18 เมษายน 2546 01:31 น.

คิดมาก

ไผ่ม่วง

ห่วงเหลือเกินห่วงใยใจดวงนี้
เฝ้ารักษาไว้อย่างดีจนสุดหวง
เธอใกล้ใครคิดมากไปว่าเขาลวง
อาจเปลี่ยนหวงเป็นหึงบ้างโปรดเข้าใจ

ถ้าไม่รักคงไม่หวงขนาดนี้
ฉันบางทีคิดมากทนไม่ไหว
แค่น้ำตาลูกผู้ชายที่น้อยใจ
อยากได้เพียงความเข้าใจจากปากเธอ				
15 เมษายน 2546 00:35 น.

ลมกระซิบ

ไผ่ม่วง

ลมกระซิบว่ากระไรหนอใบหญ้า
ดูแผ่วผ่านปานอุษายามไขแสง
หญ้าจึงไหวใจจึงหวั่นจนอ่อนแรง
พลิ้วตามลมนั้นใช่แกล้งแต่หวามใจ

  ลมพัดผ่านพาอุ่นอกหรือหนาวสั่น
ลมร้างเลยพรากฝันไปแห่งไหน
ใบหญ้าพลิ้วตามลมรักคงหนักใจ
เธอกระซิบคำใดไว้หนอสายลม				
14 มีนาคม 2546 22:59 น.

ไฟสงคราม

ไผ่ม่วง

อัสดงคงอาบฟ้าแดง             มิเคยเปลี่ยนแปลง
กับสันดานคนเช่นกัน
    สงครามลามล้างฆ่าฟัน         แสวงหาใดกัน
บนกองกระดูกเพื่อนคน
    อ้างเหตุบิดเบือนเพื่อผล      ประโยชน์ของตน
กระหายสนองตัณหา
    ลองมองดูด้วยสองตา            สิ่งที่ได้มา
แลกด้วยชีวิตเท่าใด
    เคยออกไปดูบ้างไหม          เพียงชี้นิ้วให้
มนุษย์ฆ่าฟันกันเอง
    เสียงปืนระเบิดบรรเลง       ขานรับเป็นเพลง
คือเสียงร่ำไห้ครวญคราง
    เมื่อควันดินปืนเบาบาง       คงเหลือซากร่าง
สองฝ่ายล้มตายเหมือนกัน
    สงครามคือไฟลามรัน          สันติภาพนั้น
ก็เพียงกระดาษห่อไฟ
   เพียงแต่ประทุเมื่อใด           ขึ้นอยู่กับใคร
อ้างได้หน้าด้านแนบเนียน
    อำนาจในมือแค่เปลี่ยน       สงครามก็เวียน
ที่รับทุกข์คือผองชน
   สูญเสียร่ำร้องหมองหม่น       ก็ได้แค่ทน
ชดใช้เอาคืนที่ใคร
   สัญชาติที่อ้างศิวิไลซ์             สิ่งที่ทำไป
ไม่คล้ายว่าเป็นผู้เจริญ
    คงกรรมของโลกต้องเดิน     ใครอ่อนแอเกิน
ต้องถูกขย้ำจมดิน
    เพียงวอนให้โลกได้ยิน       ก่อนมนุษยชาติสิ้น
เพราะคนสูญความเป็นคน				
14 มีนาคม 2546 12:50 น.

ฟ้าสางแล้ว

ไผ่ม่วง

แสงทองจับขอบฟ้า        สกุณาก็ขันขาน
ไออุ่นของคืนวาน            คงแผ่วผ่านผ้าห่มบาง
  กรุ่นไอไล้ละมุน            ที่นุ่มหนุนมิจากจาง
พริ้มตายังมิห่าง               ว่าฟ้าสางยังเร็วไป
  สัมผัสระเรียบลื่น          กลัวว่าตื่นคงห่างใจ
หวานซึ้งจึงฝันใฝ่            มิอยากไกลพ้นราตรี
  โอบกอดก็นุ่มหมอน       ไซ้ซุกซอนอยู่ทุกที
ลมเอื่อยเย็นอย่างนี้         มีผ้าห่มอุ่นสบาย
  แดดเอยว่าแดดอ่อน     มาเตือนก่อนนี่ยามสาย
หลงฝันนั่นมิคล้าย           อรุณกรายผิดเวลา
  ไก่โต้งที่โก่งขัน             ยังว่านั่นสกุณา
ราตรีนี้เสาะหา                นกราตรีมาร้องดัง
  หลอกฟ้าว่ามิสาง           หลอกฝันค้างให้อยู่ยัง
คว้าฉุดสุดจะรั้ง              เสียดายดังสูญดวงใจ
  ลาพรากจำจากจร          ฟ้าสางก่อนจำจากไกล
เพียงตื่นขมขื่นไข้           รักสุดใจหนอ ...ที่นอน				
12 มีนาคม 2546 21:03 น.

Earth-song --- บทเพลงของโลก

ไผ่ม่วง

EARTH-SONG  ( from Hamtreya - Ralph Emerson )
[ American literature 19 th century ]

Mine and yours;
Mine, not yours
Earth endure;
Star abide-
Shine down in the old sea;
Old are the shores;
But where are the old men?
I who have seen much, 
Such have I never seen.

The lawyers deed
Ran sure,
In tail,
To them, and to their heirs
Who shall suceed,
Without fail,
Forevermore,

Here is the land,
Shaggy with wood,
With its old valley,
Mound the flood.
But the heritors?-
Fled like the floods foam.
The lawyer, and the laws,
And the kingdom,
Clean swept herefrom...

They called me theirs,
Who so controlled me;
Yet everyone
Wished to stay, and is gone
How am I theirs,
If they cannot hold me,
But I hold them?

When I heard the Earth-song
I was no longer brave;
My avarice cooled
Like lust in the chill of the grave

   + บทเพลงของโลก +

   ของเราแลของท่าน
เป็นของฉันท่านมิใช่
โลกามิราลัย
ดาราฉายยั่งยืนมา
ทะเลเก่าสะท้อนแสง
ชายหาดแข่งคู่ชรา
ไหนเล่ามนุษา
อยู่นานมาไม่เห็นมี
   
   ทนายกระจายสิทธิ
คำลิขิตบังคับคดี
มรดกทั้งเหล่านี้
ทายาทมีสืบทอดไป

   แห่งนี้ที่แผ่นดิน
อุดมสินปวงพฤกษา
ขุนเขาแลธารา
ยั่งยืนมากี่กัปกาล
คนผู้ครองนั้นเล่า
ยืนนานเท่าฟองสายธาร
ทนายแลกฏบ้าน
ล้างเลือนผ่านพร้อมนครา

   เรียกข้าว่าของเขา
แต่ใครเล่าเจ้าของข้า
เขาหวังอยู่ค้ำฟ้า
แต่กลับลาคืนสู่ดิน
ไหนเล่าเรียกเจ้าของ
หมายถือครองเป็นทรัพย์สิน
ครองท่านคือผืนดิน
ครองคืนสิ้นทุกกายา

   ข้ายินแผ่นดินครวญ
ใจปั่นป่วนหมดความกล้า
ถือโลภก็นานมา
คงสิ้นท่าคราคืนดิน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไผ่ม่วง
Lovings  ไผ่ม่วง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไผ่ม่วง
Lovings  ไผ่ม่วง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไผ่ม่วง
Lovings  ไผ่ม่วง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงไผ่ม่วง