28 สิงหาคม 2553 21:45 น.

มิติกาลตอนบุกแผ่นดินชัยวรมัน ส่วนที่ 9-10

ไบเซ็บ

เราทั้งสอง รักกัน แรกพานพบ		
เดินเคียงซบ ตามทาง ในกลางสวน
ภาพต่อมา เป็นภาพรบ ทั้งดาบทวน		
ทุกชีพล้วน โรมรัน ให้บรรลัย

แทนถือดาบ ออกรบ บนหลังม้า		
ควบอาชา เข้าต่อสู้ ไม่หวั่นไหว
อนิจจา ถูกธนู พุ่งมาไกล				
เข้าที่ใจ ตกจากม้า สิ้นชีวัน

แล้วภาพเปลี่ยน เป็นเธอ เฝ้าโศกศัลย์	 
แทบจาบัล เมื่อแทน ต้องอาสัญ
สิ่งงดงาม ในชีวิต หมดสิ้นกัน	
เมื่อถึงวัน ที่ธอพราก จากฉันไป

ครั้นถึงเช้า แทนนั่ง อ่านหนังสือ		
เห็นแต่ชื่อ เห็นแต่หน้า อันแจ่มใส
ในตานั้น เห็นเพียงเธอ ทุกคราไป			
ในดวงใจ คิดถึงเธอ มิรู้คลาย

และแล้วพลัน เงยหน้าขึ้น อย่างพลั้งเผลอ  	
สบตาเธอ ที่เดินผ่าน มิได้หมาย
เป็นความสุข มิพานพบ มิเคยกราย 	
ความสุขใจ ที่ชุ่มช่ำ เต็มฤทัย

เมื่อได้พบ สบตาเธอ ณ ครานั้น		
ทุกสิ่งพลัน สะดุด หยุดเคลื่อนไหว
วินาที นาทีหยุด สะดุดไป		
กายและใจ สะดุดหยุด เหมือนไม่มี

ดั่งอัสนี ฟาดลง กลางใจฉัน		
ดั่งดวงจันทร์ หยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนหนี
ดั่งดวงเนตร หยุดเห็น นับนาที			
ดั่งวารี หยุดไหลรี่ ทั้งธารา

เหมือนดั่งเป็น บุพเพ สันนิวาส		
เหมือนดั่งชาติ ปางก่อน พร่ำเพรียกหา
เหมือนดั่งรัก เพียงเธอ ทุกชาติมา 			
เหมือนดั่งฟ้า ลิขิตมา ให้คู่กัน

ทันใดนั้น แทนต้องตื่น จากภวังค์		
มีเสียงดัง ลอดมา ทำลายฝัน
กลับหรือยัง จวนจะลับ ดวงตะวัน			
จะขอวาน ช่วยปิดตึก ให้ด้วยที

วันต่อมา แทนพบ เพื่อนสนิท	
ทั้งสองคิด เดินทาง ตามวิถี
เราจะรีบ ตรงไป ไม่รอรี				
มุ่งไปที่ ปราสาทหิน พนมรุ้ง

เราจะต้อง เดินทาง ผ่านโคราช		
แล้วก็พาด ผ่านไป ที่ราบสูง
รีบตรงไป ยังนางรอง ที่ชักจูง			
แล้วพามุ่ง ปราสาทหิน ดั่งใจนั้น

เมื่อออกจาก โคราช ได้สักพัก		
พายุยักษ์ พัดมา น่าเสียขวัญ
ฝนตกหนัก พายุแรง เมื่อประจัญ		
มิพบพาน มาก่อน ในชาตินี้

ในที่สุด ทั้งสอง ถึงจุดหมาย		
แต่พระพาย พัดหนัก มิอาจหนี		
จำพวกเรา ต้องพักอยู่ หลายราตรี		
มิอาจที่ จะออกไป อย่างเคยชิน

เมื่อพายุ หยุดพัด ฟ้าสดใส		
จึงรีบไป สำรวจ หมู่กองหิน
ทั้งสองคน เดินดู ตามได้ยิน		
พากันปีน สำรวจ ตรวจจนเย็น

