24 กันยายน 2548 10:22 น.
ไรไก่
เมื่อฟ้าสาง
ดวงตะวันทอแสงยามย่ำรุ่ง
แสงสีทองส่องฟ้าเจิดจำรุง
ลำแสงพุ่งคุ้งแถวราวแนวทาง
เป็นสัญญาณของเวลาสู่วันใหม่
เสียงกาไก่ขับร้องซร้องผสาน
ปลุกชีวิตดวงดอกไม้ให้เบ่งบาน
หยดน้ำค้างคาใบหญ้าท้าลมเย็น
สีเหลืองพลิ้วปลิวไสวมาแต่ไกล
ผ่องอำไพใสสว่างยามได้เห็น
พระภิกษุลุกรับบาตรสงบเย็น
ซึ่งทำเป็นกิจวัตรรับตะวัน
ดวงตะวันยามย่ำรุ่ง
ไอขาวกรุ่นมุ่นหมอกสร้างสีสรร
สายเส้นทางชีวิตอาจผิดกัน
เส้นทางฉันกับตะวันยามอรุณ
23 กันยายน 2548 08:45 น.
ไรไก่
ณ.วัดป่าชนบทแห่งหนึ่ง
คำนึงถึงวันสำคัญทางศาสนา
จัดพิธีใหญ่โตคนเต็มศาลา
คนกรุงมาทอดกฐินสามัคคี
วัดจัดงานยิ่งใหญ่ไว้ต้อนรับ
หลวงพ่อจัดงานบุญกุศลศรี
แนะทางธรรมให้คนใฝ่ความดี
จัดให้มีฉากละครย้อนดูตัว
เอาเนื้อมาผูกติดกับหลังหมา
หมาเห็นเนื้อเหลียวงับกัดหลังตัว
กระโดดงับไล่งับอย่างเมามัว
วิ่งไปทั่วตัวขยับงับไม่ทัน
ผู้คนมองสนุกสนานจนหนำใจ
ต่างคิดไปไฉนจะไล่ตามทัน
ยิ้มแย้มหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
ไล่งับทันนั่นหมาช่างโง่จริง
หลวงพ่อพูดนี่แน่ะท่านทั้งหลาย
ทั้งหญิงชายไล่งับกับบางสิ่ง
เสื้อผ้าสวยมือถือโก้เสียจริง
ของทุกชิ้นทันสมัยใช้ของดี
ต่างทำงานเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส
เพื่อขยับตามทันสมัยโดยเร็วรี่
หาเงินทองเพื่อได้ใช้ใจเปรมปรี
ช่างเป็นที่น่าสงสารอย่างหมาเอย
22 กันยายน 2548 22:20 น.
ไรไก่
เรา..รู้จักกันตามนามอักษร
ที่ซ่อนความสุขลึกกับความหมาย
นิ้วตวัดวาดเขียนกันเรียงราย
สื่อความนัยระบายแย้มแก้มยิ้มบาน
ความในใจยืดยาวราวแนวป่า
กลั่นออกมาจากอารมณ์ผสมผสาน
กับความฝันอันเข้มข้นของวันวาน
จักประสานแห่งความหวังฝั่งฝากใจ
ผ่านวันเดือนเหมือนคืนตื่นจากหลับ
ดื่มด่ำกับชีวิตพลิกผันหนีไป
อักษรนำคำอำลาพรากห่างไกล
ห้วงหัวใจไหวหวั่นการหมางเมิน
จำตัดใจความนัยอักษรสื่อ
ไม่อาจยื้อถือมั่นคั่นห่างเหิน
ปล่อยชีวิตลิขิตใจใช่บังเอิญ
เก้อเขินเมินอักษรซ่อนคำคม.
22 กันยายน 2548 06:09 น.
ไรไก่
ทรายเม็ดน้อยมีค่ามากกว่าฉัน
ถึงลืมกันไปได้อย่างง่ายดาย
หลงเหลือให้เห็นเป็นสิ่งสุดท้าย
คือรูปถ่ายให้ไว้เป็นเพื่อนกัน
หายห่างจากไปไม่บอกกล่าว
สิ่งใดเล่าโกรธเคืองให้กับฉัน
เข้าทักทายง้อคืนดีอยู่ทุกวัน
ทำไมผันแปรไปใจของเธอ
ขอบอกกล่าวความจริงให้ได้รู้
เพราะได้คู่คนใหม่เหมาะสมเสมอ
เป็นคนที่รู้ใจใฝ่ละเมอ
เพียงเธอตอบฉันมาว่าทำไม.
21 กันยายน 2548 21:40 น.
ไรไก่
ผู้เฒ่าเคราเงางามสีเงินยวง
อายุล่วงแปดสิบพรรษาน่าเลื่อมใส
ใบหน้าอิ่มยิ้มแย้มเปรมปรีดิ์ใจ
อารมณ์ดีสุขเกินใครในชีวิต
มีลูกหลานมากมายรายล้อมรัก
สิบห้าคนลุงจักคิดคาดหมาย
หวังไว้ให้สืบทอดยามชีพวาย
ตริตรองคล้ายจักหาคนที่ดีจริง
มีเมล็ดเกร็ดผลคนละเมล็ด
แจกสรรพเสร็จให้เวลาสามเดือนยิ่ง
ดอกไม้กรุ่นบานล้ำฉ่ำใจอิง
นำมาส่งเป็นสิ่งแลกรางวัล
บรรดาบุตรสุดที่รักอยู่พรักพร้อม
ต่างรับน้อมรีบเร่งเบ่งความฝัน
เอาใจใส่รดต้นกล้าสารพัน
หวังดอกไม้ดอกนั้นสะพรั่งงาม
เวลาผ่านสามเดือนเหมือนเร็วรี่
ต่างเปรมปรีดิ์ฝันใฝ่ในเดือนสาม
โอ้อวดเบ่งดอกไม้ในทุกยาม
ท้าทายถามผู้เฒ่าผู้เก่ากาล
ส่วนลูกชายท้ายสุดสุดขัดข้อง
นั่งร่ำร้องไร้ดอกไม้มาปลูกหว่าน
ดอกไม้ผลิได้เพียงครู่ดูไม่บาน
ทั้งเวลาเนิ่นนานดูแลดี
เฒ่าผมสีเงินยวงตรวจดอกไม้
ด้วยหัวใจไร้อารมณ์ผสมสี
เอ่ยปากถามแต่ละคนแต่ละที
ทำไมมีดอกไม้งามบานวิไล
ด้วยฉันใช้เมล็ดพันธุ์อันคั่วสุก
จะปลูกลุกขึ้นบานอย่างไรได้
ดอกไม้นี้จากแห่งหนตำบลใด
คงไม่ใช่ของฉันอย่างแน่นอน
ดอกไม้งามบานพรั่งดั่งหลักฐาน
สื่อผลงานความไม่ซื่อลือกระฉ่อน
หากใครรักความจริงอิงคำวอน
จะได้พรคือสมบัติสืบทอดแทน