18 มิถุนายน 2551 18:01 น.
โอเลี้ยง
โลกมนุษย์ผุดโผล่หลากเรื่องเล่า
มีดีเศร้าเผาผลาญเกินประสงค์
ลอบด่าตีฆ่าปล้นราวแร้งลง
หวังแค่ตนยืนยงเย้ยโลกา
ครั้นผู้รู้ตอบโต้โชว์เรื่องเสีย
โกรธดังไฟลามเลียหวังดับหล้า
สั่งสมุนขุนโจรโรมรันท้า
ไล่เข่นฆ่าผู้กล้าพูดความจริง
หาได้คิดสักวันกรรมรุมล้อม
กดจ่อมจมนรกหมดทางวิ่ง
ถึงเก่งกาจหาญกร้าวเกินอ้างอิง
คราถูกยิงทิ้งซากยากใครแล
หวังเด่นดังเป็นหนึ่งตึงผืนหล้า
หาได้สร้างศรัทธาคนเห่อแห่
สร้างแต่ชั่วมั่วเลวเป็นหลักแท้
เกินเกลาแก้ยั้งหยาบคราบโจรคา
อย่าคิดว่าตนแน่แช่ทั้งชาติ
เรื่องผิดคาดอาจดลซ้อนมาหา
แค่ดื่มน้ำยังสำลักหมดทางลา
ด้วยชีวามรณาก่อนรู้ตัว
กรรมที่ก่องอกงามติดดอกแน่
จิตติดแผลยากนะจะลบชั่ว
แม้วันนี้เดินไปไม่รู้กลัว
แต่พรุ่งนี้เงาหัวอาจขาดเลือน...
ปล. ภาพจากไทยรัฐ
17 มิถุนายน 2551 20:43 น.
โอเลี้ยง
เดินตามหาสิ่งสำคัญที่หล่นหาย
ที่คลับคล้ายซุกซ่อนด้วยห่วงหา
อยู่ที่ใดไกลใกล้นอกสายตา
หรืออยู่เขตสุดหล้าใจอยากรู้
อยู่ที่ไหนคนนั้นที่คิดถึง
คนซาบซึ้งตรึงตราจิตร่ำกู่
อีกนานไหมถึงพบคนชื่นชู
คนที่อยู่กลางทรวงหน่วงเรี่ยวแรง
ฝนพลิ้วมาอีกคราเธอเห็นไหม
ใจเหน็บหนาวสุมไข้คล้ายกลั่นแกล้ง
เสียงลมหวิวไหวไวดังทิ่มแทง
พาใจแห้งหดคดเหมือนเจ็บครวญ
เหม่อท่ามฝนมองฟ้าส่งใจเพ้อ
เหมือนเห็นเธอชวนชิดส่งเสียงสรวล
วิ่งเข้าไปหมายกอดคนชักชวน
ภาพพลันเปลี่ยนล้วนหยดน้ำจากฝนโปรย
กับความเหงาหนาวสั่นปนอ้างว้าง
คือที่ว่างหว่างใจซ่อนระโหย
แต่เหนื่อยล้าสิ้นแรงแทบร่วงโรย
ใจยังดื้อฉายโชยซ่านรอยคอย
อยากหยุดตามใครคนหนึ่งที่ใจภักดิ์
เศร้าทะลักกักล้อมไม่ผละปล่อย
จำเพ้อพ่ายเหม่อแพ้ตามจิตลอย
เดินร่ำบ่อยคอยใครเขากลับมา...
16 มิถุนายน 2551 15:49 น.
