การแต่งกายทุกหนคนเลือกสรรสวมแพรพรรณที่คิดวินิจฉัยว่าสวมแล้วพริ้งเพริศเลิศวิไลกระจกใดชมคนตนชมเองมีความรู้อยู่บ้างเท่าหางอึ่งคิดว่าถึงท้นท่วมหัวบวมเป่งจึงสรุปโดยไม่ขวยว่าสวยเช้งยืดไม่เกรงกระจกเงาเพราะเรามองการแต่งกลอนคล้ายกันคือสรรแล้วว่าแจ่มแจ๋วยอดเยี่ยมและเอี่ยมอ่องใจจึงปลงลงแรงแต่งร้อยกรองในมุมมองของกระจกที่ยกตนมุมมองตนคนเดียวเหลียวกี่ครั้งกลอนก็ยังใสสุกเสียทุกหนจึงอาจหาญส่งมาอวดตาชนพอขึ้นบนเวทีริบหรี่นักคอที่ยืดค่อยค่อยลดอย่างหดหู่เมื่อมีคู่อยู่เทียบเปรียบน้ำหนักวนฉงนฉงายอยู่หลายพักยืนอึกอักอัดอั้น...นั้นขบคิดอยากมีใครสักคนช่วยค้นหากรุณาบอกด้วยช่วยสะกิดในมุมใดมุมหนึ่งซึ่งซุ่มพิศช่วยชี้ถูกชี้ผิดสะกิดติงมือจึงควรพนมก้มลงกราบอย่างซึ้งซาบพระคุณการุณย์ยิ่งคนที่มีใจงามบอกความจริงคือมิตรมิ่งคือครู...ควรบูชา
เอาความคิดนิดน้อยร้อยอักษรฝากนักกลอนอ่อนแอยอมแพ้พ่ายยังไม่ถึงที่สุดหยุดตะกายเหมือนตกน้ำไม่ว่ายตายจริงจริงเพียงสายตาสังคมไม่ชมชื่นสะอึกสะอื้นจำนนจนหยุดนิ่งคิดน้อยอกน้อยใจมิไหวติงตนจะยิ่งดิ่งทะเลทุกเวลาคำเรียงร้อยถ้อยทองที่กรองถัก มีค่านักต่อผู้ที่รู้ค่าแต่บางทีมีใครไม่เข้าตาธรรมดา ฉะนั้น ทำฉันใดอันกาพย์กลอนสะท้อนงามที่ความคิดที่ไม่ผิด กาล ยุคสมัยที่มิปิด บิดเบือน เงื่อนงำภัยมิต้องใครเข้าตาฮือฮากันและการเขียนบทกวีใช่ตีปี๊บที่เตะถีบทุกครั้งเสียงดังลั่นมิใช่เครื่องประเทืองตนจนสำคัญเป็นเพียงฝันธรรมดาตามอารมณ์หมั่นสังเกต " เจตคติ" ที่ริเริ่มเพียงเพื่อเพิ่มบทกวีที่เหมาะสมหรือเพื่อตนเด่นดังคับสังคมตกชลาอารมณ์...จมเพราะใคร
วาดโลกนี้สีชมพูอยู่เสมอจนไผลเผลอเชื่อมั่นถึงฝันหาให้โลกนี้พิเศษตามเจตนาแม้รู้ว่าโลกนี้เป็นสีเทาวาดความรักสุขสันต์ในฝันสวยอบอุ่นด้วยคืนวันอันไม่เหงาจึงยอมรับสัมพันธ์อันเป็นเราจนมีลูกมีเต้ามีเหย้าเรือนฝันยืดยาวเท่าที่จิตอยากคิดฝันว่าถึงวันแก่เฒ่าเรามีเพื่อนอยู่ร่วมเตียงเคียงกันทุกวันเดือนต่างเป็นเหมือนไม้เท้าเฝ้าผดุงคอยประคับประคองกันสองเฒ่าคอยเป็นเงาตามกันคืนยันรุ่งยามเข้าไฟเข้าไต้ไล่ริ้นยุงช่วยหาหุงข้าวปลารักษากันแม้มิอาจไปสวรรค์พร้อมกันได้วันร้องไห้หงอยเหงาเราคงสั้นเวลาไม่มีใครในชีวันอย่าให้มันยาวถึงหนึ่งอึดใจเพราะอยู่อย่างโศกศัลย์กับวันเหงาอึดใจเราก็ทนจนหม่นไหม้นานกว่านั้นมิรู้อยู่อย่างไรลมหายใจของชีวี...ไม่มีแล้ว
