26 พฤศจิกายน 2549 02:06 น.
ไม้หวึ่ง
ฝนตกกระหน่ำซัดลงมาจากฟ้าอันกว้างใหญ่ และหยดลงบนพื้นดินอันแข็งกระด้าง
ณ เบื้องบน สู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว และทันใด พื้นดินอันแห้งเหือด กลับชุ่มชื่นด้วยหยาดน้ำฝนอันชุ่มฉ่ำ หน้าตึกภาษาต่างประเทศ รุ้งตะวัน กับกลุ่มเพื่อนไฮโซของเธอ กำลังเดินออกจากห้องภาษาอังกฤษ รุ้งตะวันออกมาจากห้องก่อนเพื่อน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
" เฮ้อ...ผ่านพ้นไปอีกแล้วสำหรีบวิชาสอนทำยานอนหลับ สบายจริงๆเลย หลับเต็มตื่นซักทีนะพวกเรา "
ได้ยินเพื่อนของรุ้งตะวัน (เอ็ม) พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบานุ่มนวลว่า
" แหม อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย เธอก้มหน้าไปฟุบกับโต๊ะเรียน แต่เธอเอาหูแนบโทรศัทพ์มือถือคุยกับหนุ่มที่ไหนไม่รู้ ฉันเห็นหรอกน่ายัยรุ้ง อย่ามาทำไก๋กลบเกลื่อนเลยนะ "
พลางใช้มือทำท่าเป็นโทรศัพท์คุยล้อเลียนรุ้งตะวันว่า
" ฮัลโหล บอยเหรอคะ เรากำลังเรียนอยู่นะคะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วจะลงไป...ค่ะ คิดถึงสุดหัวใจเลย...อิอิอิอิ "
เพื่อนๆที่เหลือพากันหัวเราะคิดคัก รุ้งตะวันยิ้มพลางใช้มือตีแขนเอ็มเบาๆ
" บ้าน่า ยัยเอ็ม ฉันก็อายแย่น่ะสิเล่นแฉกันซึ่งๆหน้าแบบนี้น่ะ "
สาวๆหัวเราะคิกคักพลางเดินตามทางบนตึกชั้นสาม ลงบันไดไปชั้นที่สอง มองลงไปข้างล่าง พลันเห็นศรีษะผู้ชายไว้ผมรองทรงไว้รากไทร ผมสีดำขลับเงางาม ผู้ชายคนนั้นเดินขึ้นมาจากชั้นสอง กลุ่มสาวไฮโซเดินลงจากบันไดพลางหัวเราะคิกคักไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทันใดนั้นรุ้งตะวันชนเข้ากับผู้ชายที่กำลังเดินขึ้นมาคนนั้นอย่างไม่ทันระมัดระวังตัว อย่างรวดเร็ว ข้าวของจากมือรุ้งตะวันไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียน หรือกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอ ล้วนร่วงสู่พื้นกระจายออกไม่มีทิศทาง แต่คนยังยืนอย่างมั่นคง
รุ้งตะวันเดือดดาลเป็นการใหญ่ ถลึงตามองผู้ชายคนนั้นอย่างดุดัน กล่าวด้วยเสียงดังเกรี้ยวกราดว่า
" นี่ นาย!! เดินยังไงของนายเนี่ย ดูซิ ข้าวของฉันหล่นหมดแล้วเนี่ย เก็บขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ "
พลางชี้นิ้วไปที่ข้าวของบนพื้นอย่างรวดเร็ว ผู้ชายคนนั้นก้มลงเก็บพลางกล่าวด้วยเสียงอันนุ่มนวลแผ่วเบาว่า
" ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ทันมองผมผิดเองครับ "
เขาเก็บของที่หล่นบนพื้นอย่างรวดเร็ว และลนลานงุ่มง่าม เดิมทีรุ้งตะวันคิดว่าผู้ชายคนนี้จะต้องดุเธอตอบกลับ ที่เธอเองก็ผิดที่มัวแต่คุยจนไม่ได้ดูทาง แต่ผิดคาด ผู้ชายคนนี้กลับไม่แม้แต่จะโกรธหรือทำหน้าบึ้งตึงใส่เท่านั้น แต่ยังขอโทษและเก็บของให้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้เหนือความคาดหมายของทุกคนนัก จึงได้แต่ยืนงุ้มคิ้วปากอ้าตาค้างด้วยความสับสนในนิสัยที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
" เสร็จแล้วครับ นี่ครับของของคุณ "
ผู้ชายคนนั้นยื่นของให้รุ้งตะวันด้วยมือทิ้งสอง ทุกคนจึงมองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกคนถึงกับใจอ่อนระทวย มือไว้อ่อนไหว ที่แท้เป็นผู้ชายหน้าตาอ่อนหวาน คางแหลม ผิวขาวมีเส้นเลือดฝาดที่สองข้างแก้ม คิ้วหนาตาโต ปากแดงหูกางเล็กน้อยดูน่ารักเหมือนเด็กน้อยๆไม่มีผิด
"...น่ารักจังเลย..."
