16 พฤษภาคม 2556 14:42 น.
นานมาแล้ว สำหรับหนังสือที่มีการตีแผ่เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่ใจหมา ซึ่งเนื้อหาผมไม่ได้อ่านแต่อย่างไรและไม่ได้เจอะจงหนังสือเล่มไหน แต่ก็พอจะนึกภาพออกว่าในหนังสือเขาจะเขียนบรรยายสัพคุณกันไว้มากน้อยแค่ไหน นั่นก็คือการถ่ายทอดทางตัวหนังสือ
วันนี้จึงเป็นวันดีที่ผมจะเล่าเรื่องราวของผมเป็นเรื่องแรกสำหรับ บล็อกนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดจากชีวิตและจิตใจของผมเอง พร้อมแล้วหรือยังครับสำหรับบทความแรก และพร้อมหรือยังสำหรับ การตัดสินว่า เขาใจหมาหรือว่าผมใจมด ต้องขอโทษผู้อ่านหากภาษาเขียนของผมทำให้ท่านสับสนหรือเข้าใจความหมายผิดๆ เพราะไม่บ่อยนักที่ผมจะเขียนเรื่องอะไรซักเรื่องแบบเป็นชิ้นเป็นอัน
มองรูปหนังสือด้าบนผมว่าชื่อหนังสือที่เขาตั้งไว้ดูจะสะเทือนอารมณ์ผมไปซักนิดนึง ผมเลยขอตั้งเรื่องที่ผมจะเล่าว่า
น.ส.แสนดีที่ใจหมา ก็แล้วกัน ชื่อเรื่องดูจะสับสนไปซักนิดและก็ดูโหดร้ายสำหรับเธอไปซักหน่อยแต่ถ้าย้อมกับไปอ่านความหมายของคำว่าใจหมาที่เป็นความหมายของผมมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมากนักเป็นเป็นเพียงสำนวนๆหนึ่ง แท้จริงแล้วเธอคือนางฟ้าที่แสนดีคนนึงที่ผมต้องจดจำได้ตลอดเวลา ในตอนแรกที่เรารู้จักและคบหากัน ทั้งการศึกษา ฐานะ มหาลัยที่เธอเรียน มันช่างแตกต่างกันกับผมโดยสิ้นเชิง ที่ไม่ต่างกันมากน่าจะมาจาก ยศ ตำแหน่งของพ่อของเราทั้ง2คน ที่เป็นทหารเหมือนๆกัน เรามีโอกาสรู้จักกันในช่วงอายุที่กำลัง ฮ้าวเป้ง เฟี้ยวสุดๆ ก็ว่าได้ลองนับย้อนหลังไปซัก 15ปี เป็นยุคของ RCA เลยทีเดียวเพราะเรื่องราวส่วนใหญ่จะเกิดจากที่นี่ และเป็นช่วงที่มีการหลอกลวงนักศึกษามากที่สุด ช่วงนั้นก็เป็นยุคของธุรกิจ MLM(ปลอม) ขอย้ำน่ะครับว่าปลอม เพราะธุรกิจนี้หลายแห่งมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ที่ว่าปลอมก็พวก เปลี่ยนออฟฟิตกันบ่อยๆ สินค้าไม่ได้คุณภาพ ไม่มี อย. ใช้วิธีการหาสมาชิกแบบแชร์ลูกโซ่ บังเอิญผมเป็นหนึ่งในนักศึกษาแนวคิดยุคนั้นคือการหารายได้ระหว่างเรียน ซึ่งธุระแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านรัชดาภิเษก การสมัครสมาชิกและเริ่มธุรกิจ ต้องซื้อโค๊ดรหัสสมาชิกจำนวนเงินต่อโค๊ดอยู่ที่ 2,900 บาท หลังจากที่ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของผมผมมองว่ามันน่าสนใจดีไม่น้อยสำหรับธุรกิจนี้ จึงจึงรวบรวมเงินจนได้ครบ 1 โค๊ดจึงเริ่มต้นการสมัครการสมัครเราจะได้รับสินค้ามา 1 ชิ้น จากการบรรยายก่อนตัดสินใจให้เปิดโค๊ดสินค้านี้สุดยอดครับ เพราะจากรายงานระบุว่าเขาสกัดจากสารอะไรบางอย่างในทะเลน้ำลึกนี่แหละผมจำไม่ค่อยได้มันนานมาแล้ว สรรพคุณฟอกหน้าขาวเด้งใส แถมยังสามารถกระชับในส่วนที่ผู้หญิงเขาต้องการให้กระชับอีกด้วย โอ้แม่เจ้ามันสุดยอดมาก
การทำงานที่นี่ไม่จำกัดเวลาเข้างานและออกงาน มีออฟฟิตหรูหราพร้อมทั้งแสดงสินค้าสารสะกัดน้ำลึกนี่และ ดูดีอลังการงานสร้าง สถานที่แห่งนี้แหละครับ คือห้องเชือดชั้นยอด ในการหาสมาชิกและคุยแผนธุรกิจเราจะใช้ที่นี่เป็นการเจรจาหาลูกค้าสมาชิกที่จะมาต่อแขนต่อขา ของเราเพื่อให้เราได้รับค่าคอมมิสชั่นตามแผนธุรกิจที่เขาวางไว้ บรรยากาศต้องบอกว่า เหมือนยกมหาวิทยาลัยชั้นนำ มารวมกันไว้ที่นี่ที่เดียว ทั้งหนุ่มสาวมหาลัย เด็กม.ปลาย หล่อสวย น่าตาดี คับคั่งเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกินกันทั้งนั้น เปิดโค๊ดที 3 - 4 โค๊ด ลงทุนที 1-2 หมื่นบาท บางคนพ่อเป็นวิศวกรรม วางแผนธุรกิจโดยการวางรูปแบบการต่อแขนต่อขาให้ลูกชาย ลงทุนไป29โค๊ด เงินลงทุนเกือบ 1 แสนบาท ทุกคนได้รับความสุขกับชีวิตนอกรั้วมหาลัยจากที่นี่กันทั้งนั้นหลังจากได้เข้าร่วมธุรกิจ การสร้างภาพ การวางตัวให้ดูหรูหรา ฉลาด สวย รวย หล่อ ถูกแสดงโดยการใส่หน้ากากกันทั้งนั้นหาดูได้ที่นี่ หรืออีกอย่างก็เหมือนโรงละครดีๆนี่เองครับ
และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในครั้งนี้ ยุคนั้นโทรศัพย์มือถือยังไม่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางเหมือนในสมัยนี้ ด้วยราคมที่แพงหูฉี่ 2-3 หมืิ่นบาทสำหรับใครที่มีไว้ในครอบครอง รับรองได้ว่า ฮอตสุดๆยิ่งถ้าเหน็บไว้ข้างเอวเดินไปทางไหนมีแต่สายตาจับจ้อง ที่ฮิตไม่แพ้กันอีกอย่างคือ เพจเจอร์ของผมก็มีไว้ใช้กับเขาเครื่องหนึ่งผมเรียกมันว่าไอ้เขียว ตัวเล็กนิดเดียวสีเขียวสดใสถือว่าเท่ห์ไม่หยอกใครเหมือนกัน การทำงานที่นี่ต้องใช้เครื่องมือสื่อสารชนิดใดชนิดหนึ่ง ถ้าหากไม่มีจะยากต่อการทำงานและการสื่อสารเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะมีเบอร์โทรศัพย์ หรือเบอร์เพจของกันและกัน การสังสรรค์ก็คือสิ่งสำคัญของวงจรนี้ช่วงเย็นๆหลังจากปิดออฟฟิต หรือใครไม่มีเรียนในภาคบ่ายก็มักจะนัดทานข้าว