หากบทกลอนที่คุณกำลังได้อ่านอยู่ เปรียบเสมือนบทเพลงในท่วงทำนองหนึ่ง โปรดตั้งใจฟังและเพียงจดจำเอาไว้... หนาวเอยลมหนาวพราวพัด ในคืนดาวกระจายกระจัดเต็มฟ้า หนาวเอยหนาวไหมในอุรา กับช่วงชีวิตที่ผ่านมาแล้วผ่านไป อีกไม่นานฤดูกาลจะย่ำเปลี่ยน บนความแปรเปลี่ยนที่เกี่ยวเกาะไว้ ท้อไหมท้อ เหนื่อยไหมเหนื่อย เป็นเช่นไร แล้วอีกใครเล่า? ตอกย้ำจะซ้ำเติม แม้ไม่เหลือเพียงใครให้มองหา เช่นเดียวดายกลางธาราที่ฮึกเหิม อาจจ่อมจมในตรมลึกแบบเดิม เดิม ความเข้าใจจะเต็มเติมที่พร่องหาย สิ่งใดคอยรอ มีให้เธอตรงนี้ ปลดวางเรื่องร้ายที่รู้สึกแหนงหน่าย พักเถิด พอแล้ว ต่อสิ่งรอบกาย เธอไม่ได้แพ้พ่าย...(แต่ยิ่งใหญ่สำหรับหัวใจฉัน)
แสงสว่าง...พร่างฟ้าพาโลกชื่น ปลุกชีวิตให้ตื่นจากหลับไหล ปลุกสายน้ำซึมซาบอาบพฤกษ์ไพร ปลุกหัวใจต่อสู้รู้ฝ่าฟัน กระแสลม...พรมโลกโบกใบไม้ ระรินสายสดชื่นระรื่นหรรษ์ คลายรุ่มร้อนเพลิงเผาผ่าวผิวพรรณ พระพายพลันผ่อนคลายให้เยือกเย็น รัศมีจันทร์....อันงามยามราตรี ส่องให้มีเส้นทางที่มองเห็น ให้ความหวังพลังใจในแสงเพ็ญ ไม่หลบเร้นท้อแท้แก่โมงยาม หากจะถามเธอมีค่าสักเพียงไหน เกินรำพันตอบได้ในคำถาม แสงสว่าง..สายลม..พรมโลกงาม ยังแพ้ความสำคัญ...ฉันมั่นใจ ปรารถนาเพียงให้เธอใจสุข อย่าฉงนปนทุกข์ให้หวั่นไหว ไม่เคยเห็นเธอเป็นคนห่างไกล แต่อยู่ในหัวใจตลอดมา ไม่อาจหาคำพูดที่ซาบซึ้ง ถึงเพียงครึ่งของใจที่ห่วงหา ความห่วงใยมีมากกว่าชีวา มีเพียงเธอประทับตราเจ้าของใจ ไม่อาจหาใครอื่นอีกหมื่นแสน ที่เหมือนแม้นครึ่งหนึ่งของเธอได้ งามเมตตาปรานีมีน้ำใจ ให้และให้เรื่อยไปมิเปรียบปาน สำหรับกับใจฉันนั้นบอกว่า เธอมีค่าเกินคำที่ขับขาน และคำตอบสุดท้ายจากดวงมาน กี่วันวารเธอก็เป็นเช่นดวงใจ ขอให้ทางที่เธอเลือกก้าวเดิน อย่าขัดเขินขัดข้องและหมองไหม้ ไร้จากปวงอุปสรรคและพิษภัย สำเร็จได้อย่างมั่นคงตรงต่อทา
๑.กองเพลิงลุกโพลนไฟโชนแสง ถ่านแดงธุลีเถ้าสีขาว หนังสือเล่มเขื่องเล่าเรื่องราว เรื่องดาวพวยพุ่งจากโพ้นฟ้า หากได้แปดเศษดาวศักดิ์สิทธิ์ จะได้ดังจิตปรารถนา คนที่ลาลับจะกลับมา เป็นเรื่องปรำปราที่ว่าไว้ เป็นเรื่องที่เขาเคยเฝ้าอ่าน นิทานก่อนนอนอันอ่อนไหว วันเขาไม่กลับจากทัพไทย วันที่หัวใจเธออ้างว้าง คืนนี้ฝนหนาวลงกราวเกล็ด สาดเม็ดเป็นฝ้านอกหน้าต่าง แสงจันทร์กลางเดือนดูเลือนลาง นวลนางยืนเดี่ยวอย่างเดียวดาย ทะเลเหว่ว้าเวลาค่ำ หยาดน้ำตาหยดเปียกจดหมาย