จานดอกแดงแกว่งลมที่พรมพัด
ภุมรินบินฉวัดเฉวียนร่อน
สัญลักษณ์แห่งทุ่งฟุ้งขจร
ลำนำกลอนอ้อนบอกมนต์ดอกจาน
ผ่าวลมแล้งร้อนวูบจูบสัมผัส
จิตประหวัดรัดรึงซึ้งอีสาน
ปล่อยกมลค้นคำแห่งตำนาน
ใต้ร่มจานสวยสดด้วยบทกลอน
กลีบดอกจานจารึกผนึกรัก
ช่อสลักความพ่ายมิถ่ายถอน
คนแย่งรักสูญสั่งดั่งภมร
เสียเกสรสูญสิ้นถวิลชม
ดอกจานแย้มยิ้มรับคนอับโชค
ลมแล้งโกรกพัดครืนความขื่นขม
ภมรลิ้มรสหวานจานระทม
อดีตจมฝังซากกับรากจาน
ครารักหวานหวานซึ้งตราตรึงจิต
ก็ลิขิตมธุรสแห่งบทหวาน
มิร้างเริดเฉิดฉันนิรันดร์กาล
มนต์ดอกจานจารรักอักษรา
แม้ดอกจานบานโรยแล้วร่วงหล่น
แต่กมลไม่สิ้นถวิลหา
คงครวญคร่ำพร่ำเพ้อเหม่อมองนา
เฝ้าตั้งตาคอยเค้าคนเข้าใจ
๒๕ มกราคม ๒๕๓๑
เพียงเพราะเธอมองมารู้ว่าใช่
ที่ฝันใฝ่ไร้เงาพบเข้านี่
เกิดรักเร็วราวความคิดจิตไมตรี
แม้ชื่อมีก็ไม่รู้ดูกระไร
ตาสบตารู้ไหมหัวใจสั่น
ศตวรรษเปลี่ยนผันชีวันไหว
ถึงบัดนี้ไร้รอยเกี่ยวก้อยใจ
ชาติก่อนไซร้คงเคยรักภักดีกัน
ผะผ่าวร้อนเราผ่านสะท้านเทิ้ม
เราใช่เริ่มด้วยวจีแต่งสีสัน
แต่ต่างรู้ล้วนจริงทุกสิ่งอัน
บุพเพฯนั้นดอกบรรจบให้พบพาน
Reunion
I saw you look at me and knew
This was the moment I had sought,
And sought in vain__ yes, it was true
That love could happen swift as thought,
I didn’t know your name.
I saw your eyes look into mine,
My heart was beating, did you know?
We passed through centuries of time,
But there was nothing now to show
We’d loved in other lives.
Something flashed from me to you.
You were trembling, so was I.
We didn’t speak and yet we knew
That everything we felt was true
Because we’d met again.
(Barbara Cartland,1939; 1901-2000)
รักล้นทรวงห่วงหาสุดว้าวุ่นรักเป็นทุนอุ่นในหัวใจหวาน (Sweetheart)รักเหลือล้นท้นหุบอุปทานรัฐบาลควรทำ จำนำรักสุดห้ามหักรักหกเต็มอกไหล่เร่ถามไถ่รักจำนำคนช้ำหนักไม่ถอนทุนอุ่นอิงเพียงพิงพักไม่ยากนักหลักประทวนไม่กวนใจไม่ต้องไปซ่องสุมรุมประท้วงรักไม่ลวงหลอกกันให้หวั่นไหวขอเพียงรักสักคำคือกำไรขึ้นปีใหม่หมายหมั้นวันวิวาห์โปรดติดต่อขอทำ จำนำรักคนอกหักรักงออย่ารอช้ารัฐต้องเร่งส่งเสริมเติมราคาไม่กดค่าราคารักให้หนักทรวงจะหาใครรักจำนำคนช้ำชอกเวียนเข้า-ออกหัวใจที่ใครหวงธนาคารความรักดูชักกลวงมัวเหนี่ยวหน่วงไม่ปล่อยกู้พอรู้ทันแม้นขาดคนรับทำ จำนำรักขอสมัครทั่วโลกมิโศกศัลย์เถอะจำนำคำว่า "รัก" ได้สักวันจะแบ่งปันคืนความสุขแด่ทุกคน
เฝ้ารัญจวนครวญใคร่ฝันใฝ่รัก
เฝ้าฟูมฟักเพียงเธอพร่ำเพ้อหา คุณว่าเราเปล่าเปลี่ยวเหี่ยวอุรา ฉันกลับว่าคู่ขวัญทุกวันวาร มิตรภาพผูกพันเราชั้นยอด ฤๅดับมอดร้อนเร่าแรงเผาผลาญ มิมีใครแทรกแซงแย่งดวงมาน ไม่สะท้านไหวหวั่นใจมั่นคงแม้วจีว่าจริงเอ่ยอิงอ้าง อาจคั่งค้างในจิตพิศวง การกระทำยิ่งใหญ่ดั่งใจจง พึงพะวงจักรู้คู่หวานใจ อย่ารันทดหมดหวังแม้พลั้งพลาด ก็เพียงอาจควรแก่การแก้ไข เราจะร่วมทุกข์สุขบุกบั่นไป ชีวิตใหม่ย่อมอยู่เคียงคู่กัน
ความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายมลายสิ้น ถึงอยู่ถิ่นฐานไกลเฝ้าใฝ่ฝัน พันธะใดในหล้าหาเทียมทัน ชิดสัมพันธ์หัทยาภาษาใจ
Heart to Heart You say we’re really all alone
Yet how can that be true
When all my tender, loving thoughts
Spend every day with you?
Our special flame of friendship
Burned brightly from the start,
And no one else could stake a claim
So firmly in my heart.
And though my words may sometimes say
My trust is incomplete,
Take heed of action’s louder voice.
And note it well my sweet.
So don’t despair if either one
May lose perfection’s way,
We’ll take our share of ups and downs
And we’ll survive the same.
And we will never be alone
Though miles may set apart,
What other bond could ever be
As close as heart to heart?
(Patricia Samuels)
เหม่อมองเดือนเคลื่อนคล้อยจนลอยลับ
สายตาจับดวงดาวพราวไสว
พระพายพัดผ่านมาพฤกษาไกว
หอมกลิ่นไอบุปผาแห่งราตรี
แอบส่งใจกับลมที่พรมผ่าน
ฝากเป็นสาส์นสื่อกลอนอักษรศรี
ถึงคนเคยรู้จักทักวจี
ป่านฉะนี้เป็นสุข ทุกข์อย่างไร
คงนิทรากับหมอนแต่ตอนค่ำ
พระพายพร่ำไม่รับเจ้าหลับใหล
สงสารดวงหัทยาเฝ้าอาลัย
ร้อยกรองไปไร้ค่าช่างอาภัพ
จนน้ำค้างพร่างพรมไร้ลมพัด
ดึกสงัดวังเวงแว่วเพลงขับ
หากเจ้าตื่นลืมตาขึ้นมารับ
จะกำชับสายหมอกให้บอกแทน
เสียงเจื้อยแจ้วไก่ขันเริ่มวันใหม่
ทอดถอนใจกับโลกอันโศกแสน
ราวเราสองเหินห่างคนต่างแดน
แท้ก็แขนเอื้อมถึงคะนึงนวล
แสงอุษาสาดส่องทาบท้องฟ้า
ซบใบหน้าร่วงโรยจิตโหยหวน
ไร้วี่แววขานรับขับเพลงครวญ
แสนรัญจวนป่วนเปลี่ยวฝันเดียวดาย
สิงหาคม ๒๕๓๐