ถามข่าวคราวจากแดนไกลสู่แดนไกล
1.
ที่รัก…ต้นตะแบกหน้าบ้านอยู่หรือยัง
แคร่ที่เรานั่งกินข้าวยังอยู่ไหม
กระถินริมรั้วแตกยอดหรือสิ้นไร้
คูนต้นใหญ่ตายไปหรือยังคง
น้ำในหนองเนืองนองหรือแห้งขอด
ผักแขยงแทงยอดหรือปลิดปลง
ข้าวน้องหว่านอุดมไหมพี่พะวง
หัวใจน้องเล่าซื่อตรง-หรือไม่เลย
พี่ต้องจากบ้านนาลาบ้านทุ่ง
หมายมุ่งสู่แดนดินมิคุ้นเคย
แผกวิถี ผิดทาง – ไร้ขวัญเชย
ยากจะเอ่ยถ้อยคำจำนรรจ์จา
2.
น้องอยู่ภูยืนดูพระอาทิตย์ตก
พี่ตระหนกท่ามกลางการเข่นฆ่า
น้องแย้มรับแดดเช้าสบายตา
พี่ก้มหัวหลบห่ากระสุนปืน
น้องทำไร่แปรสวนกลางธรรมชาติ
พี่รบเพื่อประชาราษฎมิอาจฝืน
น้องทุกข์ทนกับความแห้งแล้งเต็มกลืน
พี่ทนทุกข์หลับ – ตื่นกลางควันไฟ
น้องว่างงานนางจักสานตะกร้าเข่ง
พี่ว่างเวรเพ่งรูปน้องน้ำตาไหล
อ่านจดหมายทุกคราทุกครั้งไป
หัวใจพี่ก็หมองไหม้เหลือจะทน
3.
คิดถึง แกงส้มต้มไก่บ้าน
แกงผักหวานไข่มดแดงปลาร้าป่น
คั่วกุดจี่ จี่ข้าว , ในบางหน-
-ยามเราจนแค่แจ่วบองก็เกินพอ
คิดถึง เสียงแคนพ่อใหญ่เฒ่า
คลอเคล้าเสียงพิณอ้ายทิดสอ
คิดถึง เสียงขับลำนวลละออ
เมื่อไรหนอจะได้คืนสู่ลำเนา
คิดถึง พี่คิดถึงเจ้ายอดขวัญ
ทุกคืนวันเฝ้าคะนึงถึงวันเก่า
คิดถึงใบหน้าหวานดวงตาเศร้า
วันที่เราต้องพรากจากกันมา
4.
รอหน่อยนะคนดีรอพี่หน่อย
พี่เฝ้าแต่รอคอย คืนปรารถนา
พี่เฝ้าแต่คอยรอเจอแก้วตา
อย่าอ่อนล้าในรักนะ เจ้าขวัญทรวง
หากชีพนี้มิล่วงลับจะกลับไป!
“แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า”
ความรักได้หันหลังให้กับพวกเขาไปแล้ว
เธอจากไปแล้ว
เธอจากไปไกลแล้ว
เหล่าเด็กน้อยผู้มีปีกบอบบางราวผีเสื้อ
แต่มีดวงใจแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินผา
ยามเมื่อโลกร้องเพลง
เธอจะนิ่งฟัง
ยามเมื่อโลกร่ำไห้
เธอจะร้องเพลงกล่อม
เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานนับตั้งแต่โลกสร้างเธอ
และก็เป็นเช่นนั้นเรื่องมานับตั้งแต่โลกรู้จักคำว่าสงคราม
เช่นนั้น
เช่นที่เธอจากไป
เหล่าเด็กน้อยผู้มีปีกบอบบาง
แม้ศาสตราวุธตั้งแต่ยุคบรรพกาลจนถึงปัจจุบันจะทำร้ายพวกเธอไปกี่แสนกี่ล้านคน
เหล่าเด็กน้อยผู้มีปีกบอบบางเช่นเธอก็ยังถือกำเนิดขึ้นมาเสมอ
จากไปเพื่อเพิ่มช่องว่างให้กับผู้มาใหม่
เกิดใหม่เพื่อเติมเต็มผู้ที่จากไป
และทุกครั้งที่เธอจากไปทำให้โลกรู้ว่า
ความรักได้หันหลังให้กับพวกเขาไปแล้ว.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
เพาะรัก
เพราะรัก...