จึงเดินออก ข้างนอก แล้วนั่งพัก		
ใกล้เนินดิน มิรู้จัก อย่างละเหี่ย
พลางก้มลง มองดู อย่างอ่อนเพลีย		
ใช้ไม้เขี่ย พื้นดิน ให้ผ่อนคลาย

แล้วก้มหยิบ ชิ้นเหล็ก เมื่อได้เห็น		
เอ๊ะคล้ายเป็น ลูกธนู ดูแปลกนี่
แล้วเรียกแทน มาช่วย ตรวจดูที		
แทนร้องยี้ มันแค่เป็น เหล็กค้างปี				
21 สิงหาคม 2553 11:38 น.

มิติกาลตอนบุกแผ่นดินชัยวรมัน ส่วนที่ 7-8

ไบเซ็บ

แล้วแม่ทัพ ก็ดับ สิ้นชีวิต			
กองทัพจาม ตามติด พิชิตผลาญ
ทหารขอม ต่างสู้ ผู้รุกราญ			
ด้วยใจหาญ ทุกผู้ดับ สิ้นชีวา

ในเวลา ที่พิสิฐ สิ้นชีวิต			
องค์หญิงคิด จิตใจ ดูโหยหา
เหตุไฉน ใจเรา เฝ้าโรยรา				
ดวงชีวา อ่อนระทวย ซวนกายา

ครั้นเจ้าชาย ได้ข่าว จากทหาร		
ชัยวรมัน แสนเศร้า เป็นหนักหนา
รู้เรื่องราว พิสิฐ สิ้นชีวา				
ด้วยเราหา ทัพเสริม ไปไม่ทัน

เมื่อองค์หญิง ได้ยิน ดวงใจหาย		
ดวงฤทัย เศร้าโศก สิ้นสุขสันต์
เธอจากไป หัวใจ เฝ้ารำพัน			
ทุกคืนวัน มิมีสุข ทุกข์ชีวา

เธอมาพราก จากฉันไป ในครานี้		
ดวงฤดี ปวดร้าว เศร้าหนักหนา
เฝ้าร่ำร้อง ด้วยระทม ทั้งน้ำตา			
โอ้ชีวา สุดแสนเศร้า แทบวางวาย

เหมือนดวงใจ ถูกกรีด ด้วยมีดดาบ		
เหมือนถูกสาป ให้ใจ แตกสลาย
เหมือนถูกหิน ทุ่มทับ ทั้งใจกาย			
ให้มลาย เหมือนฉีกร่าง แยกจากกัน
	
 องค์หญิงเศร้า แล้วหลับ นอนฝันไป	
ด้วยหัวใจ คิดถึง อย่างโศกศัลย์
เห็นพิสิฐ บอกอย่าเศร้า อีกไม่นาน 		
จะพบกัน เหมือนดั่ง ฟ้าลิขิต	

	
ปีสองพัน ห้าร้อย สี่สิบสาม		
มีอีเมล์ มาถาม จากอังกฤษ
ไอจะมา ศึกษาขอม อย่างใกล้ชิด			
อยากให้มิตร ติดตาม ไปด้วยกัน

เมื่อได้อ่าน จดหมาย แทนนั่งคิด		
ผู้เป็นมิตร ติดต่อ มาหาฉัน
คือด๊อกเตอร์ เฟรดเดอริค ผู้เชี่ยวชาญ		
เพื่อนรักกัน ไม่ได้พบ มานานยาว

จึงได้ตอบ ตกลง จะไปด้วย		
จะได้ช่วย ปรึกษา ให้คลายเหงา
เมื่อมาถึง สุวรรณภูมิ โปรดรอเรา			
จะได้เฝ้า พบกัน แสนดีใจ

แล้วอีเมล์ เขียนไป ถึงคนรัก		
ที่รู้จัก มานาน จนหมั้นหมาย
พี่จะไป กับเพื่อน ยังแดนไกล			
จะส่งใจ ถึงเธอ ดวงฤดี

พลางเอนนั่ง นิ่งคิด ถึงอดีต		
ฟ้าลิขิต ให้ได้พบ แม่โฉมศรี
หกปีก่อน ได้พบ กับคนดี				
เมื่อเรียนที่ มหา วิทยาลัย