ส่งข่าวคนรักอาจจักตาย สูญหายพลัดหลงในสงคราม เธอมองม่านฝนที่หม่นมิด ชีวิตครอบงำด้วยคำถาม มากมายเท่าทุกข์ที่คุกคาม ในท่ามความมืดอันชืดชิน กองไฟไอฟืนไอชื้นจับ ไฟดับควันคงยังส่งกลิ่น ผีเสื้อโผผกแล้วตกดิน คราวิญญาณแตกลงแหลกลาญ . ๒. เธอจึงอ้อนวอนจันทร์กระนั้นหรือ กอดหนังสือเล่มเก่าที่เขาอ่าน ตราบฝนตกต้องตามฤดูกาล อธิษฐานต่อดาวทุกคราวคืน ยังเขียนรูปดอกไม้บนชายหาด แม้รูปอาจสลายด้วยพรายคลื่น ยังสุมใส่ไฟอุ่นด้วยดุ้นฟืน ฟังสะอื้นสายฝนอยู่คนเดียว ลูบละอองไอฝ้าที่หน้าต่าง อาจจะล้างใจร้าวผู้เปล่าเปลี่ยว โลกที่ไร้ยิ้มจากริมปากเรียว ย่อมบิดเบี้ยวไ
นี่หรือที่เขาเรียกกันว่า..รัก ในที่สุดฉันก็รู้จักกับมันจนได้ จากคน-คนหนึ่งซึ่งไม่เคยมีใคร แต่วันนี้ในหัวใจกลับมีอะไรๆ เข้ามา มันเป็นความรู้สึกแปลก-แปลก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเช่นนี้ ไม่มีอะไรนอกจากความรู้สึกดี-ดี ที่อยู่เต็มใจดวงนี้ทั้งใจ เริ่มแรกก็รู้สึกสับสนมันระคนกับความหวั่นไหว เธอไปไกลตาเมื่อไร..ก็รู้สึกห่วงใยขึ้นมาทันที ใคร-ใครจะรู้สึกแบบนี้กันบ้างไหม หรือเป็นเพราะหัวใจฉันยังไร้เดียงสา จึงไม่ค่อยเข้าใจความรักที่เธอมีให้มา แต่ขอบอกเธอตอนนี้เลยนะว่า.. ถึงหัวใจจะยังไร้เดียงสาแต่ว่า..ก็รักจริง
เหนื่อยกับรักที่มักทำให้เจ็บ อยากจะเก็บหัวใจให้หยุดนิ่ง เพื่อนหยุดรอกับคนใช่จริงจริง คนมีสิ่งเหมือนกันนั้นคือหัวใจ คนที่มีหัวใจเหมือนเหมือนกัน ขอคนนั้นเป็นเธอจะได้ไหม หัวใจฉันนั้นพร้อมเดินต่อไป ขอเพียงให้เป็นเธอเฝ้าชื่นชม แม้ปลายทางอาจไม่ได้ดังหวัง สิ่งที่ตั้งใจหมายต้องขื่นขม หัวใจบอกยอมทุกสิ่งไม่กลัวตรม ขอเพียงสมรักมั่นไปทุกวัน ที่ผ่านมาน้ำตาอาบสองแก้ม คอยแต่งแต้มหน้าหมองความโศกศัลย์ ด้วยกับสิ่งคล้ายรักเข้าผุกพัน ต้องกางกั้นคั่นใจได้แต่รอ
ระยะทาง--มันก็เป็นแค่มาตรา เวลา--ก็เป็นเพียงตัวบอกว่าทุกอย่างล่วงเลยไปแค่ไหน เธอไม่ต้องกลัวว่า เวลากับความไกล จะมาเปลี่ยนแปลงหัวใจที่ฉันมี ความรู้สึกมันอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลมากมายก็ไม่สามารถอธิบายคำพูดนี้ แต่ความรักที่ให้ไปคงพอทำให้เธอเข้าใจนะคนดี ระยะทาง เวลา นาที มีผลแค่ทำให้ความรู้สึกคน คนนี้ ยิ่งมั่นคง
คนคนมากคนคนคน มนุษย์คนเล่ห์กลสุดแสน หน้ากากมารยาพลิกแพลง สวมใส่เปลี่ยนแปลงมโนมัย คนไม่ผิดใส่ร้ายถูกกล่าวผิด เคราะห์พินิจคนผิดผิดหรือไม่ สูญค่าสิ้นศรัทธากำลังใจ รวนเรร่ำไรร้างลา จะมีไหมคนฟื้นคืนชีวิต ลบรอยล้างความผิดข้อกล่าวหา จะมีไหมใครบ้างสร้างศรัทธา หลังจากถูกตีตราหาว่าเลว
