30 สิงหาคม 2550 09:55 น.
โอ้ละหนอ
คู่ชีวิต.......และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
ไม่ว่าเรื่องชีวิต,ความเป็นอยู่ หรือเรื่องหัวใจ
เราต่างฝ่ายต่างมีอิสระเสรีที่จะทำได้ตามใจตน
คู่ชีวิต........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
เราต่างเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันไป
จนทำให้ผู้คนฉงนสนเท่ห์นัก
คู่ชีวิต.........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
เราร่วมชีวิตกันมายี่สิบปีแล้วไง
แปลกไหมที่เรายังรักกันเหมือนกับวันแรกรัก
คู่ชีวิต.........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
ไม่ว่าวันแรกหรือวันสุดท้ายของลมหายใจ
เราก็ยังรักกันและกันได้ใน.......เสรี
คู่ชีวิต.........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะเข้าใจ
ว่าวิถีชีวิตที่เรามีร่วมกันนั้นไซร้เป็นฉันใดกัน
คู่ชีวิต..........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
เราไม่สัญญาว่าจะรักกันจนวันตาย
แต่ตราบที่ยังมีลมหายใจ
เราจะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน
คู่ชีวิต.........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
เราไม่ปรารถนาจะให้อีกฝ่ายต้องมาทำตามใจ
เพราะเราไม่ได้เรียกร้องจากกันและกัน
คู่ชีวิต........และ ฉัน
เราต่างไม่ผูก-พันธนาการกันไว้ ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ
เราต่างก็มีความสุขเต็มเปี่ยมล้นดวงใจ
ในชีวิตหนึ่งของเราที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
29 สิงหาคม 2550 13:55 น.
โอ้ละหนอ
ไม่ตัดพ้อต่อว่าพี่ยาแล้ว
ไม่เหลือแววเยื่อใยความใหลหลง
ยอมให้เชือดเลือดเนื้อเพื่อปลดปลง
ยอมม้วยลงให้ชืพลับดับสิ้นไป
ให้ได้รู้ดูหัวใจเมื่อไร้ค่า
ไม่ต้องมาทนระกำช้ำหม่นไหม้
ให้เธอเชือดเลือดเนื้อเถือหัวใจ
ขาดใจไปเพื่อไม่อยู่อย่างผู้แพ้
29 สิงหาคม 2550 07:44 น.
โอ้ละหนอ
นับจากจุด ๆ หนึ่งของกาลเวลา
ยังคิดว่ามีอะไรหลงเหลืออีกไหม
เหลือเพียงร่างที่ไร้หัวใจ
สิ้นไร้นับแต่ในจุดนั้น
ใครเล่าจะเข้าใจ
ใครเล่าจะเข้าใจฉัน
ใครจะรู้ว่าฉันอยู่ไปเพียงวัน ๆ
ตัวฉันนั้น..........ไร้กาลเวลา
ในความมีชีวิต
ชีวิตช่างดูไร้ค่า
ในช่วงของกาลเวลา
เธอฆ่าฉันอย่างเลือดเย็น
เธอผู้ไม่มีหัวใจ
เธอผู้ไร้สายตาจะมองเห็น
ความจริงในชีวิตที่ควรเป็น
เธอกลับมองไม่เห็นอะไร
ละทิ้งฉันไว้ในที่เปลี่ยว
โดดเดี่ยวจะเหลียวไปไหน
อ้างว้างเดียวดายร้าวใจ
สิ้นไร้ในกาลเวลา
ฉันจะค้นหาสิ่งที่ขาดหาย
เติมที่ว่างว้างวายอย่างไรหนา
นับจากจุด ๆ หนึ่งของกาลเวลา
ฉันทำชีวาขาดหายไป
จากจุด ๆ นั้นถึงจุด ๆ นี้
ชีวียังคงว้างไหว
ร่างนี้ยังคงไร้หัวใจ
เวิ้งว้างว่างไหวในกาลเวลา
27 สิงหาคม 2550 10:52 น.
โอ้ละหนอ
ชีวิต......มีค่า
เกินกว่าจะมาเสียเวลา
คร่ำครวญหาสิ่งที่ล่วงเลย
เมื่อวาน.....ผ่านไปไม่หวนกลับ
หากหัวใจจะยับเยินเกินเปิดเผย
ก็จงบอกตัวเองว่า ....ไม่เป็นไรเลย
ชดเชยด้วยสิ่งดีดีให้ชีวิต.
25 กรกฎาคม 2550 10:13 น.
โอ้ละหนอ
พ่อข้าเจ้าอยู่ดีมีสุขบ่
พ่อนั่งผ่อ(ดู)ลูกพ่อแล้วท้อไหม
นั่งดูแล้วพ่อน้ำตาก็ตกใน
แผ่นดินไทยเหตุไฉนเป็นฉะนี้
พ่อข้าเจ้าอย่าเสียใจเกินไปนัก
ขอพ่อจักอยู่เย็นเป็นสุขศรี
อยุธยานี้ไม่สิ้นซึ่งคนดี
คงจะมียอดขุนพลมาดลใจ
ขี่ม้าขาวเข้าเมืองมาสงบศึก
ให้สองฝ่ายตรองตรึกนึกขึ้นได้
แผ่นดินนี้หาใช่เป็นของใคร
เป็นของลูก-หลานไทยทั้งแผ่นดิน
ให้ยอมละยอมลดหมดอุปสรรค
อย่ายอมหักให้ยอมงอขอถวิล
ให้ต่างฝ่ายต่างนึกถึงคุณแผ่นดิน
หากหมดสิ้นลูก-หลานไทยอยู่ไหนกัน
หนึ่งนิ้วชี้สี่นิ้วงอขอให้คิด
ชี้หน้าด่าคนอื่นผิดคิดน่าขัน
อีกสี่นิ้วงอด่าตัวทั่วทั่วกัน
ก้มลงมองตัวเองนั้น "ฉันผิดเอง"
ถ้าคิดได้-ได้คิดจงปิดฉาก
ให้ลงจากเวทีที่ข่มเหง
น้ำใจพ่อ-พ่อจะได้หายหวั่นเกรง
เพื่อบรรเลงชาติไทยต่อไปเอย.
อันขุนพลขี่ม้าขาวข้าเจ้าว่า
อยู่ไม่ไกลหรอกหนาถ้าเฉลย
อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลใจคุ้นเคย
ทั้งสองฝ่ายต่างละเลยไม่ใส่ใจ
หยุดแล้วคิดสักนิดจะคิดออก
หรือจะต้องให้บอกก็บอกได้
อันขุนพลขี่ม้าขาวอยู่ที่....ใจ
ทุกคนไซร้เป็นยอดคนขุนพลไทย
เป็นขุนพลของพ่อที่ก่อเกิด
ให้กำเนิดแผ่นดินอันยิ่งใหญ่
จงจับมือถือมั่นต่อกันไว้
เพื่อชาติไทยคงมั่นนิรันดร์กาล