เป่านกหวีดปิดถนนเรียกคนเพิ่มคนมาเติมจุดเทียนเปลี่ยนวิถีปล่อยลูกโป่งสันติภาพทราบในทีครื้นเครงดีสร้างสีสันวัน Shutdown!
๑
ท้องทะเลสีเทาใต้เงาผ่อง
จันทร์เสี้ยวส่องอร่ามเรืองเบื้องเวหน
ส่วนเบื้องล่างทางดินถิ่นมืดมน
แหละคลื่นซนสาดซับไม่หลับนอน
คือความงามแห่งคลื่นตื่นจากหลับ
ฉันขยับฝีพายไม่ถ่ายถอน
มุ่งหัวเรือล่องหน้าไม่อาทร
ความเร่งร้อนไปสะดุดหยุดฝั่งทราย
๒
เดินอีกไมล์ตามชายหาดอันอบอุ่น
กลิ่นละมุนชื่นฤดีไม่หนีหาย
ข้ามสามทุ่งมุ่งนารักไม่พักกาย
ถึงจุดหมายจึงจำเพาะเคาะหน้าต่าง
แทนคำพูดครูดข่วนทวนเป็นสื่อ
สีเงินคือเปลวไม้ขีดวาบดีดผาง
เสียงแผ่วเบาเคล้าสุขกลัวทั่วสารพางค์
ยังเบาบางกว่าเสียงรัวสองหัวใจ!
Meeting at night
I
The grey sea and the long black land;
And the yellow half-moon large and low;
And the startled little waves that leap
In fiery ringlets from their sleep,
As I gain the cove with pushing prow,
And quench its speed i’ the slushy sand.
II
Then a mile of warm sea-scented beach;
Three fields to cross till a farm appears;
A tap at the pane, the quick sharp scratch
And blue spurt of a lighted match,
And a voice less loud, thro’ its joys and fears,
Than the two hearts beating each to each!
(Robert Browning, 1812-1889)
หมอกเมืองเหนือ
หนาวหมอกเมืองเหนือเบื่อคนหลายรัก
คิดถึงวงพักตร์อกหักซ้ำสอง
เมฆม่านผ่านพัดสัมผัสผิวผ่อง
ลมหวนทวนล่องนวลน้องแรมไกล
หนุ่มเมืองร้อยเอ็ดเตร็ดเตร่เหว่ว้า
จากบ้านเมืองมาน้ำตารินไหล
รักคนไกลถิ่นถวิลเพียงใจ
ที่แท้เขาไม่ไยดีปรีดา
หักอีกยังไหวหัวใจชอบหัก
รักแล้วแคล้วรักจักไม่ใฝ่หา
หยุดคำแสลงเสียดแทงอุรา
ฝากไว้กับฟ้าอำลาความรัก
อีสานแดนเฮาเขาชิงชังซ้ำ
ไม่โทษเคราะห์กรรมที่ทำเราหนัก
โทษใจตัวเองชอบเก่งดีนัก
อยากเยี่ยมเทียมศักดิ์มักสูงยูงทอง
เมืองเหนือแดนงามก็ตามเมืองนั่น
ไม่อยากใฝ่ฝันสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
อีสานเขาทำช้ำมาหน้านอง
ชลนัยน์ไหลล่องต่างลำน้ำปิง
หนาวหมอกเมืองบนสู้ทนห่มผ้า
ไม่อยากเห็นหน้าดวงตาของหญิง
อยากอยู่เดียวดายแม้ตายได้จริง
จะขอซบนิ่งหมอกขาว...หนาวตาย
ธันวาคม ๒๕๓๐
"Wishing you all a Happy New Year 2014""ส่ง... ลิขิตแด่มิตรกลอนสุนทรพจน์ความ.. สวยสดงดงามนิยามถึงสุข... สมหวังดั่งจิตคิดคำนึงปีใหม่. พึงประสบสุขทุกท่านเทอญ"ด้วยรัก
เดียวดาย
ไนติงเกลละคอนค้างไว้ว่างเปล่า
มาลีร้าวหนาวไอเยือกเป็นเปลือกแข็ง
เสียงโหยหวนจิ้งจอกบอกสิ้นแรง
หอนจากแหล่งแข็งขาวรังหนาวเย็น
อนิจจา รักฉันพลันสูญสิ้น
เจ้าโบยบินจากลาไม่มาเห็น
ฉันเดียวดายหมายเศร้าเหงาลำเค็ญ
เหมันต์เน้นหนาวเหน็บเจ็บดวงจินต์
เคยชื่นชมดมสุคนธ์จากต้นพิ๊งค์
รวงผึ้งนิ่งแขวนแมกไม้ใคร่ถวิล
สุรีย์ฉายแจ่มเจิดจ้าพายลยิน
ทุกสิ่งสิ้นเคยสดสวยม้วยกระเด็น
อนิจจา รักฉันพลันสูญสิ้น
เจ้าโบยบินจากลาไม่มาเห็น
ฉันเดียวดายหมายเศร้าเหงาลำเค็ญ
เหมันต์เน้นหนาวเหน็บเจ็บดวงจินต์
เทียนฉันส่องสบเงาอย่างเหงาเงียบ
เบื้องฟ้าเรียบหมู่ดาวพรานผสานศิลป์
เงาทะมึนผีเสื้อเผื่อลงกิน
เพราะโลกสิ้นหมดความหมายตายทั้งเป็น
อนิจจา รักฉันพลันสูญสิ้น
เจ้าโบยบินจากลาไม่มาเห็น
ฉันเดียวดายหมายเศร้าเหงาลำเค็ญ
เหมันต์เน้นหนาวเหน็บเจ็บดวงจินต์
Alone
The abode of the nightingale is bare,
Flowered frost
congeals in the gelid air,
The fox howls from his frozen lair:
Alas, my loved one is gone,
I am alone;
It is winter.
Once the pink cast a winy smell,
The wild bee hung in the hyacinth bell,
Light in effulgence of beauty fell:
Alas, my loved one is gone,
I am alone;
It is winter.
My candle a silent fire doth shed,
Starry Orion hunts o’erhead;
Come moth, come shadow, the world is dead:
Alas, my loved one is gone,
I am alone;
It is winter.
(Walter de la Mare,1873-1956)