"ใครที่เคยมีรักจึงมักเจ็บผ่านมาแล้วก็ยังเก็บมาเจ็บหนักจำเถิดจำ รักเอยที่เคยรักแต่ต้องพักความเจ็บเก็บแค่จำ"คงจดจำที่ใจแห่งไฟรักใจสมัครภักดีเคยมีช้ำหลงจริตติดรักพิทักษ์คำแม้ชื่นฉ่ำกำสรวลล้วนจากใจจงฝันใฝ่ในฝันทุกวันวี่ล้างราคีหมดจดให้สดใสอดีตเศร้าร้าวรานให้ผ่านไปรับวันใหม่ไออุ่นอรุณรอจินตภาพวาบหวานผสานสู่ร่วมเรียนรู้สิ่งดีไม่มีหงอแม้ที่สุดมีรักร่วมถักทอมิย่นย่อยืนยันจงฝันไกลก้าวชีวิตผิดพลั้งกี่ครั้งเล่ากี่หนัก-เบาก็ควรแก่การแก้ไขแม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนทั่วแดนไตรเจ็บเพียงใดย่อมถ่ายถอนมีผ่อนคลายล้มแล้วลุกบุกบั่นพร้อมฟันฝ่าด้วยปรัชญาสารพันอย่าขวัญหายสติตั้งพลังรู้มิดูดายโลกผ่านร้ายหมายรักมั่นนิรันดร(แด่ ปิรันย่า จาก ปลากัด ด้วยรัก)
ครั้งฉันสาวราวรุ่นคุณประจักษ์
ถนอมรักปักจิตพิสมัย
บัดนี้รอยตีนกามาเยือนวัย
ผมสีใหม่ดอกเลาเริ่มเข้ามา
ตัวเริ่มท้วมต้วมเตี้ยดูเสียหุ่น
ไม่ละมุนหมดเท่ห์เสน่หา
ขาดคำชมสมทบยามสบตา
แม้เพียงค่าหนุนใจให้เบิกบาน
คำสัญญาใครนี่หลายปีก่อน
ตะวันรอนหนาวรับเคยขับขาน
ฉันรู้เพียงความเหงาและร้าวราน
น้ำตาผ่านไหลหลั่งและวังเวง
When I was youngYou loved me once when I was young When I was young and fair- Now ageing lines have made their mark And grey invades the hair.
The pounds have gained, the figure gone,
No more admiring glances,
Oh for one look, one word of praise
To set the heart a-dancing!
What happened to the promises
For those late winter years?
I only know of loneliness
And silent, frequent tears.
(Patricia Samuels)
มักกะลีศรีสุคนธ์วิมลมิ่ง
จะทอดทิ้งไกรลาสสวาสดิ์สูญ
พิทยาธรอ่อนจิตคิดอาดูร
ทวีคูณครวญคร่ำร่ำจาบัลย์
เจ็ดราตรีที่เคยได้เชยชิด
ประจงปลิดเชยชมภิรมย์ขวัญ
มิเริดร้างห่างจิตนิจนิรันดร์
พิณคนธรรพ์นั่นฤๅคือกำแพง
อกข้าเอยเคยชื่นจะยืนเซ่อ
ไม่พบเธอนับวันแต่กันแสง
ชลนัยน์ไหลปรี่เป็นสีแดง
สิ้นเรี่ยวแรงซานซบสลบไป
แผ่วๆพิณคนธรรพ์จากชั้นฟ้า
ฟื้นกายามองเมียงเสียงสดใส
เห็นเขาอุ้มจุมพิตตะขิดใจ
ชีวาลัยแทบปลดระทดระทวย
หากองค์อินทร์ผินพักตร์จักรู้ว่า
ดวงชะตาไม่รอดคงมอดม้วย
หอมระรินกลิ่นนารีมารวยๆ
คนธรรพ์ฉวยโฉบเฉินเหินพิมาน
ขอองค์อินทร์ผินพักตร์จักทูลว่า
โปรดเมตตาคนเศร้าเฝ้าสถาน
ช่วยฝังซากคนช้ำดั่งคำวาน
ใต้กิ่งก้านมักกะลีที่นี่เทอญ
ตุลาคม ๒๕๒๙
จูบกระซิบแสนหวานสุดซ่านซึ้ง
ของคืนหนึ่งฉันสอนให้ใช่ลืมหลง
ราตรีชื่นคืนเราดื่มมิลืมลง
หวังเจ้าคงส่งจูบชื่นกลับคืนมา
โปรดขโมยริมฝีปากฝากจุมพิต
เผยอเพียงนิดปากเธอพร่ำเพ้อหา
อา ไม่ใช่! จูบผิดเป้าไม่เอานา
ยอดชีวาทำไมเล่าเจ้าโง่งม
“หยุด หยุดก่อน!” หล่อนหน้าแดงแสร้งประท้วง
แต่ยังหน่วงคลอควงแขนแสนสุขสม
“ไยค่อนขอดตอดนักเรียนให้ตรอมตรม
คุณอบรมเคยสั่งสอน!นั้นตอนมืด”
The kiss
Give me, my love, that billing kiss
I taught you one delicious night,
We tried inventions of delight.
Come, gently steal my lips along,
And let your lips in murmurs move, -
Ah, no! – again – that kiss was wrong –
How can you be so dull, my love?
‘Cease, cease!’ the blushing girl replied –
And in her milky arms she caught me –
‘How can you thus your pupil chide;
You know ’twas in the dark you taught me!’
(Thomas Moore, 28 May 1779-25 Feb 1852)
ดอกกุหลาบสดใสใครขว้างทิ้ง
เห็นซบนิ่งข้างคลองกองขยะ
คล้ายๆเราเคยให้แด่ใครนะ
ฤๅเขาจะขว้างทิ้งไม่จริงใจ
บางทีเป็นของใครก็ไม่รู้
มิกล้าตู่เกรงเขาว่าเราได้
กุหลาบเอย...ชูช่อไว้รอใคร
มิเท่าไหร่หรอกเจ้าคงเฉาตาย
มีตำหนิหนามคมช่างสมนัก
เป็นประจักษ์สำคัญเคยมั่นหมาย
มอบแด่ใครคนหนึ่งซึ้งมิคลาย
ไยทิ้งง่ายหน่ายรักอกหักตรม
กองขยะกับกุหลาบสุดซาบซึ้ง
ดูประหนึ่งจำเพาะเปรียบเหมาะสม
อย่าอาจเอื้อมดอกฟ้ามาชื่นชม
ดีแต่ก้มเก็บขยะสวะคลอง
เขาทิ้งเจ้าแล้วหนอช่อกุหลาบ
มิเคยทราบในทีว่ามีสอง
เก็บกุหลาบช่อเก่ามาเฝ้ามอง
ครวญถึงน้องหมองเศร้าเหงาฤดี
โอ้อกเอ๋ยรับจ้างล้างตลาด
คิดเอื้อมอาจวาดรักเกินศักดิ์ศรี
กวาดถนนรนแคมนับแรมปี
รักทั้งทียอดหญิง...หยิ่งทะนง
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๓๐