แม่ คือ เทวดาคุ้มครองลูก แม่ คือ ฟูกแสนอบอุ่น ยามลูกหลับ แม่ คือ ผู้มีคุณ สุดคณานับ แม่ คือ ผู้ดับ ไฟร้อนให้ลูกยา แม่ คือ พระพรหม เปี่ยมด้วยคุณธรรม แม่ คือ ผู้อุปถัมภ์ ช่วยรักษา แม่ คือ ครู สอนลูกให้ก้าวหน้า แม่ คือ ฟ้า ที่ป้องปก กก ลูกนอน แม่ คือ พระ ที่อยู่ประจำบ้าน แม่ คือ สะพาน ให้ลูกเดินตามคำสอน แม่ คือ บุพการี ที่ อาทร แม่ คือ พร อันมงคล ของลูกยา แม่ คือ กำลังใจ ให้ลูกรัก แม่ คือ ผู้ฟูมฟัก และ รักษา แม่ คือ ผ้าห่ม ยามลูกนี้ นิทรา แม่ คือ สุริยา ที่ยิ่งใหญ่ ไร้ใครเทียม
เมื่อคำดี มีค่าพ่อแม่สอน ครั้งเมื่อตอนเป็นเด็กน้อยด้อยศึกษา อย่าทำชั่ว ให้ทำดี ดีจะมา ส่งนำพาให้สุข อยู่ร่มเย็น ฉันเริ่มงง เห็นคนดี มีที่ไหน ทนอยู่ได้ กับความจน ที่ทนเห็น มองดูชั่ว ได้ดี จนอยากเป็น สิ่งที่เห็น คนทำดี มีน้อยลง เพราะสังคมเชิดชู คนรวยล้น จนยากจน ใครจะมอง ให้เทียมหงส์ เพราะสังคมขีดค่าเงิน ที่มั่นคง ความซื่อตรงจึงหาย เพราะเงินตรา การศึกษาสอนคนให้เก่งกาจ เด็กฉลาดชาติ จึงมากวาสนา มิได้เห็น ใคทำดี มีเงินตรา รวยกันมา เพราะคดโกง คงตามกัน ย้อนดูเด็ก ในอดีต นั้นดีหมด โตมาคดโกงกัน ปั้นเสกสรร เส้งทำดี เชิดชูค่าอย่างรู้กัน แต่คืนวันหวนคืน จึงได้ดู ขึ้นอยู่ว่า ใครมีอำนาจขณะนี้ ด้อยก็มี ไพรี ซ้ำน่าอดสู แท้ที่จริง เป็นไงก็รู้อยู่ อย่าเข้ารู้ อิเหนา เขาเป็นเอง แกล้งเปิดแผลคนอื่นดูเวอะวะ ดูเองหล่ะ น่าแขยง คนข่มเหง ว่าแต่เขา เรากลับมาเป็นเอง แล้วแอบเบ่ง ว่าตนดี กว่าทุกคน +++++++++++
มีบางอย่างถูกท่ายทอดจากตาเธอ ฉันดูออก ไม่ต้องปิดหรอกฉันก็พอรู้ เธอมีความลับบบางอย่างปิดบังเอาไว้ ไม่เปิดเผย เพราะอะไร รึเธอกลัวว่าฉันจะเสียใจ กับการกระทำของเธอ ไม่เข้าใจ....ฉันไม่เข้าใจเลย เพราะอะไรทำไมเวลาอยู่ด้วยกัน ถึงคอยหลบตาฉันเสมอ ราวกับว่าความลับที่เธอปิดเอาไว้มันใหญ่หลวง บอกได้ไหม...บอกฉันทีในสิ่งที่ฉันสมควรจะรู้ สิ่งที่เธอซ่อนไว้ในดวงตายามเธอหันมามองฉัน หากฉันมิสิทที่จะรู้ก็ช่วยบอก ได้โปรดอย่าปิดบังเอาไว้ เพราะฉันไม่เข้าใจ มันคืออะไรที่เธอต้องปิดบัง เธอเก็บมานานฉันก็รู้ ความอึดอัดและความไม่เข้าใจ มันพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ฉันไม่อยากจะมีปัญหา เพราะฉันรู้ว่าสุดท้ายทั้งเธอและฉันอาจเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ เพราะว่ารักถึงอยากจะรู้ เพราะว่ารักถึงอยากจะรับความจริง ในสิ่งที่เธอปิดบังเอาไว้ ไม่อยากให้เธอต้องลำบากใจ หากเลือกได้...ฉันอยากแบกรับมันไว้คนเดียว