ดื่มแอลกอฮอลล์ ตามสถานเริงรมย่าน RCA เฉลี่ยต่อคนในการสังสรรค์อยู่ที่คนละ 200 บาทต่อค่ำคืน นึกภาพแล้วอยากจะย้อนกับไปแก้ตัว ที่ว่าแก้ตัวไม่ใช่เรื่องอะไรครับ เป็นเพียงแค่การแข่งขันกันดื่มแก้วต่อแก้ผมได้รับเกียติให้ลงแข่งขันในฐานะตัวเต็งตัวหนึ่ง(เรื่องจริงน่ะครับ) การประกบคู่ครั้งนั้นพบต้องพบกับรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าผม2ปี ตอนนั้นผมอายุ 19เขาอายุ21 ดวลกันอยู่หลายชั่วโมงแก้วต่อแก้ว และต้องให้สุดซอยทุกแก้ว ห้ามเหลือแม้แต่หยดเดียว พักเดียวรู้เรื่องขาทั้งสองข้างของผมมันเริ่มเกเรอ่อนปวกเปียกอยากจะล้มพับไปซะอย่างงั้นทั้งที่ใจยังสู้สุดท้านผมต้องแพ้การแข่งขัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้โดยสิ้นเชิง รุ่นพี่คนนั้นเขาก็ล้มพับไปเหมือนกันแต่ล้นทีหลังผมนิดเดียวเท่านั้นเองแต่ที่น่าอายสำหรับผู้ชนะ หลังจากที่ผู้ชนะล้มลงเพื่อนๆในกลุ่มพากันพยุงเขาขึ้นมาจากใต้โต๊ะเสียงเขาบ่นพรึมพำ ''กูไม่ได้เมา ๆๆๆๆ" พร้อมทั้งร้องไห้โฮ่ ชนิดว่าทุกคนต้องหันไปเช็คอาการกันยกใหญ่ ยิ่งปลอบแกแกยิ่งร้อง นั่นคือสิ่งที่น่าอายสำหรับแก แกยอมรับกับทุกๆคนในวันรุ่งขึ้น
อ้าวแล้ว น.สแสนดี อยู่ตรงไหนในเรื่องล่ะ!
ก็นั่นล่ะครับผมยังไม่เคยพาเธอมาใส่สมองผมเลยด้วยซ้ำ เพราะผมเล็งสาวไว้แล้วคนนึง เธอชื่อว่าอิ๊บ จำไม่ผิดน่าจะเรียนมหาลัยดังย่าน ห้วยขวาง เธอไม่สวยไม่เด่น แต่ดูมีน้ำใจและที่สำคัญเธอเริ่มยอมรับว่าเธอก็สนใจผมแล้วเหมือนกัน หลังจากที่ผมขุดหลุมพลางรอใครมาตกซักคนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละ
8.00น.ของเช้าวันจันทร์ เพจเจอร์ของผมสางเสียงดังปนสั่น ผมค่อยๆลุกจากที่นอนเพื่อเปิดอ่านข้อความในเครื่อง "วันนี้ตั้งใจเรียนน่ะ เลิกเรียนรีบกลับบ้านอย่าดื่มเหล้ามากเป็นห่วง" หลังจากอ่านข้อความนี้ผมถึงกับออกอาการ งง กับข้อความที่ได้รับ แต่ก็อดตื่นเต้นกับข้อความว่าใครคือผู้ส่ง แต่ก็คงจะเป็นอิ๊บ แต่ที่ผ่านมาอิ๊บก็ไม่เคยคิดที่จะส่งข้อความเป็นห่วงเป็นใยผมขนาดนี้ และเธอก็ไม่เคยรู้ว่าแต่ละคืนผมจะเมามายขนาดไหน ผมจึงเดินไปที่ตู้โทรศัพย์สาธารณะใกล้บ้านและส่งข้อความหวานๆกลับหาเธอ หลังจากนั้นข้อความที่ผมได้รับจะแสดงทุกวันๆละ2 เวลา ช่วงเช้ากับช่วงก่อนนอน มันเป็นช่วงเวลาที่ชุ่มชื่นหัวใจเป็นที่สุด แต่ก็ยังไม่เคยได้คุยเรื่องนี้กับ อิ๊บซักที เพราะอิ๊บมักจะไม่ค่อยเข้ามาที่ออฟฟิตบ่อยนักและเราก็ไม่เคยคุยกันทางโทรศัพย์เป็นเรื่องเป็นราวเพียงแต่เรารู้กันในใจว่าเราคบกันอยู่เท่านั้น ระยะหลังๆผมเริ่มย่ำราตรีกับเพื่อนๆพี่น้องในกลุ่มบ่อยขึ้นจนหาเงินจ่ายค่า มิกซ์ แทบไม่หวาดไหวชีวิตวัยรุ่นที่หัวสมองเน้นไปทางเข้าสังคมมากกว่าการอ่านตำราเรียน เป็นอยู่อย่างนี้3-4 เดือน ความสัมพันธ์ของผมกับ อิ๊บ ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยเพราะเราไม่เคยได้ออกไปไหนพร้อมกันเลยแม้แต่ครั้งเีดียว แม้แต่การออกย่ำราตรีกับเพื่อนฝูงก็ตาม
เคยไหมครับเคยมีความรู้สึกเหมือนโดนสายตาใครจับจ้องเราในขณะที่เราเผลอ พักนี้ผมรู้สึกแบบนั้นบ่อยเหลือเกินในช่วงหลังๆ แต่ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพจเจอร์ตัวน้อยก็ดังของมันทุกวันและดังต่อเนื่องมาหลายเดือน จนเป็นเรื่องปรกติในชีวิตประจำวันไปซะแล้ว
เช้าวันเสาร์ 13.00 น พศ 2543
ผมเข้าออฟฟิตตามปรกติหลังจากไม่มีเรียน ทุกคนมองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ และอมยิ้ม ด้วยความสงสัยผมจึงถามทุกคนที่แสดงอาการกับผมตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากใครมากนัก แต่พอจับใจความได้ว่ากำลังมีคนแอบสนเราอยู่ อ๋อไม่แปลกครับทุกคนคงรู้เรื่องผมกับ อิ๊บเข้าให้แล้ว ผมจึงขอเปิดตัวและบอกกับทุกๆเลยไปเลยว่า ผมกับอิ๊บ กำลังคบกันอยู่แต่ที่ทำให้ผมต้องตกใจเพิ่มขึ้นอีกก็คือว่าเรื่องนั้นทุกคนเขาก็รู้เรื่องรู้ราวกันไปทั้งออฟฟิตแล้ว แล้วยังไงกันล่ะผมเริ่มอึดอัดและสับสนจนอยากจะรู้ความจริงซะวินาทีนี้ ผมจึึงตัดสินใจเข้าไปขอคำปรึกษากับพี่ใหญ่ของกลุ่มเราแกชื่อพี่ นาคร พี่นาคร อมยิ้มและบอกกับผมว่า ไปทำยังไงให้เขาสนใจล่ะ ผมก็ยิ่ง งง และก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก ผมขอร้องให้พี่เขาพูดเรื่องจริงกับผมซะที พี่แกเห็นผมอึดอัดจึงยอมบอกความจริงและเป็นความลับที่เขากุมไว้อยู่นานแล้ว ""ฟังน่ะแสนดีเขาแอบชอบแกอยู๋""
เฮ้ย! นั่นมันเด็กพี่ นาคร ไม่ใช่หรอ ผมแหกปากอย่างดัง ""ถ้าไม่ซิงผมไม่เอาน่ะโว้ย"" พี่ไม่ต้องมายกให้ผมพี่ นาคร เด็กพี่แท้ๆพี่เอาอะไรมาพูด ยังไม่จบแกยังเล่าเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับ แสนดีตลอด 4 เดือนที่พวกเรารู้จักกันมาให้ฟังอีกหลายเรื่อง เรื่องแรกทำให้ผมช็อกสุดขีด ข้อความผ่านเพจเจอร์ เป็น แสนดี ที่ส่งให้ผมมาตลอดไม่ใช่ อิ๊บ และเมื่ออาทิตย์ก่อน แสนดี ถูกรุ่นพีผู้หญิงในกลุ่มแต่เรียนมหาลัยเดียวกันกับอิ๊บ ต่อว่าอย่างรุนแรง เรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าผมกับอิ๊บกำลงคบกันอยู่ แสนดียังมายุ่งกับผมอีกทำไม
