โอ้...บุหลันแจ่มจ้าเยือนฟ้าใหม่หากฉันใคร่มีคู่ร่วมสู่สมคืนนี้ฝันถึงชายที่หมายชมวอนจันทร์เพ็ญเด่นกลมให้สมใจแม้นจักได้แต่งงานแต่นานช้ายินปักษาหม่นหมองมาร้องไห้ยินเสียงโคหากวิวาห์มิช้าไยเสียงเคาะไม้จงหมายหม้ายคู่เคียงNew moon, new moon, true and brightIf I am to take a lover, let me dream of him tonightIf I am to marry far, let me hear a bird cryIf I am to marry near, let me hear a cow lowIf I am to marry never, let me hear a hammer knock.
สะท้อนทรวงสะทกอกสะท้านคนกลอนกานท์ด่าวดิ้นชีวินสูญเหยื่อโมหันต์เข่นฆ่าสุดอาดูรศพเพิ่มพูนสูญค่าปัญญาชนกราบอีกครั้งหนึ่ง ข. คุณที โปรดมีรักใช่ปลาผักจักฆ่าแกงแล้งเหตุผลชีวิตต่างสุดเศร้าเรา เขา คนวัฏวนเวียนกลับต่างรับกรรมไยเล่าคิดสั่งตาย...หมายเข่นฆ่าคนปากกาไร้อาวุธแสนสุดช้ำไยไม่คิดสั่งเป็น...เยือกเย็นธรรมเมตตาค้ำจุนโลกคลายโศกตรมคนปากกาไร้อาวุธสุดสงบกลับพานพบคมปืนสุดขื่นขมช่างบ้าเลือดเชือดกวีศรีนิยมเพียงขวัญข่มขุ่นข้องสนองตนปณิธานกานท์กลอนสะท้อนจิตจักสัมฤทธิ์ให้เห็นได้เป็นผลเพียงอภัยไม่พยาบาทอาฆาตคนย่อมก้าวพ้นสู่สังคมอุดมการณ์กราบอีกครั้งหนึ่ง ข. คุณที โปรดมีรักฆ่าบาปหนักหยุดกระทำกรรมประหารเมตตาไว้ใคร่เห็นให้เป็นทานแด่ วิญญาณ กวี(ไม้)หนึ่ง ก. กุนที
มันเป็นมาอย่างไรเกินไขขานรู้แต่กาลผ่านพบแล้วลบหายไปกับวันแจ่มจรัสลมพัดพายละอ่อนอายอุ่นอบพฤษภเยือน!ดอกป็อปปี้มิทันแซมแกมข้าวโพดนกไม่โดดละคู่ยังอยู่เหมือนไข่ของมันมิทันฟักจักคอยเตือนสุดรางเลือนเอื้อนเอ่ยเผยความในแต่ฉันรู้ว่ามันได้ผันผ่านล่วงกับกาลพฤษภาทิวาใสทุกสิ่งห้อมหอมหวานล้วนผ่านไปทิ้งฉันให้ แก่ หนาวหมอก ผมดอกเลาMayI cannot tell you how it was;But this I know: it came to pass-Upon a bright and breeze dayWhen May was young, ah pleasant May!As yet the poppies were not bornBetween the blades of tender corn;The last eggs had not hatched as yet,Nor any bird forgone its mate.I cannot tell you what it was;But this I know: it did but pass.It passed away with sunny May,With all sweet things it passed away,And left me old, and cold, and grey.(Christina Rossetti, 20 November 1855, 5 Dec. 1830 – 29 Dec. 1894)
บินลับไปเสียแล้วนกแก้วพี่ปล่อยให้กรงฤดีพี่เงียบเหงาคงไม่หวนกลับกรงหลงลำเนาเสียงดุเหว่าดุจเย้ยคู่เชยจรสาลิกาแก้วใจไยพลัดถิ่นเคยถวิลกรงชายมาถ่ายถอนเสียแรงรักถนอมใจให้เป็นคอนกลับตัดรอนไกลลับซับน้ำตากรงนกแก้วแคล้วคลาดนิราศนกกรงหัวอกชลนัยน์ไหลท่วมหล้าแต่วันจากพรากนุชสุดโศกานับเวลากรงเก่ายิ่งเศร้าตรมเฝ้าทบทวนความหลังครั้งเคยสุขเจ้าคอยปลุกปลอบใจไร้ขื่นขมด้วยจริตจริยาน่าชื่นชมโอ้ ตาคมลมไหนพาไหวเอนจึ่งลืมอ้อมอกชายให้ตายนิ่งขาดที่พิงเซโซไร้โล่เขนยอมให้ทิ่มแทงซากดุจกากเดนแล้วประเคนให้แร้งมาแย่งกินกรงหัวใจกรงนี้ไม่มีค่าสาลิกาแก้วใจไม่ถวิลจะปิดกรงอีกหนไม่ยลยินเลิกหลงลิ้นเจ้าแล้วนกแก้วเอย(ธันวาคม ๒๕๒๘)
ลมพัดไผ่ไหวอ่อนเมื่อตอนค่ำสายัณห์ย่ำรำไรอยู่ไกลแสนสิ้นวันนี้วันหน้ายังมาแทนแต่สิ้นแฟนวันนี้ไม่มีมาถึงครวญคร่ำกำสรวลชวนสะอื้นยากจะคืนดีกันให้หรรษาต่างโบกมือหันกลับไกลลับตาดั่งนาวาไกลฝั่งสู่วังวนฉันจะเข้าไพรพฤกษ์เพื่อฝึกจิตหวังพิชิตบ่วงมารให้ผ่านพ้นไกลจากสิ่งยั่วยวนไกลมวลชนอยู่อย่างคนสมถะเป็นพระจริงลมพัดพลิ้วผ่านมาเวลาดึกนั่งตรองตรึกคนเดียวเปลี่ยวใจยิ่งพรุ่งนี้บวชแน่ล่ะไม่ประวิงขอแอบอิงเบื้องบาทพระศาสดาแว่วเสียงไก่ขันมาเวลารุ่งหยิบเอาถุงขึ้นสะพายแล้วบ่ายหน้าทิ้งกระท่อมพักกายไว้ปลายนากลอนธรรมาก้องโสตโอดในใจ“เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้าเจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉนเมื่อเจ้ามาตัวเปล่าจะเอาอะไรเจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา”(ตุลาคม ๒๕๒๙)Leaving paddy field for Dhamma;Bamboo leaves were slightly moved when touching with the breeze.Sun set could be seen at afar, today was going to disappear;As it would be certainly replaced by tomorrow, but my love had gone and would be never returned.Moaning was a waste of time,Reconciliation of our love was impossible.Say goodbye to each other, as if the ship departed the port and disappeared.I will be heading the forest for practicing of mind fullness.In order to defeat the circle of being reborn,Stay away from all temped indulgences and people, but try to live alone as the genuine monk.The breeze came at late night,I sat up alone, in deep thought.To take a refuge and follow the footprint of Buddha, I would be ordained by tomorrow.In early morning when a cork gave the first cry,I picked up a cloth bag and walked away.Leaving the hut which located at the end of the rice field, whilst the Dhamma poem echoed in my head!“What did you bring to this world when you come?Why do you always seek to spoil yourself?What are you expect to take when you brought nothing?And nothing will be certainly taken both leaving and coming to this world alike.”By P. Pantasri (October 1986)