เพื่อนๆของรุ้งตะวันหันมามองหน้ากันแล้วพูดโดยพร้อมเพรียง รุ้งตะวันยิ้มอย่างอ่อนหวาน แทนสีหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ ยืนมือรับอย่างแช่มช้า สองข้างแก้มแดงซ่าน ปากถามออกไปว่า
" นายชื่ออะไรเหรอ เราไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลย "
ผู้ชายคนนั้นยิ้มที่มุมปาก ปรากฏรักยิ้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้างแก้ม ฟันทุกซี่เรียงรายสวยงาม กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า
" ผมชื่อซอครับ เรียนแผนกช่างก่อสร้าง ปี 2 แต่ผมไม่มีเพื่อนหรอกครับ ไปไหนมาไหนคนเดียว เลยไม่ค่อยมีใครรู้จักผมเท่าไหร่หรอกครับ...เอ่อ ผมต้องรีบไปเรียน ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ "
พลางวิ่งขึ้นบันไดด้วยความรวดเร็ว วิ่งผ่านกลุ่มสาวไฮโซไปชึ้นบน กลิ่นหอมดอกมะลิอบออวลต้องจมูกของกลุ่มสาวไฮโซ ทุกคนมองตามอย่างระทนระทวย ได้ยินเอ็มพูดว่า
" น่ารัก นิสัยดี สุภาพบุรุษมากๆ...ได้ใจเราเลยอ่ะ "
รุ้งตะวันมองหน้าเอ็ม ทอดถอนใจคำหนึ่ง กล่าวว่า
" ฝันไปเถอะย่ะ เขาต้องเป็นของฉันเท่านั้น "
เอ็มใช้มือท้าวเอวพลางกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า
" งั้นเรามาดวลกันไหมล่ะ ว่าใครจะได้หัวใจซอไปครอง "
รุ้งตะวันท้าวเอวตาม พลางกล่าวว่า
" ได้ งั้นเกมนี้จะเริ่ม พรุ่งนี้ "
..........................................หมดขั้นที่ 1.................................................
สวัสดีครับ ผลงานนี้เป็นผลงานแรก ที่ผมได้คิดไว้ว่าจะเป็นผลงานที่ผมจะเอาจริงเอาจังด้วย แต่ด้วยความเป็นมือใหม่ จึงยังเขียนได้ไม่ดีเท่าผู้มีประสบการณ์สูงเท่าท่านผู้อ่านหลายๆท่านนะครับ เพราะฉะนั้น ผมขอน้อมรับคำวิจารย์ต่างๆจากท่านผู้อ่านทุกท่าน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้ต่อไปครับ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ บ๊ายบายครับ
31 สิงหาคม 2548 19:36 น.
ไม้หวึ่ง
เขียนเรื่องสั้น
ความดีใจของโจ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เขา ได้รับการอนุญาติให้เรียนใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นทั้งการแก้ตัว แล้วการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งตัวเขาเองจะต้องเจอกับความลำบากมากกว่าเดิมอีกหลายๆเท่า
ั
27 สิงหาคม 2548 01:34 น.
