25 พฤศจิกายน 2547 09:47 น.
ใจพเนจร
คนมากมาย...ได้ถอดวางชีวิตไว้บนโลกอย่างไร้ความฝัน ทว่าบางคนกลับถอดวางความฝันไว้บนโลกอย่างไร้ชีวิต หากเช่นนั้นจะมีชีวิตอยู่เพื่อการณ์อันใด ไฉนเลยพวกเขาถึงไม่ถอดวางความฝันของตนพร้อมกับการมีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่าเล่า
25 พฤศจิกายน 2547 09:40 น.
ใจพเนจร
เพราะเราเจอกันบนทาง...อันแสนเปลี่ยว
บอกเล่าเรื่องราวต่อกัน...กินข้าวหม้อเดียวกัน
หัวเราะด้วยกัน...ท้อแท้ด้วยกัน....ปลุกปลอบให้ความหวังแก่กัน
เราเพิ่งพูดคุยกันถึงแผนการณ์ในวาระหน้า
เรื่องการเดินทางและถ่ายภาพ
เรื่องกล้องและภาพเขียน
เธอบอกว่า ฉันคงเดินทางแบบลุย ๆ อย่างเก่าไม่ได้แล้ว
ฉันบอกว่า ไม่เป็นไร..ฉันจะบอกเล่าเส้นทางนั้นแก่เธอเอง
เธอบอกเล่าเรื่องราวแก่ฉันขณะที่เธอนั่งอยู่บนเตียงคนไข้
เพราะเราเจอกัน......บนเส้นทางที่แสนเปลี่ยว
เธอจึงจากลาโดยมิได้บอกกล่าวให้ฉันเสียใจ
ทั้งที่เราเคยเทียวทางมาด้วยกัน
บอกเล่าเรื่องราวต่อกัน
หัวเราะด้วยกัน
บัดนี้....คงมีเส้นทางแห่งความท้อแท้ของฉันและผองเพื่อน แ ผ่ ว..โ ร ย
ขออำนวยพรแห่งโลกศิลปและการเดินทางในครรภ์แห่งธรรมชาติ(ที่เธอชื่นชม)
แด่เพื่อน...สู่สัมปรายภพอันสว่างไสว และเป็นสุข
แม้เราจะไม่ได้พูดคุยกัน เดินทางด้วยกัน กระทั่งหัวเราะด้วยกันอีกแล้ว
ฉันจะรำลึกถึงเธอ....เขียนถึงเธอ บอกเล่าเรื่องราวของเธอ
เพื่อนักเดินทางรุ่นต่อไป จะได้ซึมซับรูปแบบความเป็น คนดี ของเธอ
จากนี้..และตลอดไป
24 พฤศจิกายน 2547 08:44 น.
ใจพเนจร
มันเริ่มจากสิ่งๆเดียว
ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม
มันไม่สำคัญว่ายากแค่ไหน
ที่พยายามเก็บมันไว้ในใจ
ฉันไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
ที่จะอธิบายในเวลาที่สมควร
เท่าที่ฉันรู้ [ เท่าที่ฉันรู้ ]
เวลาเป็นสิ่งมีค่า
เฝ้าดูมันโบยบินไปเหมือนลูกตุ้มที่แกว่งไกว
คอยดูมันนับถอยหลังไปจนถึงวันสุดท้าย
นาฬิกาเดินไปชีวิตก็ใกล้จบสิ้น
มันช่างลวงตา [ มันช่างลวงตา ]
ไม่ได้ระวังวันข้างหน้า
ปล่อยให้เวลาผ่านไป
ลองหยุดและไม่รับรู้เรื่องใด
เสียเวลาทั้งหมดไป เพียงเพื่อดูเธอลาจาก
ฉันเก็บทุกอย่างไว้ข้างใน แม้จะเหนื่อยเพียงใด
ทุกสิ่งแตกสลาย
สุดท้าย มันจะมีความหมายอะไรกับฉัน
เป็นเพียงแค่ความทรงจำตอนที่ฉันเหนื่อยเหลือเกิน