27 กรกฎาคม 2552 08:50 น.
โอ้ละหนอ
เดือนเสี้ยวเกี่ยวกิ่งฟ้าเวลาตรู่
เจ้าหรุบรู่อยู่เดียวดายที่ปลายฟ้า
อัสดงจะทรงกลดลดเลี้ยวมา
ถึงเวลาเดือนเสี้ยวจะะเดียวดาย
ซ่อนดวงดายอยู่ใต้อาทิตย์ฉาน
รอเวลารัตติกาลจะฉานฉาย
อวดโฉมเดือนดาวน้อยกระพริบพราย
เดือนเสี้ยวกรายที่ขอบฟ้าเพลาพลบ
21 กรกฎาคม 2552 13:46 น.
โอ้ละหนอ
ยี่สิบแปดกรกฎาปีห้าหนึ่ง
เป็นวันซึ่งเตี่ยนั้นดับขันธ์สลาย
คืนไปหมดทั้งสิ้นดินน้ำลมไฟ
เตี่ยเหลือไว้เพียงชื่อแซ่แลตระกูล
จะครบรอบหนึ่งปีที่เตี่ยจาก
ก็พลัดพรากจากเพียงกายที่หายสูญ
เตี่ยยังคงสถิตย์ในใจพร้อมมูล
และยังพูนเพิ่มทวีที่ดวงใจ
จากนิรันดร์สู่นิรันดร์อนันตกาล
ขอเตี่ยสู่พระนิพพานอันผ่องใส
บุญกุศลที่เตี่ยทำไว้อันใด
เกื้อหนุนให้สู่สวรรค์ชั้นนิพพาน
21 กรกฎาคม 2552 09:17 น.
โอ้ละหนอ
อยากเขียนกลอนรักรักสักกลอนหนึ่ง
ก็เขียนได้ไม่ถึงครึ่งซึ่งรู้สึก
อยากจะเขียนเขียนไม่ได้ได้แต่นึก
ความรู้สึกมันตกผลึกไปลึกนัก
เป็นคราบกรุคราบเกลือเหลือแต่คราบ
ไม่แปลบปลาบดาบไม่คมไม่สมศักดิ์
ไม่เหลือแววนักเลงกลอนนอนเปล่าให้เศร้านัก
อกจะหักเขียนกลอนรักเขียนไม่เป็น
20 กรกฎาคม 2552 12:59 น.
โอ้ละหนอ
โปรดอย่าถามฉันเลยว่าเคยเจ็บ
เคยหนาวเหน็บเจ็บร้าวสักเท่าไหน
โปรดอย่าบอกว่าเธอนั้นเข้าใจ
วันเวลาผ่านไปไม่หวนคืน
ผ่านไปแล้วหลายสิบปีที่เหน็บหนาว
วันคืนร้าวรานใจให้ขมขื่น
ทุรายร้อนเรื้อรุ่มดั่งสุมฟืน
ระอุอื่นระอุ่นไอไฟสุมทรวง
ยังกรุ่นกรุ่นระอุ่นไอในใจช้ำ
สิบกว่าปียังตอกย้ำยังห่วงหวง
ลมหายใจใยยังคอยนั่งทวง
สัญญาลวงสัญญาหลอกตอกย้ำใจ
จะทุรนทุรายไปถึงไหนหนอ
รักเกินพอจึงเป็นเช่นบ้าใบ้
อนิจจาให้หนาวเหน็บเจ็บปวดใจ
ที่ถูกไฟรักสุมทรวงติดบ่วงแร้ว
จะสลัดให้หลุดนั้นหยุดคิด
เพราะยึดติดจิตมั่นอยู่นั่นแล้ว
ก็เอาเถิดรักนิรันดร์ฉันท์เพริศแพรว
ติดบ่วงแร้วบ่วงสวาทอนาถใจ
10 กรกฎาคม 2552 20:23 น.
โอ้ละหนอ
พระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน.............
เป็นวจีที่แสนสั้นแต่สั่นไหว
เป็นพลังเป็นแรงแห่งดวงใจ
เพื่อไม่ให้ท้อถอยคอยชะตา
ถึงเวลาก็มาทำหน้าที่
ไม่เคยมีวันใดให้คอยท่า
พอเช้ามืดก็มาตรงเวลา
ฝนร้อนหนาวก็ไม่ช้ามาทุกวัน
ทำชีวีเฉกเช่นตะวันรุ่ง
มีวันพรุ่งรุ่งแรงแสงเฉิดฉัน
จะมิเสียชาติเกิดกำเนิดกัน
ใช้ชีวันให้คุ้มเถิดเกิดเป็นคน