คืนแขไขใคร่ครวญเคยเคลียเคล้าแสงโสมส่องสุดเศร้าสบเสาสวนเหม่อมองเมียงแมกไม้มีมากมวลจิตรัญจวนหวลหอมยามดอมดมดุจดื่มด่ำพร่ำพะวงดงดอกรักกระหายหนักวักดื่มจนลืมขมราวภมรอ่อนโลกลืมโศกตรมลิ้มอารมณ์ชมชื่นลืมคืนวันเมืองมนุษย์สุดล้ำสร้างคำ “รัก”จิตประจักษ์จมทุกข์เห็นสุขสันต์พิษรักรุมสุมทรวงราวบ่วงทัณฑ์จึ่งเงียบงันงดปากบอกฝากรักดั่งมานพรบเร้าคอยเฝ้าเอ่ยโลกเฉลยเผยคำจึงช้ำหนักเอ่ยเบาๆเราสองคงต้องพักเผื่อใครจักแอบฟังเสื่อมขลังคำคืนจันทร์นวลยวนเย้าคลายเศร้าสร้อยจึ่งเรียงร้อยถ้อยถกอกถลำ“หาได้มิบอกรักไม่” หึ! ใจดำแต่แสร้งทำล่อหลอกแท้บอก “...”(๙ เมษายน ๒๕๕๗)
เธอและฉันมั่นรักประจักษ์จิตรักดั่งฤทธิ์ร้อนเร่าไฟเผาผลาญหุ่นดินเผารูปเราสองต้องไฟนานแล้วทุบแตกแหลกลาญปานธุลีผสมน้ำคลุกคลีบดบี้ซ้ำแล้วขยำแปะปั้นเสกสรรสีเป็นรูปเธอและฉันขวัญชีวีดินส่วนนี้ของฉันปันในเธอชั่วชีวิตชิดใกล้ผูกใจรักร่วมสมัครหนึ่งแพรพรรณมั่นเสมอแม้นมอดม้วยยังหมายสบมาพบเจอสองเราเพ้อละเมอเคียงร่วมเตียงเดียวYou and IHave so much loveThat itBurns like a fire,In which we bake a lump of clayMolded into a figure of youAnd a figure of me.Then we take both of them,And break them into pieces,And mix the pieces with water,And mold again a figure of you,And a figure of me.I am in your clay.In life we share a single quilt.In death we will share one bed.(Kuan Tao-Sheng, 1262-1319, translated from the Chinese by Kenneth Rexroth and Ling Chung)
สาวแม่ค้าขายไข่วิไลล้ำยังจดจำรูปลักษณ์จนหนักอกไม่เห็นหน้าคราใดใจช้ำพกดุจดั่งตกเหวรักกระอักตายจะซื้อไข่มากินลิ้นกระดากจะออกปากถามไถ่ก็ใจหายเห็นดวงตาน่ารักก็ชักอายแกล้งกรีดกรายเมินพักตร์ไม่ทักเลยเก็บมาคิดเช้าเย็นเห็นจะบ้าเหม่อมองฟ้าครวญคร่ำแล้วทำเฉยนั่งอมยิ้มคนเดียวกี่เที่ยวเอยพี่สาวเย้ยตัดพ้อว่าคลอเพลงจะกินไข่ครั้งใดใจยังนึกเห็นภาพตึกขายไข่กับใบเข่งพร้อมรอยยิ้มคนขายก็หายเซ็งจนท้องเต่งเต็มที่ทุกทีกินเจ้าของไข่ไม่รู้สู้แอบรักไม่ยอมทักเลยเจ้าเฝ้าถวิลลูกค้าไข่ไข้หนักรักยุพินเกรงจะสิ้นชีวาตม์ขาดลูกค้าแกล้งไม่รู้ว่ารักหรือจักรู้ก็อดสูแก่ใจจะไขว่คว้าเฝ้าแต่คอยซื้อไข่อยู่ไปมาจนใบหน้าจะเป็นไข่...เพราะใจรัก(๑๘ เมษายน ๒๕๓๐)
