22 พฤษภาคม 2545 20:18 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
โคลงตรีพิธพรรณ
คำโคลงรจน์ที่นี้ ปกรณ์
จักกล่าวตอนแสร้งเสก เรียงร้อย
บุราณท่านแยกกลอน กาพย์นั่น โคลงนา
แลนี่ตรีพิธพรรณถ้อย แต่งด้วยโบราณ
ท่านมองผิวเผินด้วย ธรรมดา
เหมือนดั่งอาจารย์สอน สร้างไว้
โคลงสี่สุภาพนา ตัวอย่าง นั้นแล
บังคับเอกโทไซร้ จึ่งต้อง ดุจกัน
พลันพิจารณ์กลร้อย เรียงเฮย
บาทสองเปรยคำสาม นั่นได้
หากลองแต่งแต้มเคย คงไม่ ยากเย็น
ผิว์เพียรพากไซร้ ไม่ช้า ชำนาญ
22 พฤษภาคม 2545 20:09 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ปางทวยวราเทพ พระเคราะห์อัฐพิสัย
เสด็จโดยวิถีใด ปะทะทับและทันกัน
เมื่อมิตรก็ชอบชื่น บ่มิโทษแถลงทัณฑ์
ปางเป็นศัตรูสรร- พอุบาทว์อุบัติเข็ญ
ท่านโหรก็เพ่งพิศ กระจ่างจิตวิจารณ์เห็น
แห่งพวกพระเคราะห์เป็น และหมู่มิตรอริมา
ถูกทับพระเคราะห์ใด สุกข์แลทุกข์จักกรีฑา
คุณโทษท่านพยา- กรณ์ตามฉบับบรรพ์
22 พฤษภาคม 2545 19:59 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
กาพย์ยานี๑๑
สัตว์โลกก็ย่อมเป็น อุบัติเข็ญไปตามกรรม
จิตดีสิน้อมนำ ร้อยฉนำอายุยืน
จิตทรามแลชั่วช้า บาปก็พามนขื่น
สร้างสมให้ยั่งยืน แห่งกุศลจิตดี
ธรรมใดในโลกา พระพุทธารัตน์มณี
ขจัดซึ่ง ณ ไพรี กิเลสราญพินาศไป
มรรคมีซึ่งองค์แปด ประหนึ่งแวดล้อมพิไล
ด้วยหมู่พระจอมตรัย แสดงไว้ซึ่งธรรมา
เสื่อมลาภแลเสื่อมยศ จักปรากฏเป็นลวงตา
พิจารณ์อนัตตา เนตรจักแช่มจักช่ำชอง
ยามใดสิท้อแท้ ริปูแปรเหนือครรลอง
พิศเพ่งเล็งแลมอง ณ หลักธรรมประจำใจ
จักเป็นซึ่งทางแก้ อริแพ้สว่างใน
แลโลกจักสดใส อีกสักครั้งจงฟังคำ
กราบก้มบรมสุคต พระปรากฎตรัสพระธรรม
สัตว์โลกได้น้อมนำ ปฏิบัติขจัดพาล
บูชิตด้วยจอมเศียร จักพากเพียรแม้นกัปล์กาล
วนเวียนซึ่งสังสาร จวบนิพพานประจักเทอญ........
21 พฤษภาคม 2545 16:53 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ระวีร้างห่างพ้นเมฆา ล่วงเข้าเดือนพฤษภา
ฝนก็พร่างก็พรมพฤษพราย
ยามนี้คุรุเพศฉันใด กาลเกินเนิ่นไซร้
มิได้ร่วมเรียงเคียงขับขาน
ขอคุณพระรัตนาจารย์ อีกเทพไท้เทวัญ
ป้องปัดระบัดหมู่บีฑา
จวบจนได้พบสบเพลา เพียงไร้โรคา
ขจัดอุปัทว์อันตราย
ขอจุ่งสำเร็จสมหทัย ณ กาลใดใด
อย่าเกินสามรรถพระองค์
หวังเพียงพระอวตารลง จุติโดยจง
โปรดศิษย์อีกสักครา
หากเป็นดั่งถ้อยร้อยหา คงแช่มชื่นวิญญา
พิสุทธิ์พิเศษสราญ
21 พฤษภาคม 2545 16:44 น.
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
แสนจะโศกวิโยคเย้าเศ้รากำสรด
น้ำตาหยดหลั่งรินทุกถิ่นฐาน
พร่าพร่างพรายปรายละอองดั่งทองธาร
หทัยช้ำกล้ำมานานพานหลับใหล
จักพักผ่อนอาวรณ์สิ้น ณ ถิ่นนี้
เพลาที่ชีพีส่องครรลองไสว
ลดลงแล้วเลือนลางเหมือนร้างไกล
ต้องก้าวเดินเพียงใดจักถึงฝัน
ชลเนตรหลั่งรดจรดลงแก้ม
ดั่งทาแต้มแกมสีที่เสกสรรค์
ฝนก็ปรายใจก็เดียวเปลี่ยวคืนวัน
ไม่มีใครจักเห็นฉันเสียน้ำตา
หนาวให้เหน็บเจ็บเนือ้เถือกระดูก
ชะตาผูกโยงยัดระบัดหา
แต่ผิดหวังนั่งเศร้าร้าวอุรา
ฝนหลั่งพาหลั่งน้ำเนตรเช่นทุกคราว