พี่นาครแกบอกผมว่า แสนดีตอบกลับรุ่นพี่ของอิ๊บไปว่าไม่เคยได้มายุ่งอะำไรกับผมเลยแม้แต่พูดคุย หรือทำความรู้จัก และเธอเฝ้ามองความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอิ๊บมานานแล้วและไม่ได้มีการแสดงออกกันอย่างเปิดเผย แสนดีจึงบองว่าไม่ได้แย่งแต่ถ้าจีบแข่งกันก็มาแข่งกันซิ ยังไม่จบ พี่นาครยังไม่ได้เล่าเรื่องสำคัญไปอีกอย่าง พี่เขาบอกผมว่า ไม่เคยสังเกตุหรอเวลาที่ผมเมาเซหัวทิ่มหัวตำอวกแตก เกือบทุกคืนมีใครที่เขาคอยรู้ใกล้ๆ ดูแลผมอยู่ห่างๆ ยังเคยนั่งแท็กซี่ไปส่งผมที่หอเลย แล้วที่ฮิตมากในสมัยนั้นการแสดงความใยในขณะที่ส่งเพื่อนนั่งแท็กซี่คือการจด กท.ของแท็กซี่คันที่เพื่อนนั่งหากเกิดเหตุการณ์อะไรจะได้ตามตัวมาลงโทษถูก พี่นาครบอกว่า แสนดี จด กท.แท็กซี่คันที่ผมนั่งกลับบ้านทุกครั้ง หน้ามืดครับหลังจากที่ฟังเรื่องราวมาทั้งหมด หลังจากนั้นอิ๊บหายออกไปจากชีวิตผม และจากออฟฟิตเธอทิ้งโค๊ดที่เธอลงทุนและหายออกไปจากสังคมเรา พยายามติดต่อเธอแต่ติดต่อไม่ได้อีกเลย ส่วนผมกับแสนดีเริ่มมีการคบหากัน ผมแอบอ่านไดอารี่ของเธอ ซึ่งเป็นจริงเกือบทุกคำตามที่พี่นาครพูด บทความที่เธอส่งเพจมาให้ผมเธอจดทุกคำพูด หลังจากนั้นเราคบหากันจนความสัมพันธ์ของเราไปไกลจนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเริ่มรับรู้ ผมคงจะปฎิเศษเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอทุ่มเททำเพื่อผมมาโดยตลอดทั้งที่เธอไม่ใช่เสปกอย่างที่ผมต้องการก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นาน ออฟฟิตก็ปิดตัวลงตามแบบฉบับ ของปลอม ทิ้งไว้เพียงโค๊ดเปล่าๆ กับสารสะกัดจากน้ำลึกไว้ดูต่างหน้า เพื่อฝูงที่คบหากันในออฟฟิต ก็แยกย้ายขาดการติดต่อไปตามกาลเวลา ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดีงาม ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ประสบการณ์หลากหลายด้าน ที่อาจจะหาที่ไหนไม่ได้
บทสรุปส่งท้าย
