โอ้ อีสานแดนไกลใจยังรักสุดห้ามหักใจคิดลิขิตถึงทุ่งท้องนาป่าเขาเฝ้ารำพึงครวญคะนึงถึงถิ่นเสียงพิณแคนคิดถึงครั้งคูนเหลืองเรืองอร่ามคือความงามคลายทุกข์ให้สุขแสนกลิ่นพยอมหอมกลั้วไปทั่วแดนช่างเหมือนแม้นมันปาบุปผาไพรแว่วกังวานหวานล้ำหมอลำเอื้อนคอยย้ำเตือนผูกพันมิหวั่นไหวยามได้ยินเสียงลำร่ำจากใจยิ่งอยากไปเยือนถิ่นถวิลคอยบุญบั้งไฟปีก่อนคราย้อนคิดงามวิจิตรทั้งรถดูหยดย้อยนาคราชพ่นน้ำงามเลิศลอยกับสาวน้อยยิ้มร่าช่างน่ายลเสน่ห์ดั่งเมืองแมนคือแดนนี้ยังมากมีสารพัดมิขัดสนซ่อนนิยามนานเนิ่นเกินผู้คนเพียงผ่านพ้นผิวเผินอาจเมินพักตร์โอ้...อีสานดินแดนเสียงแคนอ้อนยิ่งอาวรณ์ครวญคร่ำระกำหนักแว่วขับขานการกลับอาภัพนักไกลถิ่นรักร้างเร่...ว้าเหว่เอย(๑๐ สิงหาคม ๒๕๓๐)
รักรันทดกฎแห่งเธอเคยเพ้อฝันลานิรันดร์เบ็ดบ่วงเธอเลิกเผลอไผลปราชญ์ซีนิคและเพลโตฉันโผไปจรจากไกลตำนานเจ้าเลิกเมามัวสู่รวงรังที่พรั่งพร้อมย่อมหมายมั่นเคยฝ่าฟันผิดตลอดเพราะบอดมั่วความแหลมคมข่มสะเทิ้นเธอเกินตัวทิ่มแทงทั่วตำตาเจ็บชาชินเพียงสอนใจใคร่ย้ำใช่จำจดถอดกำสรดไถ่เสรีมิสร่างสิ้นให้หัวใจพองซนพ้นมลทินโบกโบยบินสิ้นสวาทอำนาจนายครั้งยังเยาว์เคยเยือนเหย้าเยาวลักษณ์ปาเป้าปักล้วนลูกเปราะเดาะหักง่ายเสียเวลาสูญเพราะเจ้าล้วนเปล่าดายเลิกปีนป่ายกิ่งผุกร่อนใคร่ห่อนปองA renouncing of loveFarewell, love, and all thy laws forever.Thy baited hooks shall tangle me no more;Senec and Plato call me from thy lore,To perfect wealth my wit for to endeavor.In blind error when I did preserver,Thy sharp repulse, that pricketh ay so sore,Hath taught me to set in trifles no store,And scape forth, since liberty is lever.Therefore, farewell: go trouble younger hearts,And in me claim no more authority;With idle youth go use thy property,And thereon spend thy many brittle darts;For hitherto though I have lost all my time,Me lusted no longer rotten boughs to climb.(Sir Thomas Wyatt, 1503 – 11 Oct. 1542)
อรุณรุ่งจรุงกลิ่นประทิ่นทัดพายพลิ้วพัดพากลิ่นถวิลหวังแสงอุษาส่องเยือนเตือนภวังค์หอมนั้นยังซึ้งจิตนิจนิรันดร์ดุจดั่งกลิ่นสุคนธาจากฟ้าม่านทรมานคนยากเฝ้าฝากฝันกระเสือกกระสนเพื่อพบสบเทวัญดั่งกระต่ายหมายจันทร์เกินฝันไกลคงเป็นเพียงภาพลวงให้หน่วงหนักกระหายรักเดียวดายอายเทพไท้ไหนจะสมสรวงฟ้านิคาลัยเพียงอกใจขาดดิ้นหากสิ้นรักหอมประหารหัวใจให้ม้วยมอดขอยึดยอดเขาคำเป็นตำหนักแดนปัจฉิมหิมพานต์วิมานพักจวบประจักษ์นฤมลสุคนธารวิวรรณแผดเผาให้เร่าร้อนยังอาวรณ์กลิ่นจันทร์จากชั้นฟ้าจินตนาการโฉมนุชสุดบูชาคงโสภาเพริศพริ้งกว่าหญิงใดจนสายัณห์เย็นย่ำยังพร่ำคิดหอมฝังจิตมั่นคงยิ่งหลงใหลทินกรย้อนกลับลับตาไปทอดทิ้งใจใฝ่ฝันกลิ่นรัญจวน(๘ พฤษภาคม ๒๕๓๐)
เธอคือ โลกแห่งฉันพลันบังเกิดเธอกำเนิดเวลาให้พาหมุนฉันเดินในตรอกตรมขื่นขมคุณหาให้วุ่นคนหายเสียดายกันเธอแอบทิ้งหนีไปใครชอกช้ำคือเครื่องค้ำขื่อคาฆ่าเพื่อนฉันกลิ่นเขาโชยจากสวนครวญรำพันไม่มีวันฉันเล่าจะเข้าใจนกส่งเสียงจิ๊บแจ๊บต้นแอ็ปเปิลไม่สะเทิ้นดวงมาลย์มันขานไขยินแต่เสียงนาฬิกาเฉื่อยชาไปตีย้ำให้รู้ค่าเวลาลวงเป็นไปได้จักสังหารกลอนกานท์นี้ปากกาจี้เสียบคอไม่ห่วงหวงยืนน้ำตาเปียกชุ่มเตียงพุ่มพวงทุกคืนล่วงมันหลอนเยี่ยมความเหี้ยมคุณYou Went AwaySuddenly, in my world of you,You created time.I walked about in its bitter lanesLooking for whom I’d lost, afraid to go home.You stole yourself and gave me thisTorturer for my friendWho shows me gardens rotting in airAnd tells me what I no longer understand.The birds sing still in the apple trees,But not in mine. I hearOnly the clock whose wintry strokesSay, ‘Now is now’, the same lie over and over.If I could kill this poem, stickingMy thin pen through its throat,It would stand crying by your bedAnd haunt your cruelty every empty night.(Norman MacCaig, 14 Dec.1910 – 23 Jan. 1996)
สง.........สารวัฏผลัดเปลี่ยนเวียนบรรจบกรานต์..กราบนบอภิวันท์จิตหรรษารด.........ไตรรัตน์สิ่งศักดิ์สิทธิ์คิดบูชาใจ..........เมตตาต่อมนุษย์สุดประมาณอภัย.......กับพลาดพลั้งขาดยั้งคิดต่อ.........ชีวิตเพื่อนร่วมโลกโศกสถานทุก.........ทิวาราตรีสุขีนานคน.........ทุกคนสุขสราญสงกรานต์เอย(13 April 2014)