บอกฉันได้ไหมความลับเก็บกับทับไว้ไม่หายก้นบ่อห่อไว้ไม่คายอย่าหมายแพร่งพรายคายคำบอกฉันได้ไหมความลับเถอะครับยังรอขอซ้ำจะเก็บรักษาความดำขอย้ำภู่ผึ้งพึงเมินบอกฉันได้ไหมความลับง้างงับเต็มปากยากเขินดุจกรวดแห่หินดินเดินเผชิญสมุทร(ยัง)อุดปากSecretTell me your secret.I promise not to tell.I'll guard it safely at the bottom of a well.Tell me your secret.Tell me, tell me, please.I won't breathe a word, not even to the bees.Tell me your secret.It will be a pebble in my mouth.Not even the sea can make me spit it out.(John Agard, 1949 - )
คืนแขไขใสนวลเย้ายวนฟ้า
ในอุรารื่นเริงบันเทิงขวัญ
เสียงพิณแคนครึกครื้นเริงรื่นกัน
งานใหญ่วันบุญพระเวสฯเทศน์ทำนอง
บึงพลาญตระการเด่นเห็นสง่า
ด้วยธาราล้อมรอบเป็นขอบของ
เกาะกลางบึงซึ้งค่ายิ่งน่ามอง
ยินลำล่องลำเพลินสะเทิ้นทรวง
ลือว่าเป็นลำซิ่งเกินนิ่งนั่ง
เงี่ยหูฟังพิณแคนจากแดนสรวง
บ่าวลำซิ่งหญิงลำคู่ราวชู้ควง
บทหึงหวงเกี้ยวพายิ่งน่าชม
"ถ้าพี่จะไปขอ ไปขอ พ่อสิว่าจั่งใด"
"น้องสุดแสนเสียใจ เสียใจ อย่าไปขอแท้ๆ"
หยุดโศกเศร้าโศกาลุกมาฟ้อน
ลายออดอ้อนลำซิ่งสะวิงขรม
พิณแคนเร้าเขย่ากายหายระทม
อ้อนอารมณ์คนฟังไหลหลั่งมา
สาวหมอลำบ้านใด๋หนอใครรู้
อุทานฮู้! มาไกลสวยใบหน้า
สาวหมอลำชุมพรออนซอนตา
พบคู่ขาจากแดนขอนแก่นคำ
สาวชุมพรบ่าวขอนแก่นแฟนๆครับ
เสียงสำทับโฆษกยกความขำ
"ปิรันย่า" น่ารักเอื้อนชักนำ
"ปลากัด" ลำโต้กลอน อย่านอนเด้อ!
หากฉันเป็นแผ่นพื้นปฐพี
เธอคนดีดุจเผ่าเหล่าพฤกษา
เริ่มงอกงามรู้ได้ในอุรา
เติบโตมาจากแก่นแผ่นดินใจ
หากเธอเป็นพงศ์เผ่าเหล่าวิหค
ขอผันผกเป็นลมพรมไสว
เธอไม่อาจหลีกลี้หนีฉันไป
แห่งหนใดล้วนลมพลิ้วพรมกาย
หากเธอเป็นหินผาศิลาย้อย
ฉันจักคอยท่วมท้นเป็นชลสาย
ย่อมซาบซับรับรู้อยู่มิวาย
ดังอุ่นอายสายเลือดมิเหือดไป
หินผาศิลาแลงทิ่มแทงฉัน
วิหคพลันวายวางร้างไฉน
เกี่ยวกระหวัดรัดลึกรากพฤกษ์ไพร
ตรึงฉันไว้ทรมาฆ่าทั้งเป็น
If I were the Earth
If I were the earth
And you a tree,
I’d feel you growing
Out of me.
If you were a bird
And I the air,
You’d not escape me
Anywhere.
If you were a stone
I, a river in flood,
Surely should feel you
Through my blood.
The stone has pierced me
The bird has died,
The tree will uphold me
Crucified.
จานดอกแดงแกว่งลมที่พรมพัด
ภุมรินบินฉวัดเฉวียนร่อน
สัญลักษณ์แห่งทุ่งฟุ้งขจร
ลำนำกลอนอ้อนบอกมนต์ดอกจาน
ผ่าวลมแล้งร้อนวูบจูบสัมผัส
จิตประหวัดรัดรึงซึ้งอีสาน
ปล่อยกมลค้นคำแห่งตำนาน
ใต้ร่มจานสวยสดด้วยบทกลอน
กลีบดอกจานจารึกผนึกรัก
ช่อสลักความพ่ายมิถ่ายถอน
คนแย่งรักสูญสั่งดั่งภมร
เสียเกสรสูญสิ้นถวิลชม
ดอกจานแย้มยิ้มรับคนอับโชค
ลมแล้งโกรกพัดครืนความขื่นขม
ภมรลิ้มรสหวานจานระทม
อดีตจมฝังซากกับรากจาน
ครารักหวานหวานซึ้งตราตรึงจิต
ก็ลิขิตมธุรสแห่งบทหวาน
มิร้างเริดเฉิดฉันนิรันดร์กาล
มนต์ดอกจานจารรักอักษรา
แม้ดอกจานบานโรยแล้วร่วงหล่น
แต่กมลไม่สิ้นถวิลหา
คงครวญคร่ำพร่ำเพ้อเหม่อมองนา
เฝ้าตั้งตาคอยเค้าคนเข้าใจ
๒๕ มกราคม ๒๕๓๑
เพียงเพราะเธอมองมารู้ว่าใช่
ที่ฝันใฝ่ไร้เงาพบเข้านี่
เกิดรักเร็วราวความคิดจิตไมตรี
แม้ชื่อมีก็ไม่รู้ดูกระไร
ตาสบตารู้ไหมหัวใจสั่น
ศตวรรษเปลี่ยนผันชีวันไหว
ถึงบัดนี้ไร้รอยเกี่ยวก้อยใจ
ชาติก่อนไซร้คงเคยรักภักดีกัน
ผะผ่าวร้อนเราผ่านสะท้านเทิ้ม
เราใช่เริ่มด้วยวจีแต่งสีสัน
แต่ต่างรู้ล้วนจริงทุกสิ่งอัน
บุพเพฯนั้นดอกบรรจบให้พบพาน
Reunion
I saw you look at me and knew
This was the moment I had sought,
And sought in vain__ yes, it was true
That love could happen swift as thought,
I didn’t know your name.
I saw your eyes look into mine,
My heart was beating, did you know?
We passed through centuries of time,
But there was nothing now to show
We’d loved in other lives.
Something flashed from me to you.
You were trembling, so was I.
We didn’t speak and yet we knew
That everything we felt was true
Because we’d met again.
(Barbara Cartland,1939; 1901-2000)