ไม้หวึ่ง
"นี่นายน่ะ คุยกันก่อนสิ" นัฐ ร้องเรียก โอมให้หันมาคุยด้วย
"มีอะไรหรอ" โอมหันกลับมาด้วยความงง
"นายว่าเราสวยมะ" นัฐลองถามเพื่อความแน่ใจในเวทย์มนต์ที่เธอร่ายใส่โอมไปหมาดๆ
"ก็งั้นๆน่ะครับ แต่จะว่าไปก็เหมือนแม่ค้าขายลาบแถวบ้านเราเลยนะครับเนี่ย ฮ่าๆๆๆ" โอมหัวเราะ
"อะไรนะ แม่ค้าขายลาบงั้นหรอ....นายจะดูถูกเรามากเกินไปแล้วนะ" นัฐเริ่มมีน้ำโห
"โอะโอ๋ น่ากลัวจัง จะทำอะไรเราหรอ นี่มันใน ร.ร. นะครับ ไม่ใช่สนามมวย
ถ้าจะต่อยเราล่ะก็ คิดใหม่ดีกว่านะครับ" โอมพูดเสียงนิ่มๆ
"เลคิวโอไลนาบัส...!! ชายคนนี้จงกลายเป็นผู้หญิง" นัฐร่ายเวทย์มนต์ดำใส่โอมทันที
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นกับโอมเลย จะมีก็เพียงแสงสีแดงพุ่งปะทะตัวโอมเท่านั้น
"โอ้ เธอเล่นมายากลเป็นด้วยหรอเนี่ย งั้นเอาของเรามั่งนะ ...โอมเมฆารายะอุนเค็นโสวกะ...!!! เทพอัศนีย์จงลงโทษคนบาปด้วยเถิด"
...*( เปรี้ยง..!!! )*... เสียงฟ้าผ่าดังลั่นขึ้นด้วยคาถาของโอม ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างวิ่งหนีกันพันละวัน จะมีก็แต่นัฐ ที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เพราะว่าฟ้าที่ผ่านั้น ล่อหัวเธอเข้าเต็มๆ เธอผมฟูตั้งขึ้นอย่างกับทำแฟชั่น หน้าเธอดำอย่างกับพอกโคลน ควันเธอออกตุ่ยๆจากเส้นผมอย่างกับอบไอน้ำทำทรีดเม้นส์ แต่เธอโดนฟ้าผ่าแบบเต็มเม็ด และเบื้องหน้าเธอก็คือ โอม ศิษย์ไสยเวทย์ชินไน เวทย์มนต์เก่าแก่ของญี่ปุ่น รุ่นสุดท้ายและท้ายสุด ที่เธอ ทำเป็นเล่นด้วย แต่ ... เค้าไม่เล่นด้วยกับเธอ
"ฮ่าๆๆๆ ตลกจังเลย แม่มดโดนฟ้าผ่ากลางหัวเลยเอิ้กๆๆ เอาไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะ อ้อ...แล้วอย่าลืมไปเรียนหลักสูตรการไฟฟ้าเบื้องต้นมาด้วยล่ะ จะได้ไม่โดนฟ้าผ่าอีก ฮ่าๆๆ" โอมหัวเราะเยาะอย่างสะใจ
" อึ๋ย ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวชั้นจะเอาคืนแน่ แงๆๆ ดำอย่างงี้แล้วชั้นจะทำงายเนี่ย "
ติดตามต่อตอนที่ 2
10 กรกฎาคม 2548 00:51 น.