หลังจากนั้นอีก3ปีให้หลัง แสนดีเรียนจบ นาฎศิลป์สาขาศิลปะการแสดงมหาลัยย่านสุขุมวิท เธอเคร่งเครียดกับการหางาน และเริ่มวางอนาคตของเธอ ส่วนผมเด็กวัย 22 ปีได้ทำงานในตำแหน่ง พนักงานปัญชี เธอเริ่มกลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ่อยขึ้น ปล่อยผมให้เดียวดายและคิดถึง เธอได้แต่ปลอบใจผมไปวันๆ เราทะเลอะกันหลายครั้งเรื่องที่เราต้องแยกกันอยู่ อีกอย่างจิตใจเธอเริ่มโตขึ้นมากมุ่งเน้นแต่การวางอนาคต เช่นแต่งงานหรือมีลูก ส่วนผมยังจับอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ล่าสุดที่ได้เจอเธอหลังจากเธอกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด3เดือน เธอดูเปลี่ยนไปมากส่วนผมก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมยังหลงไหลในการดื่มวันนั้นผมจึงนัดเจอเธอที่ลานเบียร์เวิลด์เทรด นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน
เธอยังบอกอีกว่าเธอได้งานทำแล้วที่บ้านเกิดของเธอและมีแฟนใหม่เป็นที่เรียบร้อย ก็คงไม่ยากอะไรสำหรับเธอในการคบหาคนใหม่ด้วยลูกเล่นในการจีบผู้ชายของเธอคงแพรวพราวมัดใจหนุ่มคนนั้น เหมือนที่เธอเคยใช้มัดใจผม เธอยังปลอบใจผมอีกด้วยว่าผู้ชายคนที่เธอคบอยู่ไม่ได้ดีกว่าผมแน่นอน แต่เธอไม่เลือกผมเพราะเธอคงอยากวางระบบอนาคตของเธอ และคงเบื่อความสมถะจำเจของผม อนาคตเธอคงจะดีกว่าจะมาลุ่มๆดอนๆกับผม กลอนที่เธอคัดให้ผม 3-4 เล่มสมัยคบกันใหม่ๆ เมื่อก่อนผมไม่เคยมองว่ามันเพ้อเจอเลยซักบทความเดียว แต่ตอนนี้จิตใจผมไม่เคยอ่อนไหวต่อบทความของเธออีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้ทุกเล่มยังคงถูกเก็บไว้แต่ครั้งใดที่ผมเปิดมันดู ผมมักอ่อนไหวกับอดีตทุกที การเสแสร้งบังคับจิตใจ คือสารป้องกันความเจ็บช้ำอดีตได้เป็นอย่างดี เวลาผ่านมากว่า10ปีผมได้มีภรรยาและลูกเล็กๆอีก1คนสาระบบของผมก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ทุกวันนี้เวลาผมเปิดมันอ่านผมจะบอกกับมันว่ากลอนบ้าอะไรว่ะ น้ำเน่าที่สุดเขียนมาได้ยังไง และจากนั้นต่อมาผมไม่เคยอ่อนไหวกับปัญหาเล็กๆน้อยๆอีกต่อไปผมมองเป็นเรื่องเล็กนั่นเพราะความเจ็บช้ไในครั้งนั้นมันทำให้จิตใจผมหยาบก้านทุกวันนี้หรอ ผมอยากจะเจอเธออีกครั้งและอยากให้เธอเล่าความจริงใจอดีตให้ผมฟังถึงเหตุผลที่เธอทำร้ายจิตใจผมในวันนั้น เธออาจคงลืมอดีตไปแล้วก็เป็นได้ต้องขอบคุณประสบการณ์ในอดีตทำให้ผมแข็งแก่งมาจนทุกวันนี้
สุดท้ายเขาใจหมา หรือว่าผมใจมด
ติดตามบล็อก แนวแปลกพร้อมให้ทุกคนร่วมตัดสินว่าใครใจหมาใครใจมด