สารสยามพากษ์พร้องปวงประชา เหล่าข้าพระบาทบาทาสยาม วิงวอนสยามเทวากระเดื่องนาม กำจัดพาลทุกข์ภัยในแผ่นดิน ให้แผ่นดินผืนนี้สงบสุข ให้คนทุกข์มลายหายไปสิ้น ให้โจรชั่วคิดแยกแผ่นธานินทร์ ให้มันสิ้นชีวันทุกคนไป ให้ผองภัยธรรมฃาติประดังสู่ อย่าได้สู่เดชาพระสยามฯ จงปกป้องพิพัฒ์ไทยให้เรืองนาม ให้ไทยยามเคราะห์มีหมดสิ้นไป
คนอวดผีอวดสางวางท่าก๋า ออกลีลายั่วเย้ากระเซ้าผี ผีงุนงงสงสัยในท่าที คนใจดีสู้สางพลางทักทาย คนแหย่ผีเย้าหยอกแสร้งหลอกล่อ ผีเอียงคอแคลงใจในจุดหมาย คนลบหลู่ผีทั่วไม่กลัวตาย ผีซ่อนกายหลบไว้ไม่เผยตน คนหลอกผีแกล้งหมิ่นถึงถิ่นที่ ทำภูตผีโกรธาตาถลน ผีเผยกายปรากฏสิ้นอดทน หลอนหลอกคนขวัญผวาแทบบ้าตาย คนเห็นผีหวาดกลัวจนตัวสั่น ผีเย้ยหยันหัวร่อตัวงอหงาย คนคือผีที่ยังไม่ถึงตาย ผีคือคนทอดกายนอนวายวาง คนหรือผีใครเห็นควรเผ่นหนี? หลายคดีคนร้ายอายผีสาง เจอผีร้ายอาจหนีมีหนทาง พบคนร้ายถึงวายวางร้างชีวา คนเจอผีในใจกลับไม่หวั่น หลอนทุกวันทุกคืนตื่นผวา หลอกให้รักให้ชังนั่งโศกา ยังร้ายกว่าผีตนใดในแผ่นดิน!...
๏ ทางสามแพร่ง ...บรรพ ๑๚ . สิทธิ์สตรี อยู่ที่ไหน ร่ำร้องไปในคำนึงถึงสหาย ในบางชาติแสนประหลาด เกิดเป็นชาย บางชาติย้ายมาเป็นหญิง.มิ่งขวัญตา.................๑ แม้นทุกชาติลับความรู้คู่เปรื่องปราด ทำไม่รู้เรื่องอำนาจหรือวาสนา จึงผ่านได้ โง่งม ขมอุรา มิเห็นค่าเช่นงมจมกระบือ.....................๒ แต่ละชาติเอื้ออำนวย ด้วยสิ่งสรรพ ต่อกรกับ สิ่งมัด ด้วยสัตย์ซื่อ เกิดแล้วตาย ตาย_เกิด_ใหม่..ใจฝึกปรือ มั่นยึดถือ ปัญญา..เป็นค่าตน..............๓ .... ทิกิ ``*:-.ฤา,_,.-:*``ฝันนั้น*:-.,_,.-:*``มิใช่สิทธิ์ *:-.,_,.-:*``*:-ของฉัน ? ,.-: *``*:-.,_,.-::-.,_,.-:*``*:- ถามตัวเองเมื่อเช้าว่ากล้าพอหรือยัง เข้มแข็งพอหรือยัง ...โดดเดี่ยวตัวเองมานานพอหรือยัง... พอ ..มาก.. ต้องทำตัวเข้มแข็งฉะนี้ มานานขนาดไหน...นานจนไม่รู้ว่า ความสุขในโลกนี้ เป็นฉันใดอย่างไรเล่า.... จารจากใจ เมื่อ ๑๕:๒๐ นาฬิกา ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๓ วันพฤหัส วันครู วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
