อย่าพึงเพียรพร่ำเอ่ยเผยรักก่อนความรักห่อนบอกแจ้งแถลงไขดั่งลมแผ่วพลิ้วผ่านพรมม่านใจลุ่มลึกในสงัดเกินผัสสะตาฉันพร่ำเอ่ยเผยปากบอกฝากรักเธอประจักษ์สิ้นหทัยที่ใฝ่หาสั่นสะท้านเหน็บหนาวร้าวอุราเธอเมินหน้าแล้วพรากตีจากไปเพียงเวลาไม่นานเธอพานพบกับมานพชวนชิดพิสมัยลุ่มลึกสงัดเกินผัสสะใดเขาครองใจสุขสมเพียงลมปราณNever seek to tell thy loveNever seek to tell thy love,Love that never told can be;For the gentle wind does moveSilently, invisibly.I told my love, I told my love.I told her all my heart,Trembling, cold, in ghastly fears-Ah, she doth depart.Soon as she was gone from meA traveller came bySilently, invisibly-He took her with a sigh. O, was no deny.(William Blake, 1757-1827)
รักลำเอียงเสียงน้อยดูด้อยค่ารักเมตตาไม่เท่ากันสวรรค์เบี่ยงรักแห่งคนทนโศกแกนโลกเอียงขอแต่เพียงเที่ยงธรรมมิกล้ำกลืนกระท่อมน้อยงอยนาสู้ฟ้าแดดร้อนเผาแผดฝนซัดยากขัดขืนนานแสนนานกาลเก่าเคยเสายืนสุดสะอื้นขื่นเคียงเสาเอียงเซหอปิซ่าสง่างามท่ามฟ้าแดดใดหนอแผดไสเสี่ยงจนเอียงเขได้ข้อคิดผิดหวังให้ลังเลสุดสนเท่ห์ทั้งน้อย-ใหญ่ต่างไม่ตรงหากเสาหลักยุติธรรมเซซ้ำซัดใดหนอจัดเที่ยงธรรมนำประสงค์ขาดที่พึ่งพึงหวังดั่งใจจงดุจเถื่อนดงพงหนาไร้อารยะทั้งกระท่อม หอปิซ่ามีซาทรุดจิตมนุษย์ฉุดศักดิ์เพราะกักขฬะแต่อ้างตนคนดีมีธรรมะมุ่งชนะกำชัยอย่างไร้รักคุณธรรมค้ำจุนหนุนหอเด่นให้เยือกเย็นไม่เอนเอียงจนเดี้ยงดักเฉกเช่นกันกับกระท่อมห่อหอมฮักต้องเที่ยงธรรมนำหลัก...จักจำเริญ
เธองดงามท่ามชนคนทุกเหล่ายาตรเยื้องเล่าดั่งลีลาศบาทวิถีเดินหน้าเชิดเพริศพริ้งหยิ่งในทีผมคราวนี้ยืดยาวหลายเท่าตัวพอเห็นฉันเธอหดคางกดอกเดินท่าตกเอาง่ายรีบหายหัวเร่งฝีเท้าจ้ำไปใจขุ่นมัวทิ้งกลิ่นกลั้วหอมกลุ่นเพียงอุ่นไอA Former LoveShe grew from the crowd,Stepping, streaming along the pavement,head tossed high,hair longer than before.She saw me,swooped head to breast,rushed past.A scent hung in the air.(Giles Gordon, 1940)
แจ่มจรัสรุ่งเรืองประเทืองฟ้าคือดาราดวงเด่นเห็นเสมอรัศมีสีนวลชวนละเมอส่งใจเพ้อเหม่อหาทุกราตรีหอมดังกลิ่นสุคนธาในฟ้าม่านจากวิมานเมืองแมนแดนสุขียั่วกมลคนเศร้าเหงาฤดีสูงดุจเทพเทพีส่วนพี่จนคงเป็นเพียงความฝันของวันพรุ่งเพราะสายรุ้งกั้นกลางทางสถลสุดเอื้อมสอยกิ่งฟ้ามาเยี่ยมยลเกินกว่าคนอย่างฉันจะฝันคิดฉายความงามหยามใจคนไร้ค่าราวกับว่ารักหญิงเป็นสิ่งผิดอนิจจายาจกอกช้ำพิษมิคลายฤทธิ์ร้อนรุ่มรักสุมทรวงจะแอบรักแอบใคร่ไปจนว่ามีเมตตาจากแคว้นแห่งแดนสรวงดลใจรักคนยากฝากแดดวงแม้นรักลวง...เพียงครั้งเถอะยังดีเปล่งประกายแสงดาวพราวระยับมิขานรับนิ่งหนักหยิ่งศักดิ์ศรีติดตะรางลุ่มหลงกรงโสภีต้องคดีใจมีผิด...เพียงคิดรัก(๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๐)
แม่ม้าขาวพราวปลอดของยอดรักมิรู้จักการขี่เลยไม่เคยขาสีนั้นขาวดุจกรวดหินถิ่นธาราขาวอาชายิ่งกว่าหญิงโสภาพรรณสามคืนที่ยลนางร่างเปลือยเปล่าราวพฤกษ์เผ่าคราวิวาห์ตุนาหงันขาวดั่งกรวดใต้น้ำท่ามตาวันปทุมถันดุจเนินเขาเฝ้าชิดเชยน้ำท่วมเกาะเขียวรำไรไร่ข้าวโพดผมดำโปรดขดขนาบกุหลาบเผยกรวดหินนางนิ่งแนบน้ำคลื่นรำเพยม้าขาวเอ๋ยฉันจะควบขาอวบนางLove PoemThere is a white mare that my love keepsunridden in hillside meadow – whiteas a white pebble, veined like a stonea white horse, whiter than a girlAnd now for three nights sleeping I have seenher body naked as a tree for marriagepale as a stone that the net of water coversAnd her veined breasts like hills – the swallow islandsstill on the corn’s green water: and I knowher dark hairs gathered round an open roseher pebbles lying under the dappled sea.And I will ride her thighs’ white horses.(Alex Comfort, 1920 - )