18 กรกฎาคม 2551 00:18 น.
โอเลี้ยง
คิดคิดเคลิ้มอยากได้สุขมาห่มห่ม
เพ้อเพ้อบ่นข่มความใฝ่ไล่ขื่นขื่น
เมียงเมียงดูดวงดาวเดือนตาชื้นชื้น
ทุกทุกคืนคะนึงถึงคนไกลไกล
หวั่นหวั่นหวังอยากเคียงข้างคนนั้นนั้น
ร่ำร่ำรั้นดันฤทัยสั่นไหวไหว
ดูดูดาววันใจเหงารุ่มไชไช
คล้ายคล้ายไข้รมกวนจิตให้รอนรอน
ซึ้งซึ้งสุขสลับโศกรุกคล้ายคล้าย
กรายกรายใกล้ใครคนนั้นก่อนหลอนหลอน
ร้อนร้อนเร้าเพราะวันนี้ต่างงอนงอน
หม่นหม่นไหม้จึงร่อนลอยมาเคียงเคียง
กวนกวนจิตอยากง้อเธออยู่นิดนิด
ไล่ไล่มาคือคิดรอคอยเกี่ยงเกี่ยง
ร้าวร้าวรู้สู้หงอยเหงาเริ่มเอียงเอียง
เหม่อเหม่อเหมือนคล้ายเสียงใครมาง้อง้อ
ร้อนร้อนร้าวรุมล้อมรุกกวนบ่อยบ่อย
ช้าช้าหน่อยอย่าหุนหันไปปร๋อปร๋อ
คนคนนั้นเรารักจริงหรือล้อล้อ
ชั่งชั่งจิตก่อนก่อเกิดคิดเคืองเคือง
มองมองหม่นท่ามอารมณ์กวนขุ่นขุ่น
กรำกรำกรุ่นรอยกร่อนเจ็บใช่เชื่องเชื่อง
จดจดไว้เตือนสติอยู่เนืองเนือง
ทุกข์ทุกข์ทักต้องเปลื้องปลดปัดเร็วเร็ว
16 กรกฎาคม 2551 23:02 น.
โอเลี้ยง
ตรองตรองก่อน..มีเงินทองค่อยปองรัก
หักหักห้าม..ผลักห่างก่อนหากไร้ฐาน
ยั้งยั้งหยุด..รั้งรักนิดหัดทักทาน
ปัดปัดจิต..อย่าเบิกบานหวังทดลอง
ช้าช้าไว้..อย่ามีรักหวังแค่โก้
รอรอเถิด..อย่าทำโง่สนุกสนอง
ดัดดัดใจ..ของตนเองคอยเมียงมอง
พิศพิศหน่อย..รักใช้ต้องมีทันกัน
เพื่อนเพื่อนมี..อย่ารีบร้อนขอมีด้วย
ควรควรคิด..เราจะม้วยหากรีบสรรค์
ดันดันไว้..อย่ามีรักอย่างฉับพลัน
ท้อท้อแน่..หากเลิกกันเพราะขาดเงิน
หัดหัดตน..ดันให้เด่นเค้นสุดท่า
รุกรุกเรียน..เร่งศึกษาอย่าห่างเหิน
บั่นบั่นบ่อย..ในอุปสรรคยามท่องเดิน
เบิ่งเบิ่งไว้..อย่าเพียงเพลินให้ใคร่คลุม
คิดคิดนึก..ระลึกไปถึงยามพร้อม
สั่นสั่นไหม..กับความหอมล้อมห่อหุ้ม
ทุ่มทุ่มเถิด..กับทางแท้ก่อนรักกุม
ฉ่ำฉ่ำชุ่ม..จะสุขสุมยามพร้อมเพียง
14 กรกฎาคม 2551 23:49 น.