ฉันนั้นคือ นักศึกษา วิชาแพทย์		
ยืนหลบแดด แอบมองเธอ สาวน้องใหม่
ก็ได้ตก หลุมรัก ขึ้นในใจ				
ไม่เห็นใคร มีเพียงเธอ ในสายตา

เธอนั้นชื่อ อนัทธ์ นามไพเราะ		
รูปร่างเหมาะ น่ารัก เสน่ห์หา
เพื่อนเรียกเธอ ว่านิด งามติดตา			
เห็นเพียงหน้า โฉมงาม ทั้งเช้าเย็น

หลังจากนั้น เมื่อหลับ แทนได้ฝัน 		
ถึงวันวาน ในอดีต เหมือนดั่งเห็น
เธอกับฉัน เดินเคียงกัน ในตอนเย็น		
เธอผู้เป็น เจ้าหญิง มีผิวนวล				
7 สิงหาคม 2553 22:33 น.

มิติกาลตอนบุกแผ่นดินชัยวรมัน ส่วนที่ 6

ไบเซ็บ

แม่ทัพขอม ได้ยิน จึงรีบตอบ		
ตัวข้ามอบ ชีวิต แม้ดับขันธ์
จะขอเป็น ชาวขอม ทั้งวิญญาณ 			
มิมีวัน ที่จะ มาประจบ

อนุชา จึงตอบ ออกไปว่า			
ถ้าเช่นนั้น ตัวข้า จำต้องรบ
แล้วควบม้า ชักดาบ หวังสยบ			
อย่าหวังหลบ ข้าจักฟัน เอาชีวา

สองขุนศึก ประดาบ จนเริ่มพลบ		
มิรู้จบ เสียงดาบ ดังหนักหนา
จนทั้งสอง ต่างเหนื่อย แสนอ่อนล้า	
สองผู้กล้า ก็มิอาจ ชนะชน

อนุชา รบพลาง จึงได้คิด			
แกล้งทำผิด พลั้งไป ใจสับสน
จึงทำดาบ หลุดมือ เมื่อประจญ	
แล้วรีบรน ควบม้า เร่งหนีพลัน

แม่ทัพขอม ได้เห็น แล้วครุ่นคิด		
ถ้าเราติด ตามตี ให้อาสัญ
ก็จะได้ ชัยชนะ เหนือพวกมัน			
จะเสียขวัญ แตกหนี ดั่งรังแตน

คิดแล้วจึ่ง ควบอาชา วิ่งเข้าไล่		
อนุชา หันกลับไป เห็นตามแผน
พลางเอื้อมไป หยิบธนู มิดูแคลน		
แล้วง้างแขน หันกลับ ยิงออกไป

ลูกธนู พุ่งไป อย่างเร็วรี่			
มิอาจที่ จะหลบ มิสงสัย
แล้วพุ่งเสียบ สุดแรง เข้ากลางใจ		
ร่างกลิ้งไป ร่วงหล่น ตกกระเด็น

ก่อนสติ จะดับ สิ้นทุกสิ่ง			
ปรากฏภาพ องค์หญิง ขึ้นให้เห็น
แม่ทัพขอม จึงพูด อย่างลำเค็ญ		
ตัวพี่เห็น ไม่ได้กลับ ไปพบกัน				
2 สิงหาคม 2553 12:30 น.

มิติกาลตอนบุกแผ่นดินชัยวรมัน ส่วนที่ 5

ไบเซ็บ

รองทัพจาม เร่งม้า แล้วชักดาบ		
หมายกำราบ พวกขอม ที่แข็งขืน
รองทัพขอม เร่งควบม้า เข้าไปยืน			
ไม่กลับคืน หากไม่ได้ ชนะมา

สองขุนศึก ต่างมุ่ง เข้าฟาดฟัน		
ต่างโรมรัน ให้ได้ชัย ที่ใฝ่หา
รองทัพขอม พลาดพลั้ง ถูกฟันมา			
อนิจจา คอขาด ตกม้าตาย