โอเลี้ยง
คมในฝักแบบที่๑
ฟ้าดำคล้ำฟ้าหม่นดูหงอยเหงา
เร้าช้ำเศร้าเร้าโศกให้ฉงน
ลมระรวยลมพลิ้วปลิวปะปน
คล้ายร่ำไห้คล้ายคนสะอื้นทรวง
เหงาวุ่นวายเหงาเผาให้สงสัย
จิตเปี่ยมนัยจิตจมตรมทุกข์ถ่วง
ฤาตัวเราฤาฟ้าถูกล่อลวง
จิตจับจ่อมจิตร่วงจมบ่อรอน
เห็นฟ้าคล้ำเห็นฝนปลิวโปรยลิ่ว
ใจเจ็บกิ่วใจรัวราวถูกถอน
หรือโลกาหรือหล้าสร้างบทตอน
ให้ต้องร้าวให้ร้อนตอนฟ้าครวญ
กลบทจักรวาฬ
กับวิถีชีวีราวติดกับ
ป่วน-แปร-ปรับสุขเศร้ามักพาป่วน
กวน-เผลอ-เพ้อเหม่อหม่นเหมือนเกาะกวน
คอยไล้ร้าวอวลรุกสุขที่คอย
สุขบางหนเคล้าทุกข์ขัดคาสุข
ถอยบางคราก่อนปลุกรุกทุกข์ถอย
ร้อยร่ายร่ำชีวิตดังถูกร้อย
ทางต้าน-ลี้ปลดปล่อยเจอทุกทาง
ต่างแค่วันชีวิตยังแตกต่าง
สร้าง-สุข-ซุกรุกคว้างจึงต้องสร้าง
กาง-กัก-กัดทุกข์ร้อนจึงควรกาง
พาชีวีห่างสิ่งใดควรนำพา
กลบทครอบจักรวาล
แม้บอกได้ใช่ทำได้ไร้ข้อแม้
ท่าทีคนที่แท้เปลี่ยนทุกท่า
ตาที่มองพาอารมณ์จมตามตา
ร้าว-รอน-ล้าจึงลากจิตเจ็บร้าว
ฉันหงอยเหงาเหมือนหลายคนที่เหมือนฉัน
ก้าวไม่ยาวเพราะพรั่นตามเหยียบก้าว
ราวทุกวันช้ำรอต่อเรื่องราว
จิตจ่อผ่าวย้ำเหม่อเพ้อในจิต
เบื่อรสเหงาเหมือนกันใช่ไม่เบื่อ
ชิดเกินเหลือพื้นที่ไร้เหงาชิด
ฤทธิ์เงาเหงาแนบติดเกินสู้ฤทธิ์
เรียงร่ายกลอนจึงสะกิดเหงาร่วมเรียง..
14 มิถุนายน 2551 21:55 น.
โอเลี้ยง
กลบทสิงห์โตเล่นหาง
อยากบอกเธอถึงรักสักนิดหนึ่ง
จิตดื้อดึงหวังนักทักมาหา
แม้อยู่ห่างไกลเกินเดินไปมา
ทุกเวลาซุกซ่อนร้อนคะนึง
กาลผ่านพ้นจิตนี้พลีแต่ภักดิ์
ไม่เคยผลักหักห้ามถามคิดถึง
เฝ้าห่วงหาพลางคิดชิดรำพึง
ต้องตรมตึงอึ้งเงียบเลียบหวังรอ
ขอเพียงเธอส่งตอบชอบสักนิด
จะไปซบสนิทชิดตามขอ
แต่นี่เธอเฉไฉไม่มองง้อ
ปล่อยให้ท้อกรายเกาะเคาะกลางทรวง
กลบทเสือซ่อนเล็บ
ที่บอกไปใช่คิดจิตบอกเพ้อ
เธอชอบเผลอเจอฉันพลันชอบหวง
แต่ถามไถ่ไพล่เฉยเลยถามท้วง
ทำเหมือนถ่วงลวงหลอกบอกเหมือนเมิน
เธอรักฉันพันผูกปลูกรักไหม
ไยหันไวไกลเลือนเหมือนหันเหิน
ไยคิดรอคลอปิดจิตคิดเกิน
หรือแค่เพลินเดินดักทักแค่นั้น
เจนจำจิตคิดนึกคึกจำหด
เธอเหมือนปดคดคิดจิตเหมือนบั่น
บอกมาเถิดเปิดปากฝากมาพลัน
ฤาให้รักพักพลันยันให้รู้...
9 มิถุนายน 2551 01:51 น.
โอเลี้ยง
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
ไม่จำเป็นต้องยิ้มแค่ยามสุข
ไม่จำเป็นต้องทุกข์ยามยิ้มหาย
ไม่จำเป็นต้องเศร้าเมื่อยิ้มคลาย
ไม่จำเป็นต้องคล้ายชื่นจึงเผลอยิ้ม
แม้ชีวิตขาดสุขซุกทุกข์หวั่น
แม้ชีวิตขาดฝันไร้ชื่นอิ่ม
แม้ชีวิตขาดรักดังหวังลิ้ม
แม้ชีวิตขาดยิ้มยังต้องฝืนมี
ยิ้มคือแรงแบ่งปันดันทุกข์ห่าง
ยิ้มคือแรงแบ่งขวางกั้นสุขหนี
ยิ้มคือแรงแบ่งฝันให้ใจลี้
ยิ้มคือแรงแบ่งที่ห้ามช้ำรุก
ยิ้มเข้าไว้เพื่อสู้ทุกข์ดื้อด้าน
ยิ้มเข้าไว้เพื่อต้านยามไห้ปลุก
ยิ้มเข้าไว้เพื่อปลดดับโศกซุก
ยิ้มเข้าไว้เพื่อลุกหนีแผลแพ้
สุขไม่สุขต้องยิ้มเข้าไว้ก่อน
สุขไม่สุขต้องสอนตนหัดดัดแก้
สุขไม่สุขต้องยิ้มไร้ข้อแม้
สุขไม่สุขต้องอย่าแย่หมดรอยยิ้ม