โอเลี้ยง
คิดเคลิบคิดเคลิ้ม เริ่มรอน สู้ซ่อนสู้ซุก
จิตร้าวจิตรุก ปลุกแปลบ นาบแนบนาบหน่วง
อารมณ์อาลัย นัยซึ้ง เร้ารึงเร้าลวง
ในทุกข์ในทรวง ควงคบ รอพบรอพจน์
ห่างหน้าห่างนาน ขานคอย จิตปรอยจิตปร่า
หวนไห้หวนหา พร่าพร่ำ ย้ำย่ำย้ำหยด
ก่อนเกลียดก่อนกั้น คั่นเบื่อ ไม่เหลือไม่ลด
สลอนสลด ปดถี่ ใช่ที่ใช่ทาง
ทว่าทวาร ลานรู้ หดหู่หดห่อ
อยากเจออยากจ่อ คลอใคร่ เกินไสเกินสาง
วันนี้วันนาน ผ่านยาก เกินลากเกินล้าง
กอดหวั่นกอดว่าง พลางกรุ่น ตรมตุนตรมตาม
กลับมากลับไหม ใยเยื่อ รักเรื้อรักรก
สะท้านสะทก อกเจ็บ กับเหน็บกับหนาม
รู้แล้วรู้รส บทคด ขมรดขมลาม
คิดดลคิดดาม ล่ามรัก ปักหลักปักรอ
ที่รักที่หลอน สอนโศก มาโยกมาเหยียบ
ผะผ่าวผะเพียบ เลียบไล้ ช้ำใกล้ช้ำก่อ
คะนองคะนึง ดึงดิ่ง ละทิ้งละทอ
พะเน้าพะนอ คลอแค่ ร่ำแพ้ร่ำพอ
12 กรกฎาคม 2551 21:34 น.
โอเลี้ยง
กับรักเผื่อเหลือที่คิดกอดเกาะ
เสียงพลิ้วเพราะเคาะจิตพาอึดอัด
ซ้ายก็งามขวาแจ่มเกินคิดคัด
ยากสลัดตัดขาดหยุดยั้งรัก
วันวานเจอคนหนึ่งจิตคึกคัก
วันนี้หลักถูกผลักเพราะเผลอกัก
คนวันนี้น่ารักเกินเมินทัก
จึงต้องพักแวะชวนสรรค์ต่อพจน์
ผ่านอีกวันพบใหม่ใจสะอึก
ห้วงรู้นึกพิมพ์ภาพคนสวยสด
คนอะไรช่างงามพาระทด
ต้องรีบจดที่อยู่แล้วตามติด
หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นต้องเสาะเคล็ด
กลเม็ดก่อนเก่าไม่ศักดิ์สิทธิ์
เพราะคนงามมีมากล้อมทั่วทิศ
จำต้องคิดลบทอนรีบปลดซะ
หนึ่ง-สอง-สามตัดก่อนเพราะเก่านัก
สี่-ห้าดักตามหึงจึงสละ
หกดูแล้วใจร้อนชวนปะทะ
เจ็ดสะอาดเรื่องมากยากเคียงคบ
อาทิตย์นี้จึงเป็นโสดไร้พิรุธ
รีบเร่งรุดดักรอเพียรประจบ
คนรักใหม่งามเกินเคยพานพบ
ต้องตลบตะแลงเพียรเพิ่มภักดิ์
แค่สามเดือนผ่านพ้นจิตกระตุก
คนปลุกทุกข์คนใหม่ที่พังหลัก
คือคนน้องแสนงามของคนรัก
เศร้ารุมผลักอีกครั้งกับรักเลาะ
ปล. เพิ่งอ่านทำความเข้าใจกับกลบทนี้เมื่อชั่วโมงก่อนที่ผ่านมาแล้วโอเลี้ยงแต่งเลย ผิดพลาดไม่ถูกใจผู้ใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
10 กรกฎาคม 2551 23:33 น.