หลายต่อหลายหนที่เธอไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด แต่อย่างไรก็ยังมองเธออย่างมิตรอยู่เสมอ หลายต่อหลายหน..ที่ทำให้ฉันเจ็บช้ำพร่ำละเมอ หลายต่อหลายเพ้อ ที่ถูกเหยียบย่ำและซ้ำเติมเป็นประจำ แต่ก็ยังรัก ถามว่าทำไมไม่หักใจไปจากที่เคยถลำ ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงเจ็บแล้วไม่รู้จักรู้จำ รักเหลือเกิน จนมองข้ามรอยช้ำที่เกิดจากเธอ ก็รักมากรักมายอย่างนี้ จะกี่วันกี่ปี..ก็ยังรักเสมอ เจ็บและร้าวสักกี่หนที่พบที่เจอ ยังไม่สามารถทิ้งเธอไปจากใจ รัก เกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษร รัก เกินกว่าจะออดอ้อนด้วยถ้อยคำไหน .. ไหน รัก เกินกว่าจะยอมเสียเธอให้กับใคร รักเธอเสมอ..ตราบลมหายใจยังไม่สิ้นลม
ปีเอ๋ย.....ปีใหม่ ขอมอบความห่วงใยให้แก่ท่าน ขอให้มีความสุขทุกคืนวัน ชั่วนิรันดร์มอบรักด้วยภักดี ถึงปีใหม่ก็เริ่มสิ่งใหม่ๆ ทุกข์เก่าๆทิ้งมันหันหลังหนี มาพบสุขกับทุกสิ่งที่ท่านมี ตลอดปีนี้หนาอย่าอาลัย ขอทิ้งท้ายด้วยกวีที่หวานซึ้ง ให้นึกถึงคนคนนี้หน่อยได้ไหม ก็ไม่รู้จะมอบด้วยสิ่งใด จึงขอให้ท่านสุขใจ.....ปีใหม่เอย สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ไม่ได้โกรธที่เธอบอกเลิกกัน แต่ช่วยตอบคำถามสักคำจากฉันได้ไหม ว่าคนใหม่ที่เธอให้ใจไป คงไม่ใช่คนที่เค้าเป็นเพื่อนฉันใช่ไหมเธอ คงไม่เสียใจขนาดนี้ ถ้าคนที่ใจเธอมีไม่ใช่เขา เพิ่งรู้ว่าคนที่คอยจ้องเผาเรือนเรา ก็คือเขาที่เป็นเพื่อนกันมา เธอบอกว่ารักเขา ที่ทนคบเราแค่ฝืนใจเฉยๆ ความจริงคือเธอไม่เคยรักกันเลย นี่คือคำเฉลยของพวกเธอ ขอบใจนะเพื่อนรัก ที่กล้าหักหลังฉันได้อย่างนี้ ไม่เคืองไม่แค้นก็เธอแสนดี กล้าแย่งแฟนเพื่อนอย่างนี้เพื่อนประสาอะไร ทีหน้าทีหลัง อยากได้ก็พูดให้ฟังดีๆก็ได้ เมื่อถึงวันนั้นฉันจะได้ไม่เสียใจ และจะได้ฝากใจเขาให้เธอดูแลดีๆ เสียใจอยู่เหมือนกัน ที่เพื่อนกับแฟนมาแทงข้างหลังกันแบบนี้ อยากคบกับเค้าน่าจะมาขอเราดีๆ ที่มาทำกันแบบนี้มันแค้นใจ เมื่อเธอเองก็เพื่อนฉัน เห็นเธอเข้ากันกับเขาได้ก็ดีใจด้วย ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะเฮงซวย ขอจากลาเธอด้วยคำอวยพร ขอให้รักกันให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามีใครถูกแทงข้างหลังเหมือนฉันในวันนี้ ขอบใจที่สอนให้มองโลกในแง่มุมไม่ดี ขอบใจที่สอนให้รู้ว่าในโลกนี้ไม่มีความจริงใจ