อย่ากำสรดหดหู่ “คูลู” เอ๋ย
เกินเอื้อนเอ่ยเมื่อเด่นดีเป็น “ผีเสื้อ”
ค่อยคืบคลานกาลหมุนจักจุนเจือ
อย่าโศกเศร้าเหงาเบื่อยังเหลือใย
อย่าร้องไห้ “คูลู” อย่ารู้บ่น
อย่ากังวลพะวงเฝ้าสงสัย
แต่ “คูลู” มิรู้ตามจึงถามไป
“ฉันจะยังเป็นฉันไหม...เมื่อใส่ปีก”
คูลู (ภาษาอีสาน) : ตัวอ่อนระยะตัวหนอน (บ้ง) ของผีเสื้อ
Don’t Cry, Caterpillar
Don’t cry, Caterpillar
Caterpillar, don’t cry
You’ll be a butterfly – by and by,
Caterpillar, please
Don’t worry’ bout a thing
‘But,’ said Caterpillar,
‘Will I still know myself – in wings?’
(Grace Nichols)
วันแรกรักภักดี ณ ที่เริ่ม
ต่างแต่งเติมเสริมจิตพิศมัย
วงล้อรักผลักหมุนเอื้ออุ่นไอ
วังวนใจใฝ่ฝันทุกวันวาร
เราเริ่มรักทักทายมั่นหมายรัก
มุ่งสมัครรักกันทุกวันหวาน
โลกงดงามยามพิศเพ่งรักเบ่งบาน
ราวพระกาลมิเคยพรากรักจากกัน
วันแรกรักภักดี ณ ที่เริ่ม
ไม่เหมือนเดิมเมื่อโลกพบโศกศัลย์
ราวราตรีแสนเศร้าไร้เงาจันทร์
ราวคืนวันนิ่งสนิทจิตอาวรณ์
จึงชอกช้ำกรำโศกราวโชกเลือด
คราบแห้งเหือดเกรอะกายเกินถ่ายถอน
ชำระล้างสร่างเศร้าคลายร้าวรอน
ถูกตัดตอนให้วิวาห์เยียวยารัก
วันยิ่งใหญ่แห่งชีวิตจิตว้าวุ่น
ยิ่งพบคุณอุ่นไอหวั่นไหวหนัก
จึ่งเจ้าบ่าวร้าวรวดเจ็บปวดนัก
จิตคึกคักกระอักอ่วนหวนหาใคร
วันแรกรักภักดี ณ ที่เริ่ม
ต่างแต่งเติมเสริมจิตพิศมัย
วงล้อรักผลักหมุนเอื้ออุ่นไอ
วังวนใจใฝ่ฝันทุกวันวาร
(๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗)
อย่าพึงเพียรพร่ำเอ่ยเผยรักก่อนความรักห่อนบอกแจ้งแถลงไขดั่งลมแผ่วพลิ้วผ่านพรมม่านใจลุ่มลึกในสงัดเกินผัสสะตาฉันพร่ำเอ่ยเผยปากบอกฝากรักเธอประจักษ์สิ้นหทัยที่ใฝ่หาสั่นสะท้านเหน็บหนาวร้าวอุราเธอเมินหน้าแล้วพรากตีจากไปเพียงเวลาไม่นานเธอพานพบกับมานพชวนชิดพิสมัยลุ่มลึกสงัดเกินผัสสะใดเขาครองใจสุขสมเพียงลมปราณNever seek to tell thy loveNever seek to tell thy love,Love that never told can be;For the gentle wind does moveSilently, invisibly.I told my love, I told my love.I told her all my heart,Trembling, cold, in ghastly fears-Ah, she doth depart.Soon as she was gone from meA traveller came bySilently, invisibly-He took her with a sigh. O, was no deny.(William Blake, 1757-1827)
รักลำเอียงเสียงน้อยดูด้อยค่ารักเมตตาไม่เท่ากันสวรรค์เบี่ยงรักแห่งคนทนโศกแกนโลกเอียงขอแต่เพียงเที่ยงธรรมมิกล้ำกลืนกระท่อมน้อยงอยนาสู้ฟ้าแดดร้อนเผาแผดฝนซัดยากขัดขืนนานแสนนานกาลเก่าเคยเสายืนสุดสะอื้นขื่นเคียงเสาเอียงเซหอปิซ่าสง่างามท่ามฟ้าแดดใดหนอแผดไสเสี่ยงจนเอียงเขได้ข้อคิดผิดหวังให้ลังเลสุดสนเท่ห์ทั้งน้อย-ใหญ่ต่างไม่ตรงหากเสาหลักยุติธรรมเซซ้ำซัดใดหนอจัดเที่ยงธรรมนำประสงค์ขาดที่พึ่งพึงหวังดั่งใจจงดุจเถื่อนดงพงหนาไร้อารยะทั้งกระท่อม หอปิซ่ามีซาทรุดจิตมนุษย์ฉุดศักดิ์เพราะกักขฬะแต่อ้างตนคนดีมีธรรมะมุ่งชนะกำชัยอย่างไร้รักคุณธรรมค้ำจุนหนุนหอเด่นให้เยือกเย็นไม่เอนเอียงจนเดี้ยงดักเฉกเช่นกันกับกระท่อมห่อหอมฮักต้องเที่ยงธรรมนำหลัก...จักจำเริญ
เธองดงามท่ามชนคนทุกเหล่ายาตรเยื้องเล่าดั่งลีลาศบาทวิถีเดินหน้าเชิดเพริศพริ้งหยิ่งในทีผมคราวนี้ยืดยาวหลายเท่าตัวพอเห็นฉันเธอหดคางกดอกเดินท่าตกเอาง่ายรีบหายหัวเร่งฝีเท้าจ้ำไปใจขุ่นมัวทิ้งกลิ่นกลั้วหอมกลุ่นเพียงอุ่นไอA Former LoveShe grew from the crowd,Stepping, streaming along the pavement,head tossed high,hair longer than before.She saw me,swooped head to breast,rushed past.A scent hung in the air.(Giles Gordon, 1940)