20 มีนาคม 2550 20:09 น.
ใบคาน
ฉันพยายามรักษา ค่ารักไว้
ให้ตราตรึง ตราใจ ในรักนั้น
ยอมเสียสัตย์ บัดสี เพื่อมีกัน
ต้องกัดฟัน ประคอง สองเรามา
เธอก็ยอมเสียหน้า เพื่อค่ารัก
ทนจมปรักหนักข้อ ครหา
ยอมเป็นคน ที่สาม ตามน้ำตา
เพื่อบูชา คำรัก ประจักษ์ใจ
คอยประคองสองเรา ให้เข้าที่
เจ็บทุกที ที่เรา ไม่เอาไหน
รักเปราะบาง อย่างเรา เอาอย่างไร
พออ่อนไหว นิดหน่อย ก็คล้อยตาม
ทนหกล้มก้มคลานมานานนัก
จนเห็นรัก เห็นใจ ไม่เหยียดหยาม
ลิ้นกับฟัน ธรรมดา ไม่หาความ
พอลุกลาม เราก็ ง้อกันลง
แต่รักเรา ผ่านมา มีค่าแฝง
มีกำแพงบางอย่าง ขวางให้หลง
เธอเหมือนรัก แต่ใจ ไม่พะวงค์
เหมือนกับงง คุณค่า ไม่อาวรณ์
ถามว่ารัก ตอบได้ ใช่เธอรัก
แต่ถ้างาน หนักหนัก ทิ้งรักก่อน
ถ้ามีมิตร ติดมาก ก็จากจร
ไม่เดือดร้อน ไม่โทรหา หายหน้าไป
ไม่ยอมตอบคำถาม ยามหมิ่นเหม่
เหมือนเป็นคน เจ้าเล่ห์ เกวให้ไหว
ถามว่ากินข้าว ลับลับ นั่งกับใคร
ตอบไม่ได้ ทำไม ไม่อธิบาย
เถอะถึงจะอยู่ กับมือที่สาม
ตอบคำถาม ก่อนใหม จะได้หาย
นี่โทรใหม่ไม่รับ เหมือนกลับกลาย
ไม่ให้ชายเข้าใจผิด หมดสิทธิ์เธอ
คนอย่างเธอ มีหรือหลีก ปลีกไม่ได้
ขอแค่มา คุยสาย ให้หายเพ้อ
ฉันเป็นแฟน "เป็นแฟน" แค้นจริงเออ
ถ้าเป็นหมา มาเสนอ เออไม่ว่า
จะเลิกกันทำไม ไม่บอกกัน
ทำลึกลับ อย่างนั้น มันหมดค่า
ดูถูกฉัน เหมือนชาย ไร้ราคา
ผิดหวังกับ กาลเวลา รักษาเรา
มีอะไรกันหนักหนา
คนรักกัน ปีกว่า ไร้ค่าเปล่า
ต้องปิดบัง ไม่ได้น่ะ จะตายเอา
มันสำคัญ ไม่เบา เท่านั้นเชียว
เธอก็เป็นเสียอย่างนี้ ที่ไม่แคร์
ฉันยอมรับว่าแย่ แลหลายเที่ยว
คงหมดใจ ใฝ่รอ เพียงข้อเดียว
ขอเด็ดเดี่ยว แค่นี้ จบทีเธอ
จะได้ไม่ต้องโทรหา เป็นบ้าหลัง
ไม่ต้องคอยระวัง เธอพลั้งเผลอ
ได้ไม่ต้องคอยแคร์ แม้ไม่เจอ
ปล่อยเถิดใจ อย่าเพ้อ ละเมอลวง
ที่เขียนกลอนมากข้อ ขอระบาย
มันแน่น อก ลูกผู้ชาย จนหายห่วง
คงไม่ฟังเธออีกแล้ว แม่แก้วกรวง
และไม่ถ่วงเธอไว้...ละอายใจ
17 มีนาคม 2550 14:07 น.
ใบคาน
ยินดีสุดชีวิต...บัณฑิตใหม่
ความภูมิใจ ที่ผ่าน การเคี่ยวเข็ญ
มาถึงจุดจุดหนึ่ง ซึ่งยากเย็น
กว่าได้เป็น บัณฑิต ชีวิตเรา
ความภูมิใจ ไม่รอ เดี๋ยวก็ผ่าน
รับปริญญา ไม่นาน เป็นกาลเก่า
จะซาบซึ้งตรึงตรา ใขว่คว้าเอา
อย่าคาดเดา ว่าได้ ถ้าไม่เดิน
ความภูมิใจวันนี้ เป็นที่ตั้ง
เติมพลัง ไปต่อ ขอสรรเสริญ
ให้ตั้งมั่นไขว่าคว้า อย่าหลงเพลิน
บัณฑิตเกิน เตะฝุ่นกันวุ่นไป
ขอให้รู้คุณค่า ว่าบัณฑิต
สร้างชีวิต ความดี ที่ยิ่งใหญ่
เป็นบัณฑิต บรรลือ หรือบรรลัย!