จึงตระหนักคุณค่าของคืนหนาว
จึงระลึกถึงราตรีดาวพร่างพราว
จึงรู้รสขื่นคาวความเศร้าตรม
ด้วยรัก...
จึงประจักษ์ความงามในความขม
จึงสัมผัสลมหายใจของสายลม
จึงสุขสมแย้มยิ้มอยู่เดียวดาย
พลังรัก...
จึงปกปักดูแลแม้เจียรตาย
จึงเป็นดั่งแสงไฟดวงสุดท้าย
จึงมอบใจมอบกายให้แก่กัน
ความรัก...
จึงเป็นแหล่งพิงพักคนหลับฝัน
จึงเป็นมือฉุดดึงเชื่อมสัมพันธ์
จึงเป็นเธอเป็นฉันและเป็นเราฯ
“แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า”
ความรัก 1.สบตา คล้ายแสงทองส่องทาบนผืนโลก คล้ายลมไหวพลิ้วโบกโยกดอกหญ้า คล้ายเดือนช่วงเด่นฟ้ากระจ่างตา คล้ายดาราเด่นตากระจ่างใจ คล้ายอิ่มอุ่นละมุนฝันอัศจรรย์ยิ่ง คล้ายทุกสิ่งลอยนิ่งหยุดเคลื่อนไหว คล้ายใจน้อยดวงนี้หลุดลอยไกล คล้ายสายใยสานสายใจเข้าหากัน คล้ายหวาดกลัวแต่ใจกลับแข็งแกร่ง คล้ายอ่อนแรงแต่ใจแกร่งมิหวาดหวั่น คล้ายจะทุกข์กลับอิ่มสุขทุกคืนวัน คล้ายภาพฝันแต่ก็คล้ายความเป็นจริง คล้ายสวรรค์ดลใจให้ใกล้ชิด คล้ายจิตสื่อถึงจิตเป็นขวัญมิ่ง คล้ายใจเชื่อมถึงใจ - แหล่งพักพิง เกิดเพียงเสี้ยวยามหยุดนิ่งตาสบตา. 2. เรียนรู้ เมื่อดวงตาสบตาประจักษ์จิต ดั่งแสงทองแห่งชีวิตผลิคุณค่า เมื่อดวงใจสบใจปรารถนา ดั่งผลิห้วงเวลาค่าอนันต์ เมื่อดวงใจสองใจมั่นคงนิ่ง ดั่งทุกสิ่งคือภาพจริงใช่ภาพฝัน เมื่อความรักเกี่ยวก้อยผูกสัมพันธ์ ดั่งค่ำคืนสุขนิรันดร์นั้นยาวนาน เมื่อความรักค่อยผลิบานลงหว่างใจ ดั่งดอกใบออกผลที่โปรยหว่าน เมื่อสองคนเรียนรู้รักอย่างอาจหาญ ดั่งตะวันที่เดือดดาลพลันดับลง เราต่างจากที่มาเพื่อร่วมสู้ เราต่างรู้น้อมประจักษ์ใช่ลุ่มหลง เราต่างผูกสัมพันธ์ใจใฝ่ประจง เราต่างคงเคียงคู่รู้ค่ารัก. 3. นัยรัก รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า มีอ่อนหวานบางเบาและหน่วงหนัก มีร้อนหนาวอุ่นเย็นมาทายทัก มีทุกข์สุขเป็นหลัก มีร่มเย็น รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า มีโง่เขลาซ่อนเล่ห์อย่างที่เห็น มีอิ่มอดปวดร้าวเศร้าลำเค็ญ มีหอมเหม็นหวานขมปนกันไป รักก็เป็นเช่นนั้นและเช่นนี้ เป็นแสงส่องต้องนที - เป็นเทียนไข เป็นลมร้อนลมเย็นมาแกว่งไกว เป็นหยาดน้ำชอนไชในสายธาร รักก็เป็นเช่นนั้นและเช่นนี้ เป็นคีตกวีวจีหวาน เป็นกล่องเก็บความงามแห่งคืนวาร เป็นดอกไม้แรกบานคู่ภุมรินทร์ เป็นความงามหนึ่งเดียวของชายหญิง เป็นความดีความจริงไม่เคยสิ้น เป็นค่าควรคู่ครองทุกแดนดิน เป็นจิตวิญญาณแห่งชีวิน...รักเป็นรักฯแสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า