แม่ทัพขอม พิสิฐ รีบเข้าขวาง		
ชักดาบพลาง ชี้ไป ยังที่หมาย
รองทัพจาม มาสู้กัน ให้วอดวาย			
ให้ล้มตาย ลงไป ใครสักคน

สองทหาร ควบม้า เข้าหากัน		
ใช้ดาบฟัน สุดแรง ทุกๆหน
ทั้งสองคน รบไป ระวังตน			
หากใครลน รีบไป มิตายดี

รองทัพจาม เห็นโอกาส รีบเร่งใส่		
ฟาดดาบไป หมายตัดคอ ในบัดนี้
แม่ทัพขอม เอี้ยวตัวหลบ ด้วยตาดี			
ใช้ดาบจี้ แทงเสียบอก มิรอรา

รองทัพจาม ร้องออก ด้วยเจ็บปวด		
คิ้วขมวด ทรุดลง ตายหลังม้า
ขุนศึกจาม ต่างเรียงหน้า บุกเข้ามา			
ก็ถูกฆ่า ล้มตาย ด้วยรอนราญ

อนุชา เห็นฝีมือ ขุนศึกขอม		
มิได้ออม ฝีมือ อีกกล้าหาญ
จึงร้องบอก ออกไป ดั่งต้องการ			
อยากให้ท่าน ช่วยเรารบ โปรดนำพา

ถ้าตัวท่าน เข้ามา ช่วยทำศึก		
หากท่านนึก สิ่งใด ปรารถนา
ข้าจะนำ ให้ท่าน ทุกๆครา				
ทรัพย์นานา เงินทอง ตามต้องการ				
2 สิงหาคม 2553 12:27 น.

มิติกาลตอนบุกแผ่นดินชัยวรมัน ส่วนที่ 4

ไบเซ็บ

พวกขอมสู้ ด้วยใจ ไม่หวั่นไหว 		
ให้ใครใคร ได้รู้ ไม่ถูกหยาม
จนพลบค่ำ ก็ไม่อาจ จะปราบปราม		
แม่ทัพจาม สั่งทหาร กลับมาค่าย

ค่ำคืนนั้น พิสิฐ ตรวจทหาร		
ล้วนพบพาน ผู้บาดเจ็บ ตั้งมากหลาย
เหลือทหาร ที่รบได้ ไม่กี่นาย		
หากตั้งรับ อยู่ข้างใน คงไม่ดี

ถ้าพรุ่งนี้ พวกมันโหม โจมตีอีก		
มิอาจหลีก ความฉิบหาย ไม่อาจหนี
จำจะต้อง ยกพล จรลี				
ไปราวี กับพวกจาม นอกเมืองนี้

ถ้าตัวเรา ฆ่าแม่ทัพ ของมันได้		
ทำให้ใจ พวกมัน ต้องขวัญหนี
ก็จะได้ ชัยชนะ ในทันที				
มันจะหนี แตกทัพไป ไม่กลับมา

ครั้นรุ่งสาง แม่ทัพขอม ก็ควบม้า		
รีบเร่งพา ทหารหาญ ออกไปหา
เมื่อได้พบ ทหารจาม ไม่รอช้า			
จึงร้องท้า อนุชา ว่าออกไป

ถ้าตัวท่าน เป็นนักรบ ผู้เก่งกล้า		
จงอย่าช้า มาทำศึก ให้ยิ่งใหญ่
จงอย่าใช้ กำลัง ที่มากมาย				
มาทำให้ ประวัติจาม ต้องน่าอาย

อนุชา พอใจ ในความกล้า			
ที่กล้าท้า ทั้งที่เรา มีมากหลาย
จำจะต้อง รบให้ ชื่อขจาย				
มิให้ใคร มาพูด ดูถูกเรา

แล้วจึงออก คำสั่ง รองแม่ทัพ		
จงรีบจับ อาวุธ ไปสู้เขา
อย่าได้แพ้ กลับมาให้ อดสูเรา			
ถ้าไม่เอา ชนะได้ อย่ากลับคืน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไบเซ็บ
Lovings  ไบเซ็บ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไบเซ็บ
Lovings  ไบเซ็บ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟไบเซ็บ
Lovings  ไบเซ็บ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงไบเซ็บ