"รักเอย...เคยรักประจักษ์จิตรักเป็นพิษฤทธิ์แผ่แย่ไฉนทั้งเคืองขุ่นฉุนเฉียวเปลี่ยวอาลัยมิมีใครซึ้งเท่าที่เรามี "ที่จริงแล้ว รักเอย ไม่เคยผิดบางคนคิดว่ารักมักชิ่งหนีถึงขั้นกล่าวหาหนัก รักไม่ดีมิโทษที่ความคาดหวังตนตั้งมาน่าแปลกที่หัวใจ ไวต่อทุกข์ลืมความสุขได้ง่ายเหมือนไร้ค่าพาชีวิตติดหนับกับน้ำตาแถมไม่กล้าพยายามรับความจริงถ้ารับความจริงได้ทุกข์หายขาดเป็นโอกาสคว้าชัยอันใหญ่ยิ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงแหล่งหลักพึงพักพิงอยู่กับสิ่งรอบข้างอย่างเข้าใจรักเคยสวยอย่างไร ใสอย่างนั้นมิเคยผันจนหยาบเป็นภาพใหม่แต่เจ็บ-รัก มักอยู่คู่กันไปห่มหัวใจอุ่น-เย็นเป็นพักพักใครที่เคยมีรักจึงมักเจ็บผ่านมาแล้วก็ยังเก็บมาเจ็บหนักจำเถิดจำ รักเอย ที่เคยรักแต่ต้องพัก ความเจ็บ เก็บแค่จำ( แด่ ปลากัด และผู้เคยรักแล้วเจ็บทุกคน )
คนชอบสร้างนิยายบนชายหาดถือโอกาสกินลมชมยามบ่ายละอองฝนฝอยฝอยหล่นปรอยปรายพรมพื้นทรายพรายแดดทอคลอละอองรำไรไกลลิบลิบฟ้าขลิบน้ำเรือดำดำลำน้อยลอยลำล่องลมไล้เรียวเหนี่ยวนำคลื่นลำยองเป็นเกลียวฟองล่องสาดทบหาดทรายแว่วเสียงเพลงทะเลเห่ ซ่า ซ่ากล่อมน้ำฟ้าชายหาดไม่ขาดหายเป็นจังหวะทยอยลอยลมชายบ่งความหมายแผ่นดินถิ่นลำเนาตะวันบังหลังสนเงาต้นทอดรายตลอดเรียงร่มห่มหาดเหงาเป็นช่วงตอนอ่อนแก่คล้ายแรเงาสีเทาเทาระบายลายเข้มจางต้นมะพร้าวเรียงแถวหลังแนวสนระหว่างต้นจนแถวมีแนวห่างบ้านหนึ่งหลังตั้งซุ่มตะคุ่มรางอยู่ท่ามกลางหว่างพงดงมะพร้าวบ้านที่เคย "เล่นเล่น" อย่างเป็นสุขที่เคยปลุกความฝันวันเริ่มสาวที่ปลุกจิตคิดไต่ "บันไดดาว"เขียนเรื่องราว "ลอยคอทรมาน"แถบสีโค้งเหนือน้ำข้ามหาวห้วงมาตกช่วงกึ่งกลางกั้นทางผ่านเหมือนนิยายอิทธิฤทธิ์พิสดารใจสั่นปานจะหลุด ...หยุดก้าวปั๊บแนวโค้งรุ้งพุ่งลงอยู่ตรงหน้ากลัวรุ้งดูดขึ้นฟ้าไม่กล้าขยับตกใจกลัวร้องจ้า แม่มารับรุ้งลี้ลับ เด็กงี่เง่าไม่เข้าใจ .