อยู่ที่บัณฑิต คิดอย่างไร .......
หรือไม่จริง?
11 มีนาคม 2550 20:02 น.
ใบคาน
บอกตรงตรง ไม่อยาก จะมากเรื่อง
ไม่อยากเคือง แต่ว่า หน้าไม่ด้าน
อยากไปบอก หรอกว่า อย่าทรมาน
ไม่ต้องการ พาลเห็น เป็นเพื่อนกัน
แต่ไม่กล้า หน้าด้าน คร้านไปบอก
กลัวเธอว่า "รู้หรอก" อย่าบอกฉัน
กลัวเลวร้าย กว่าเก่า เข้าทางตัน
กลับไม่มอง หน้าหวั่น ไปกันใหญ่
จะเงียบหงอย ห่างหายก็ไม่ว่า
แต่อย่าทำ เหนือกว่า มาพาลใส่
จะเลิกลา ก็แบ่ง ตำแหน่งใจ
เลิกกันไป แต่ว่า อย่าโกรธเคือง
แยกให้ออก เรื่องใจ ไม่ใช่เพื่อน
แค่เตือนเตือน เธอหน่อย อย่าปล่อยเรื่อง
ถึงโกรธขึ้ง ทนหน่อย อย่าหรอยเปลือง
หรอยต่อเนื่อง หมดเมื่อไร ได้รู้กัน !
11 มีนาคม 2550 17:47 น.
ใบคาน
เขาขยับแว่น ก้มหน้า อีกคราหนึ่ง
เพ่งประโยค โลกซึ้ง ซึ่งซึ่งหน้า
ว่าค่าคน วันนี้ ตีราคา
เอาเงินตราซื้อได้ ขายกันกิน
วิทยานิพนธ์ "คนเมืองใหม่"
ยังตั้งใจ เขียนเกร็ด ให้เสร็จสิ้น
แต่เนื้อหา คาค้าง อย่างชาชิน
จะเอื้อมฟ้า หาดิน ก็เดิมเดิม
ณ ตรอกลึก ผลึกเมืองที่เฟื้องฟุ้ง
ซ่อนเหลือบยุง แฝงกาย กระหายเพิ่ม
เสียงดนตรี ไฟสวย ช่วยแต่งเติม
ให้หึกเหิม ความใคร่ ใต้ไฟฟอน
ณ ตรอกลึก ถัดไป ไม่มีแสง
คุดคู้แคง ข้างกาย ไร้ผ้าผ่อน
ปล่อยเหลือบยุง พุงใหญ่ เข้าใชชอน
ตะลุมบอน หวีดหวือ อดสูใจ
ระหว่างตรอก คอกกั้น คันคอนกรีต
รอยจารีต ขีดคั่น ไปกันใหญ่
แบ่งไฮโซ สลัม แบ่งกำไร
จนตีตรา ค่าไทย ใต้เงินทอง
วิทยานิพนธ์ "คนเมืองใหม่"
จะมีแง่ มุมใด ให้สอดส่อง
จะหาค่า ตรงไหน ให้ใจมอง
ให้สอดคล้อง ต้องจิต วิทยาฯ
กระชับแว่น แน่นหน้า อีกคราหนึ่ง
เปลี่ยนประโยค โลกครึ่ง ซึ่งง่ายกว่า
"คนเมืองใหม่" เขียนไม่ได้ หมดศรัทธา
จดปากกา หมึกข้น "คนเมืองลวง" !
10 มีนาคม 2550 17:11 น.
ใบคาน
มานับหนึ่ง กันใหม่ เถิดใจเอ๋ย
ที่ล่วงเลย ลืมลา อย่ากลับหลัง
ตั้งต้นใหม่ จากนี้ มีระวัง
ไม่พลาดพลั้ง เผลอรัก ให้หนักใจ
จะเจียมตน ทนใจ ไม่เผลออีก
ขอเดินหลีก คำรัก ไม่ฝักใฝ่
จะไม่เจ็บ ไม่ช้ำ กับคำใคร
ขอลาไกล ไอรัก ไม่ภักดี
พอแล้วใจ ด้านชา สุดสาหัส
ขอผูกมัด ใจขลาด แค่ชาตินี้
จงพอใจ ของหนึ่ง ที่พึงมี
ทำเท่าที่ ทำได้ "ให้" ให้พอ
มานับหนึ่งกันใหม่ อย่าไปรั้ง
ที่ผ่ายพัง ผ่านไป อย่าได้ง้อ
เดี๋ยวซ้ำร้อย รอยล้า น้ำตาคลอ
ไม่ไปต่อ ขอละน่ะ...เจ้าพระคู้น!