8 มิถุนายน 2546 17:29 น.
ใบบอนแก้ว
...ขอน้อมอภิวันท์ วางจิตนั้นบวงสรวง สู่ปวงเทวฤทธิ์
ล้อมทิศสิ่งภัยพาล พ้นผ่านดั่งใจหมาย หมดร้ายในสิ่งทำ
ที่ล้ำจงเกิดผล เผื่อชนที่ยลเห็น ให้เป็นตามแรงขวัญ
ของกำนัลแห่งข้า ขอวันทาเหนือหัว หันหน้าทั่วทิศา
สักการะพระพุทธ พิสุทธิ์คำสั่งสอน สอดซ้อนนบพระธรรม
ที่ชี้นำหลุดพ้น พาชนพ้นเวียนว่าย วุ่นวายในตัญหา
ห่างค่ากิเลสชั่ว ชี้ตัวอกุศล สิ่งสับสนหาญอาจ
อภิวาทพระสงฆ์ ซึ่งดำรงคำสอน สร้างสังวรณ์ในธรรม
ที่นำทางชีวิต ว่าถูกผิดเพียงไหน หนึ่งคือใจศรัทธา
ที่คอยหาสิ่งสุข สิ้นทุกข์จากโรคภัย ผองพาลใดแคล้วคลาด
ขออภิวาทแม่พ่อ ผู้ก่อเกิดตัวฉัน เฉกท่านปั้นคอยเติม
ต่อเพิ่มชีวิตน้อย นั้นคล้อยจนเติบใหญ่ ยิ่งล้นในความรัก
รู้ตระหนักบุญคุณ คอยค้ำจุนกายา ยากจักหาใครเท่า
ที่เลี้ยงเรานานปี เปรียบท่านนี้ร่มไทร ที่ให้ฉันพักพิง
เพื่อสิ่งเดียวสืบสาน สืบสันดานตระกูล ก่อเพิ่มพูนความดี
ดั่งเป็นที่ต้องการ ก่อนท่านจะสิ้นลม แล้วประนมมือใหม่
เมื่อไหว้อาจารย์ครู ครั้งเรียนรู้วิชา ชี้ตำราเลี้ยงกาย
ก่อเกิดหลายอาชีพ ช่วยถีบส่งโง่เขลา ของตัวเราพ้นไป
ประกอบใช้ช่วยตน ตั้งต้นในความดี ดุจราศีสั่งสม
สังคมน้อมต้อนรับ ร้อยกรองนับครั้งนี้ นั้นฉันมีมุ่งหมาย
เหมือนระบายรักษา ส่อเจตนาสืบสาน ส่งผ่านทางโคลงกาพย์
กลอนฉันท์ฉาบร่ายปน เป็นกลบ้างในที ท่านผู้มีความรู้
เรียนท่านอยู่สักหน่อย หนออย่าปล่อยยลยิน อย่าติฉินถ้อยความ
ควรติดตามต่อถ้อย ทางหนึ่งเพียงเล็กน้อย หน่อเนื้อคนไทย เถิดนา...
7 มิถุนายน 2546 22:36 น.
ใบบอนแก้ว
...อย่าตัดพ้อต่อว่าเมื่อคราห่าง
ไม่แรมร้างลืมไปคิดไขว้เขว
ควรยึดมั่นกันป่วนเกิดรวนเร
การคะเนคาดผ่านจะรานใจ
คอยตระหนักสักหน่อยแล้วค่อยว่า
วันเวลาผ่านผันหรือหวั่นไหว
ลองมองนึกตรึกตรองแล้วมองไป
เป็นจริงไหมที่เห็นเรื่องเป็นมา
นึกสักนิดคิดนึกลึกลึกเถิด
เล่ห์ร้างเกิดหันเหเสน่หา
นั่นเพราะใจไม่มั่นนะขวัญตา
ใช่เพราะว่าเปลี่ยนไปเมื่อไกลกัน
น่าเข้าใจในคราที่ลาห่าง
ทุกหนทางมีทุกข์และสุขสันต์
ถึงครั้งนี้ที่พึ่งในหนึ่งวัน
คือคงมั่นสัตย์ซื่อลืมหรือไร
ลองนึกย้อนก่อนน้องจะหมองหม่น
ที่สองคนเรานี้อยู่ที่ไหน
เริ่มรู้จักรักเพิ่มต่อเติมใจ
นานเท่าไหร่ที่ผ่านนะกานดา
จึงขอพ้อต่อถึงใครซึ่งห่วง
ฉันเฝ้าหวงผูกพันกระสันหา
นับวันชื่นคืนรับการกลับมา
คำต่อว่าเลิกทำขอพร่ำวอน...
....บังคับพิเศษ....-ซ้ำเสียงสระในคำที่ 1,5,7