ภวังค์รักสลักบึง
โอ้...ร้อยเอ็ดบึงพลาญตำนานรัก
ยังสลักเกาะกลางมิห่างหาย
เห็นหนุ่มสาวอ้อยอิ่งคู่หญิงชาย
แลชม้ายมองเมินสะเทิ้นใจ
ดอกบัวหลวงในธารตระการเด่น
น้ำกระเซ็นพุพุ่งสูงไสว
หมู่มัจฉาว่ายแหวกแทรกบังใบ
แลวิไลน่าทึ่งบึงพลาญ
แต่ชายหนึ่งซึ่งเศร้านั่งเหงาเงียบ
กับพื้นเรียบเขียวขจีฤดีซ่าน
ปล่อยใจลอยล่องลับไปกับกาล
ค้นตำนานรักหวานบุราณมา
สุริยันผันผ่ายลงบ่ายคล้อย
ยังเลื่อนลอยฝันฝากกับฟากฟ้า
จิตสำนึกตรึกการณ์ผ่านเวลา
เรียนวิชารักศาสตร์วิลาศลอย
ความมืดมิดปกคลุมทุกมุมเกาะ
น้ำค้างหยาดหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เสียงหรีดหริ่งเริงร่าดังป่าดอย
วับแวบแสงหิ่งห้อยคล้อยตามดิน
สายตาจับดวงดาวเริ่มหนาวหนัก
เรียนบทรักในภวังค์หวังถวิล
เดินจากบึงบัวหลวงซึ้งดวงจินต์
แว่วได้ยินเสียงไก่วันใหม่เยือน
(๒๐ มกราคม ๒๕๓๐)
สิ่งนี้ที่ฉันสัญญา
สัญญาแห่งแสงทองของชีวิต
ฉันไม่คิดสำคัญคำมั่นหมาย
ไม่สัญญารวยเงินทองกองมากมาย
ไม่ทำนายทางเดินจะเพลินจร
สู่ทางเปลี่ยนแปรผันนับวันแก่
สัญญาแต่ใจกายมิถ่ายถอน
และรอยยิ้มซับน้ำตาคราอาวรณ์
นิรันดรรักจรุงทุกรุ่งทิวา
These I can promise
I cannot promise you a life of sunshine;
I cannot promise riches, wealth or gold;
I cannot promise you an easy pathway
That leads away from change or growing old.
But I can promise all my heart’s devotion
A smile to chase away your tears of sorrow;
A love that’s ever true and ever growing;
A hand to hold in yours through each tomorrow.
(Mark Twain, 1835-1910)
เดินทางไกลด้วยใจรักหากต้องจรจรัลหลายพันลี้รองเท้าดีควรพิเคราะห์เลือกเหมาะสมรองรับเท้าก้าวไกลใฝ่ภิรมย์ถึงหกล้มมิจมปลักตั้งหลักเดินดุจดั่งคู่ชีวิตยามคิดรักพึงพร้อมพรักเคียงกันชนสรรเสริญจะหนาวร้อน อ่อนล้า กล้าเผชิญมิหมางเมินร่วมทางแม้ย่างไกลแม้นรองเท้ากระทบเนื้อจนเหลืออดฤๅคิดปลดปล่อยวางร้างไฉนถึงกัดบ้างแต่อุ้มเท้าทุกก้าวไปพึงอดใจก่อใยรักเกื้อภักดี
วงกลม
เปรียบวงกลมให้เห็นเป็นความรัก
คำสลักตามเส้นเน้นความหมาย
รัศมีโดยรอบมอบอุ่นอาย
แทนขอบข่ายแหนหวงเต็มห้วงรัก
เธอเนาในวงรักอันพรักพร้อม
เฝ้าโน้มน้อมนุ่มนวลสงวนศักดิ์
พะเน้าพะนอเป็นตูมคอยฟูมฟัก
โสตประจักษ์กล่อมเห่เปลสายใจ
ฉันโคจรเป็นกรอบอยู่รอบข้าง
เพื่อสรรสร้างจักรวาลที่ขานไข
ขนดเหนือทะเลสาบอาบอิ่มใน
ดุจหทัยคงคาพะงางาม
ฉันเป็นคนกลมหนากายาล่ำ
เคลื่อนสูงต่ำริมรอบขอบสนาม
กลิ้งดั่งคลื่นเคลียเคล้าเจ้านงราม
พยายามมือป้อง ฉันร้องทัก
โอช้าก่อนยอดรักพักนิ่งๆ
นี่ที่จริงใช่หมุนให้วุ่นหนัก
เพียงนิ่งเฉยเชยชมคารมรัก
แต่วงจักรจรดแน่อย่างแท้จริง
The Circle
A circle is my love, and all
my words along that line will tell
the radius my passions fill.
You lie within it. Gently there
you nestle in its humming care,
until its humming fills your ear.
Yes I, who spin around you, make
a universe beyond the lake,
the silent lake which is your heart.
Its depth I am, circumference round,
and moving ripples when your hand
leans out to touch me on the ground.
And yet, and yet, it is, my dear,
Your stillness, not my turning here,
that makes the circle true entire.
( Alan Riddell, 1927, Translated by P. Pantasri)
ลอยกระทงปี ๓๐
มือบรรจงกระทงน้อยลงลอยล่อง
สายตาจ้องดวงเดือนเคลื่อนเวหน
น้ำกระเพื่อมไหลหลั่งสองฝั่งชล
สายลมบนพัดวูบจูบกระทง
ปล่อยลงลอยจากไปจนไกลฝั่ง
สายตายังไม่เคลื่อนลับเลือนหลง
จนแสงเทียนดวงน้อยค่อยหรี่ลง
ตายังคงจดจ้องดูท้องธาร
ไม่มีเงางามงอนเหมือนก่อนนั้น
ไม่มีวันเพริศแพร้วแห่งแววหวาน
ไม่มีเราเคียงสองครองวิมาน
เหลือเพียงลานความหลังริมฝั่งชล
ขอขมานทีที่ไหลหลาก
ปีพลัดพรากบรรจบครบอีกหน
แต่คนรักจมหายตายน้ำวน
กระทงดลส่งสาส์นถึงกานดา
ด้วยคิดถึงน้องนุชสุดที่รัก
อกเพียงหักร้างเร่เสน่หา
ไม่ขอมีรักใหม่ไกลแก้วตา
แม่คงคาโปรดเห็นเป็นพยาน
คืนนี้เพ็ญเด่นดวงในห้วงฟ้า
ดุจดวงหน้าอดีตแฟนที่แสนหวาน
ยิ้มรับรักด้วยฤกษ์อันเบิกบาน
เชื่อมผสานสองโลกคลายโศกเอย
๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๐