โอเลี้ยง
ณ ระเบียงที่เงียบยามคืนค่ำ
เสียงลมพลิ้วเย้ยย้ำถามความฝัน
เจ้ายังรอคลอใครคนสำคัญ
อยู่ที่นี่ไม่แปรผันหรืออย่างไร
จำตอบคำลมพลิ้วผู้ถามไถ่
ยังอาลัยอุ่นไอคนเคยใคร่
ความสุขหวามมากมายซุกซ่อนไว้
พาเคลิ้มใจใฝ่เติมต้องนั่งรอ
ลมเยาะเย้ยถามต่อรอหรือฝัน
ในเมื่อวันพบเจอใช่เหลือหลอ
เจ้าละเมอหรือลืมหรือเพ้อพ้อ
ยอมเจอเก้อนั่งรอปนปวดล้า
สายลมย้ำตำจิตให้จับขม
ดังคมมีดกรีดแกล้งข่มทุกท่า
ฉันยังทนปนรั้นกับเหนื่อยล้า
ตอบเหมือนปลอบตนว่าคงไม่ช้า
ลมสะบัดพูดหยันระรานก้อง
จมเจ็บกองจองทุกข์คลุกถลา
น่าสงสารคนเศร้าเคล้าน้ำตา
ต้องแอบมานั่งเหม่อ ณ ระเบียง
เสียงแว่วแผ่วพลิ้วผ่านไปไกลแสน
ฉันเจ็บแน่นจับจิตคิดแผดเสียง
หลังระบายลมหายใจผ่อนรอนเรียง
เมฆปุยขาวลอยเอนเอียงเคียงมามอง
เจ้ารอเขามานานผ่านตรมติด
จงหยุดคิดปล่อยจิตปิดหม่นหมอง
แล้วตามเราข้ามฟ้าเที่ยวทดลอง
ดูผู้คนทั้งผองจะสุขใจ
ดีกว่ารอ ณ ระเบียง บนท้อแท้
ให้ใจแพร่แผลเพ้อลามรุกไหม้
เจ้าเห็นดีเห็นงามประการใด
ตอบเร็วไวจะได้พาไปพร้อมกัน
ฉันยังใฝ่คลอเคล้าใคร่เคียงฝัน
อยากผูกพันวันวานที่เขาสรรค์
หากจากไกลเขามาไม่พบกัน
ฉันคงร้าวรำพันพล่ามร่ำไป
เมฆตำหนิติเตียนว่าโง่เขลา
อยากเฝ้าเศร้าเคล้าขมจ่อมจมไข้
เชิญร่ำไห้ใกล้กร่อนรับหลอนใจ
เราจะไปเล็มรื่นชื่นสำราญ
เมฆห่างไปฝนใสโปรยปลิวรด
ฉันลุกยืนระทดทุกข์พลุกพล่าน
ค่ำคืนนี้ ณ ระเบียงเหมือนวันวาน
มีแค่ฉันผ่านกาลคู่ระทม
เมื่อฝนซาไม่นานจันทร์มาหา
แสงนวลตาสาดทอเหมือนห่อห่ม
เสียงเดือนเด่นเปล่งทักผลักตรอมตรม
ไล่ปัดขมปลดขื่นพาชื่นมา
เราจะรอคลอเคียงไม่มีสิ้น
แม้จินต์จับภินท์พังละห้อยหา
จะเป็นเพื่อนผ่านกาลที่ช้ำชา
ทุกเวลาเรามีกันเหมือนเงากาย
เมื่อเจ้าเจ็บเราพร้อมจะเจ็บร่วม
เมื่อทุกข์ท่วมเราจะปันยันจนหาย
เจ้าจะไม่เปล่าเปลี่ยวเที่ยวเดียวดาย
เราจะเป็นสหายร่วมร้อนเย็น
นิทานเล่าถึงปลายกรายใกล้จบ
สิ่งที่พบทบคิดยามแสนเข็ญ
คือกำลังของน้ำใจร่วมลำเค็ญ
ใช่เย้ยย่ำประเด็นเค้นภวังค์
เพื่อนทุกคนมีเศร้าใช่เท่าทั่ว
อย่าเพียงพร่ำรัวคำทำสอนสั่ง
การจะผ่านรอยร้าวแต่ละครั้ง
ต่างต้องนั่งชั่งทุกข์หลายเพลา
แค่เพียงเคียงคลอข้างนั่งนิ่งเงียบ
ก็พร้อมเพียบเทียบฟ้ากับคุณค่า
แม้ไม่มีมธุรสที่โสภา
ยังพาเพื่อนหมดปร่าได้เหมือนกัน
ดีกว่าแนะกระแซะเย้ยรุกแผล
หาใช่ทางแก้ไขหายโศกศัลย์
ดังฝุ่นเข้าตาเราพาเคืองคัน
คนเจ็บนั้นคือใครใจเรารู้
จะรู้เจ็บเหน็บร้าวมีรสชาด
ต่อเมื่อตนคาดติดทาบชิดอยู่
ต้องเรียนช้ำย่ำด้วยตัวใช่แค่ดู
ต้องลุกสู้โศกสร้อยจึงรู้จริง
เพราะความทุกข์ของใครใครมักเรื่องเล็ก
แต่ใช่คนจิตเหล็กนั่งทนนิ่ง
เมื่อเจอทุกข์เกาะกวนอวลอาบอิง
ต่างละหยิ่งทิ้งท่าร้องเท่ากัน