29 เมษายน 2551 13:11 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ตอนที่ 2
จงจำไว้ฟังดีมีสี่อย่าง
ทุกคนต่างต่อติดมิตรเพื่อนผอง
ฟังเพื่อรู้คุณค่าน่าจับจอง
ใช่สนองความเพลิดเพลินเกินอารมณ์
ฟังให้ดีมีคติชีวีชอบ
มุ่งตามกรอบมอบไมตรีมีสุขสม
จรรโลงใจไออุ่นกรุ่นคารม
ตามนิยมสมวัยใคร่เลือกฟัง
...................................................
ตอนที่ 3
ผู้ยิ่งใหญ่มักฝักใฝ่ในการฟัง
ไม่บ้าคลั่งคุยโอ่โง่เผลอพลั้ง
หมั่นฝึกฝนค้นคิดจิตระวัง
แล้วจงตั้งใส่ใจรับจับประเด็น
ไปวิเคราะห์แยกแยะแนะข้อคิด
ได้พินิจคิดครวญใคร่ในความเห็น
ฟังให้ดีตีความได้ใช้ให้เป็น
หมั่นบำเพ็ญเห็นเจตนาคำวาที
ฟังจนจบครบถ้วนกระบวนท่า
ถ้วยวาจาประเมินได้ให้ถ้วนถี่
รู้คุณค่าการฟังตั้งใจดี
เป็นวิถีพหูสูตพูดแล้วฟัง
....................................................
ตอนที่ 4
จงปลูกฝังการฟังตั้งสมาธิ
ด้วยดำริตริตรองให้พร้อมพรั่ง
จินตนาการกว้างไกลไร้ภวังค์
เพิ่มกำลังคลังสมองของปัญญา
แล้วหมั่นฝึกบันทึกผลจนแน่วแน่
ไม่ปรวนแปรแก่กล้าการศึกษา
ใครทำอะไรที่ไหนใคร่บอกมา
ร่วมพัฒนาอย่างไรให้รู้จริง
...................................................
จบการฟังสี่ตอนที่สอนสั่ง
เป็นพลังคลังขุมทรัพย์นับค่ายิ่ง
เร่งสดับตรับวาจาอย่าประวิง
มิเฉยนิ่งเมื่อยินยลฝึกฝนฟัง
..................................................
หมายเหตุ ที่ว่า จบการฟังสี่ตอนที่สอนสั่ง เพื่อนผู้เขียนกลอนนำ
ไปสั่งนักเรียนที่เพื่อนสอนในโรงเรียนค่ะ
.
28 เมษายน 2551 22:06 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ตอนที่ 1
ผลัดกันฟังผลัดกันพูดช่วยผูกจิต
เสริมสร้างมิตรพิชิตใจใครถ้วนหน้า
ฟังเอาเรื่องเปรื่องปราดฉลาดปัญญา
เพิ่มคุณค่าคารมคมวาที
จงเลือกฟังแต่สิ่งดีมีประโยชน์
ไร้ทุกข์โทษทำร้ายให้หมองศรี
สื่อสารสร้างสรรค์กลั่นแต่ดี
เพิ่มภูรีมีความรู้คู่กายา ( ภูรี แปลว่า ความฉลาด ปัญญา)
ฟังเพลิดเพลินเจริญใจใช่ละเว้น
จำต้องเน้นวิสัยทัศน์คัดภาษา
หัดฟังสารบ้านเมืองประเทืองปัญญา
ต้องนำพามาฝึกคิดพินิจครวญ
จงตั้งใจฟังสิ่งดีมีทักษะ
ได้สาระเจรจาพาเสสรวล
ด้วยถ้วยคำวาจาน่าทบทวน
ผ่านกระบวนการฝึกนึกตรึกตรอง (จบตอนที่ 1 )
..........................................................................