ไม้หวึ่ง
ี่ " ว่างเปล่าไปหมด
สิ่งที่อยู่รอบตัวเราทำไมมันว่างเปล่าไปหมด เราเป็นอะไรไป ความฝันของเรามันไกลเกินไปรึเปล่า ก็ไม่น่าจะใช่ " ความรู้สึกว่างเปล่าครอบงำหัวใจของ < โจ > หลังจากที่เขาสอบตกวิชาศิลปะ ซึ่งเป็นวิชาที่เขาชอบ
เขานั่งซึมอยู่ในห้องนอนแคบๆมีหน้าต่างหนึ่งบานที่ให้แสงสว่างสลัวๆยามเช้า เขานั่งอย่างนี้ทั้งวัน ทั้งคืน ไม่กิน แต่นอนเป็นบางช่วง
เขานั่งนึกเสยดายกับความหลังก่อนที่เขาจะสอบตก เขามัวแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน สนุกไปวันๆกับเพื่อนโดยที่นึกในใจเสมอว่า ถ้าเราไม่ส่งงานพวกมันก็จะไม่ส่งด้วย เพราะว่ามันก็โดดไปกับเรา
แต่เขาคิดผิด ทุกครั้งที่โจเผลอ ไอ้เพื่อนพวกนี้มันก็เอาการบ้านขึ้นมาทำ โดยที่ไม่ได้บอกโจเลย ทำมห้โจนึกโกรธที่ไปคบเพื่อนเลวๆอย่างมัน
" โถ่ ตูเอ๊ย แล้วตูจะทำไงต่อไปดีวะเนี่ย ...ฮือๆๆ...ตูไม่เหลืออะไรแล้ว...ฮือ... " เขาร้องไห้ครวญครางจนเขารู้สึกปวกหัวหนึบๆ
" แม่..ใช่แล้ว...เราต้องบอกให้แม่ช่วย " สมองที่เจ็บปวดรวดร้าวของเขา เกิดคำว่าแม่ขึ้นมา ทำให้เขาหวังที่จะพึ่งพาแม่ เขารีบวิ่งไปที่โทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานทันทีทันใด
เขากดหมายเลยโทรศัพท์ของแม่ที่เขาจำขึ้นใจด้วยความหวังว่า เขาจะมีที่เรียนใหม่
ไม่นานนักก็เกิดการสนทนากันในโทรศัพท์
" ฮัลโหลแม่หรอครับ " โจถามเสียงสั่นๆ
" ใช่ลูก แม่เอง มีอะไรหรอ " ผู้ที่เป็นแม่รอฟังผลการสอบของลูกชายอย่างใจจดใจจ่อ
" แม่ครับ คือว่า..เอ่อ...โจ..สอบตกน่ะครับแม่ " โจพูดแหบๆ และลุ้นถึงคำพูดต่อไปของแม่เขา
" โจ...ทำไมโจถึงทำแบบนี้ล่ะลูก โจได้คะแนนดีตลอดไม่ใช่หรอลูกหืม...ไหนบอกแม่ซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น " แม่ของโจเริ่มใจสลาย
" แม่ครับ โจขอโทษ...โจผิดเองที่คบเพื่อนไม่ดี ...ให้โจเรียนซ้ำอีกปีนึงก็ได้นะแม่ แต่อย่าให้โจไปปะยางกับพ่อเลยนะแม่นะ " โจน้ำตาไหลพราก
" ได้ลูกได้...แต่ว่าแม่ไม่มีเงินลูก...แม่ไม่มีเงินจริงๆ โจคงต้องหางานทำส่งเสียตัวเองนะลูกนะ..." แม่ของโจแนะแนวทาง
" ดะ..ดะ...ได้ครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียน ผมจะทำงานส่งเสียตัวเองเรียนครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...ผมจะเรียนให้จบให้ได้เลยครับแม่ " โจเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมา 2วันนับจากวันสอบ
การพูดคุยจบลงด้วยการให้โอกาสใหม่ แต่ว่าเนี่ย มันแค่เริ่มต้น เพราะหนทางที่เขาจะต้องเผชิญ เส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนแปลง และการช่วยเหลือตัวเองที่มามากกว่าเดิมนับร้อยนับพันเท่า
แต่ผมต้องจบตอนที่ 1 ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ หวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆคนได้ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคบ้างนะครับ ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้านะครับ ติชมกันได้นะครับ ยิ่งวิจารย์มาก ผมยิ่งชอบครับ แล้วอย่าลืมว่า " ผมรักพวกคุณทุกคนครับ "