นเทพบุตรสุดแสนดีมิควรเกลือกธุลี..............ให้เรือนร่างเป็นด่างดวงจงอยู่บนเมืองแมน..........สถิตแท่น ณ แดนสรวงกุศลและผลพวง.............จงบำรุงบำเรอมานเป็นฝันที่ฉันวาด............ แปลกประหลาดพิสดารจากจิตพิษฐาน.............. และวาดหวังเพียงนั่งชมมิคิดอยากครอบครอง......เพียงนั่งมองอย่างสุขสมณ พื้นอันรื่นรมย์..............แม้แหงนคอทรมาภาพผลิตจากคิดฝัน........ดุจภาพปั้นแสนสง่าควรคู่แท่นบูชา................ห้ามลงมาเปื้อนโคลนตม............................................................ดอกหญ้าค่าต่ำต้อย..........มากริ้วรอยคนย่ำข่มอ้างว้างกลางสายลม.........กลางแดดแรงจนแห้งเกรียมลู่ลมก้มเสมอ....................มิเผยอ สงบเสงี่ยมรู้ตัวและรู้เจียม..................ประเมินการณ์ประมาณตนขอบคุณที่อุ่นเอื้อ..............แพรผ้าเพื่อป้องฟ้าฝนดั่งสิ่งมิ่งมงคล..................ห่มหัวใจไปเนิ่นนานแต่รักมีคุณค่า...................ใช่เฮฮา สนุกสนานบังเอิญเกินประมาณ...........มิสมศักดิ์อย่ารักเลย