จาก http://gotoknow.org/blog/pinpasa
เพื่อนไหมแก้วสีฟ้าครามเป็นผู้เขียนบทความ
และมอบให้ไหมแก้วฯเป็นผู้เขียนกลอน
26 เมษายน 2551 20:54 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
หนึ่งตะวันมั่นรักเดียวเกี่ยวดาวฟ้า
ส่องแสงหล้าสู่โลกสวยรวยสีสรร
มิหน่ายแหนงแคลงขุ่นหมุนเวียนวัน
ยังมุ่งมั่นผันโคจรร้อนหนาวเย็น
แสนโดดเดี่ยวเดียวดายในหน้าที่
รุ่งรวีทอแสงสร้างทางมองเห็น
อยากพักใจเคียงคู่ครองน้องเดือนเพ็ญ
ให้ลำเค็ญมิเว้นวรรคพักผ่อนกาย
หมุนเวียนวนจนวันนี้มิมีพัก
มั่นคงนักจักรวาลกาลมุ่งหมาย
ย่ำทิวาราตรีมิคลอนคลาย
เช้าสายบ่ายเห็นตะวันพันหมื่นปี
ตะวันอยากพักร้อนนอนอยู่บ้าน
คร่ำการงานกาลเวลาน่าหน่ายหนี
แถมมนุษย์บ่นโลกร้อนกร่อนชีวี
ดวงสุรีย์อยากลาลับกลับเวียงวัง
ถ้าโลกนี้ไร้แสงสุรีย์ส่อง
คงหม่นหมองมืดหม่นไร้มนต์ขลัง
ชีวาลัยสลายสิ้นภินท์พัง
อนิจจังโลกสูญดับลับมลาย
18 เมษายน 2551 19:43 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
นิยามเอยนิยามแห่งความรัก
เมื่อเยาว์นักรักมักจักใหลหลง
อานุภาพแห่งรักมักไม่ยืนยง
ไม่มั่นคงแค่อารมณ์ชมหญิงชาย
ความรักระหว่างเพศเป็นเหตุให้
มนุษย์ได้ดำรงพันธุ์ชั้นสืบสาย
ธาตุรักเพิ่มกำหนัดทั้งใจกาย
ให้หญิงชายสบตากันฉันรักเธอ
ใหลหลงรักเจ็ดปีเท่านี้หนอ
ที่พนอคลอเคล้าเฝ้าเสนอ
ความรักใคร่ที่หญิงชายได้ปรนเปรอ
เริ่มเผอเรอเบื่อระอาน่าระทม
ถ้าเป็นชายก็หมายว่าน่าเจอกิ๊ก
สั่นระริกคิกคักใคร่ได้สู่สม
ถ้าเป็นหญิงโบราณพาลอกตรม
ต้องขื่นขมอุราน้ำตานอง
ถ้ารักใคร่เปลี่ยนเป็นเช่นรักแท้
ช่วยดูแลเมตตากันฉันเพื่อนพ้อง
ยึดถูกต้องศีลธรรมตามครรลอง
ประคองปรองดองคู่อุ้มชูกัน
อันว่าหญิงตามสมัยใคร่บรรเจิด
แม้นงามเลิศเพียงรูปโฉมโน้มชายมั่น
มิยั่งยืนเท่าจิตใจใฝ่สัมพันธ์
ต้องเพียรหมั่นเติมความดีมีเมตตา
อันความรักนั้นหรือคือการให้
เสียสละไว้โปรดทำใจไม่โหยหา
เข้าวัดฟังเทศน์ธรรมเถิดกานดา
หยุดไขว่คว้าอุเบกขาปล่อยวางใจ
.........................................................................
อ้างอิง
1) ธาตุรัก คือ ธาตุเฟนนิลเลททีลามีน(PEA) เป็นธาตุที่ทำให้มี
อารมณ์รักโรแมนติก ผู้ค้นคว้าเรื่องนี้ ชื่อ ศาสตราจารย์
ไมเคิล มิลส์
แห่งมหาวิทยาลัยโลโยลา ลอสแองเจลิส
2) เฮเลน พิชเชอร์ เขียนไว้ในหนังสือ Anatomy of love
ว่าคู่ผัวตัวเมียรักกันจริงเพียง 7 ปีเท่านั้น ต่อจากนั้น
ความรักโรยราต่างอยากหาคู่ใหม่
3) วรรณคดีกามนิตวาสิษฐี กล่าวว่า
ความรักคือการให้การเสียสละ
ดุจดั่งศอพระศิวะ(สีดำ)
15 เมษายน 2551 11:05 น.
ไหมแก้วสีฟ้าคราม
ฟ้าสีทองเรืองรองแสงแดงระเรื่อ
ดงรกเรื้อเครือเถาวัลย์พันกิ่งไหว
ย่ำอัสดงตะวันลับทับทาบใบ
หริ่งเรไรกรีดร้องก้องพนา
สาวชาวนาป่าดงดอยคอยรักร้าง
จนอ้างว้างห่างเหินเมินเสน่หา
มีเพื่อนใจเป็นเจ้าทุยลุยท้องนา
แหงนมองฟ้าและป่าไผ่ไหวโอนเอน
ยามโพล้เพล้เหว่ว้าน่าเศร้าสร้อย
ให้ละห้อยคอยหายมิวายเว้น
ลมโชยโบยพริ้วไผ่ไหวระเนน
นกกางเขนบินคืนรังยังทุ่งทอง
คิดถึงรวงข้าวพราวท้องนาระอาจิต
ผลผลิตไม่พอเพียงเลี้ยงเพื่อนผอง
แม้นชาวนาไถดำน้ำตานอง
ไม่เคยร้องให้เห็นใจคนไถนา
แสนสงสารชาวนาคราหน้าแล้ง
ข้าวทุกแปลงฝ่าเปลวแดดแสงแผดจ้า
ไหนใส่ปุ๋ยลุยขอน้ำจากฟากฟ้า
ขึ้นราคาข้าวชาวนาได้ชื่นใจ