โฉมเอยโฉมงามทรามสวาทคือเทพีปราสาทพระคริสต์เจ้าย้อนอดีตโบราณแต่นานเนาภวังค์เก่าเข้าฝันกระสันครวญเสียงดนตรีไพเราะเสนาะนักนางเยื้องยักรำงามตามกระสวนเหล่านางรำอื่นๆต่างชื่นชวนคนทั้งมวลเพ่งพิศอย่างติดใจนัยว่าเป็นเทวาลงมาโปรดเพื่อชุบโบสถ์มวลชนพ้นสมัยอธิษฐานขอพรฟ้อนรำไปเพื่อบาปไถ่ถ่ายถอนคำสอนจริงชาวฝรั่งทั้งผองต่างจ้องจดเธอร่ายบทล้ำเลิศดูเพริศพริ้งให้นึกรักหนักเศียรจนเวียนวิงหลงยอดหญิงชาวฝรั่งจะคลั่งตายสงบเสียงดนตรีนารีหยุดก็สิ้นสุดขอพรฟ้อนถวายเหล่าชาวคริสต์ทุกคนบ่นเสียดายต่างแยกย้ายกันกลับลาลับไกลเหลือชายทาสความรักนั่งพักโบสถ์นางจงโปรดเมตตาได้ปราศรัยจะขอมอบรักหอมสู่อ้อมใจขอตามไปเมืองฟ้าโปรดปราณี(๑๓ มีนาคม ๒๕๓๐)Outside the churchPerfectly charming, how you look,Known as the female Servant in the house of Christ.It’s in the past, but refreshing vividly in trance of my dream.The tone of music was so sweet;Whilst she was beautifully dancing.And all other girl dancers admired her, and the audience was also enthralled.It’s a rumour of angel herself, who came down to earth;For a salvation of the Church’s people.Dancing was a performing of repentance and being released the sin.Attractive girl, all westerners watched her;Skillfully dancing was so wholeheartedly impressed.So my whole heart fell in love, my dearest foreigner, I was dying for love.As the end of the music, she stopped dancing;So the salvation pray was finished.All Christian was reluctantly walked away, heading their homes.Only one man left outside the Church, who was now a Servant of Love.“Please kindly come to talk to me!I would like to present my love to you,And ready to follow you, heading for the Heaven!”By P. Pantasri (13th March 1987)
โอ้ อีสานแดนไกลใจยังรักสุดห้ามหักใจคิดลิขิตถึงทุ่งท้องนาป่าเขาเฝ้ารำพึงครวญคะนึงถึงถิ่นเสียงพิณแคนคิดถึงครั้งคูนเหลืองเรืองอร่ามคือความงามคลายทุกข์ให้สุขแสนกลิ่นพยอมหอมกลั้วไปทั่วแดนช่างเหมือนแม้นมันปาบุปผาไพรแว่วกังวานหวานล้ำหมอลำเอื้อนคอยย้ำเตือนผูกพันมิหวั่นไหวยามได้ยินเสียงลำร่ำจากใจยิ่งอยากไปเยือนถิ่นถวิลคอยบุญบั้งไฟปีก่อนคราย้อนคิดงามวิจิตรทั้งรถดูหยดย้อยนาคราชพ่นน้ำงามเลิศลอยกับสาวน้อยยิ้มร่าช่างน่ายลเสน่ห์ดั่งเมืองแมนคือแดนนี้ยังมากมีสารพัดมิขัดสนซ่อนนิยามนานเนิ่นเกินผู้คนเพียงผ่านพ้นผิวเผินอาจเมินพักตร์โอ้...อีสานดินแดนเสียงแคนอ้อนยิ่งอาวรณ์ครวญคร่ำระกำหนักแว่วขับขานการกลับอาภัพนักไกลถิ่นรักร้างเร่...ว้าเหว่เอย(๑๐ สิงหาคม ๒๕๓๐)