11 พฤศจิกายน 2552 19:27 น.
โอเลี้ยง
ราวกรอนานกั้นหน่อ...รอหนาว
ในจิตโรยกรำยาว...กล่าวย้ำ
คืนราวชิดริดฉาว...คราวชื่น
จินต์จ่อมในขอนช้ำ...คร่ำช้อนลมผา
คราลมหวงล้วงห่ม...ขมหา
ในเหนื่อยจมรอนรา...ล่าร้อน
ใดพาคิดพิศคา...ดาใคร่
ใจว่างดังกรำซ้อน...กร่อนซ้ำดายผวน
มวลผาคูผู้คร่า...มาครวญ
ในเปลี่ยวจิตปรอยรวน...ป่วนร้อย
คลอตรวนชิดติดชวน...ครวญช่อ
ดายลึกหนาวปอนสร้อย...ปล่อยซ้อนโหยเหงา
เผาปอนกวดปวดก้อน...พรเกลา
ผะผ่าวกายรอนเซา...เร่าซ้อน
กรอเกาหนักกักเนา...เกลาหน่อ
หลงขื่นหนาวไขช้อน...ค่อนใช้เมาหมอง
นองไหลขมล่มไข้...ในครอง
หนาวรัดจินต์เลือนปอง...ล่องเปื้อน
พิษของตื่นขืนตรอง..ผองติด ไหวหนาว
ผลักหวั่นเกรงกุมเอื้อน...เกลื่อนอุ้มเดียวขุม
หลุมคิดไชไข้ชิด...ริดชุม
คือเปลี่ยวเปลือยกรอรุม...กลุ่มล้อ
รอนคุมเซ่นเข็ญสุม...รุมซ่อน
เหมือนปล่อยหนาวลวงห้อ...หล่อห้วงแปลงสรวง
9 พฤศจิกายน 2552 02:51 น.
โอเลี้ยง
เดินช่วงรักชักลวงพ่วงรอยหัก
ควงในภักดิ์หนักไพล่ไหวหว่างวุ่น
หน่วงคาวพ่ายคล้ายผ่าวราวตวงตุน
ร้าวเกี่ยวรุนกรุ่นเหลียวเปลี่ยวปร่ากลวง
กลวงปร่าเปลี่ยวเหลียวกรุ่นรุนเกี่ยวร้าว
ตุนตวงราวผ่าวคล้ายพ่ายคาวหน่วง
วุ่นหว่างไหวไพล่หนักภักดิ์ในควง
หักรอยพ่วงลวงชักรักช่วงเดิน
รอนคล้องคอยคล้อยครองล่องหล่นเขลา
มองเบนเศร้าเบ้าเซ่นเร้นขมเขิน
คล่องสอดขมสมขอดออดใจเทิน
กอดเหมือนเพลินเมินเพื่อนเกลื่อนด่าวดอง
ดองด่าวเกลื่อนเพื่อนเมินเพลินเหมือนกอด
เทินใจออดขอดสมขมสอดคล่อง
เขินขมเร้นเซ่นเบ้าเศร้าเบนมอง
เขลาหล่นล่องครองคล้อยคอยคล้องรอน
6 พฤศจิกายน 2552 17:25 น.
โอเลี้ยง
อ้างว้างกลางดึกวังเวง...เหมือนโศกบรรเลง
ทอคำเปล่งร้าวระทม
ไออวลกวนผ่านสายลม...ฝากทุกข์ขื่นขม
โอบหล้าระบายความนัย
ฝูงชนต่างแตกแปลกไป...กระหายวุ่นไหว
หวังแต่ห้ำหั่นสาดแทง
เมตตากลับกลายผิดแผลง...ปรานีเคลือบแคลง
มีแสร้งมายาห่วงใย
สีต่างพรั่งเผยเย้ยไช...ก่อผ่าวสุมไฟ
หมายเหยียดด่าทอมิรา
อุราผูกติดเหว่ว้า...สร้อยเศร้าโถมมา
ทั่วเมืองโรมรันเนืองเนา
โลกาแช่หลอมรอนเร้า...ทยอยมอมเมา
ป้อนขื่นสู่หล้าทุกวัน
เมื่อไรจึงหมดโศกศัลย์...ได้ยลตะวัน
พร้อมดูจันทราเริงลอย
รอยหม่นในกาลพาถอย...เบิกหมองปล่อยปรอย
ให้ร้าวสะท้อนเจ็บทรวง
ดึกแล้วหัวใจยังหวง...กับเมืองตรมตวง
ไอหมอกเมียงหลอกดาษดา
ฤาหลับได้สนิทเต็มตา...ลืมสิ้นปัญหา
สำนึกไม่ย้อนวุ่นวาย
เมืองคละระทมกระจาย...รอยสุขมลาย
ยากแท้ฝันหาวิมาน
3 พฤศจิกายน 2552 15:33 น.
โอเลี้ยง
เหงาเลียบเงียบเร้าก่าย...ครอบทรวง
ทางเลียบเทียบรางลวง...ครอบคล้อย
เย็นเลียบเหยียบเลนดวง...ครอบพรั่น
ปรอยเลียบเปรียบรอยสร้อย...คลอบงำ
คลำจิตคิดจ้ำจ่อ...เกาะเหงา
เป็นจิตปิดเจนเกลา...เกาะคว้าง
ผองจิตผิดจองเมา...เกาะเหม่อ
พรำจิตพิศจำข้าง...เกาะกลัว
มัวขัดมัดขั้ววุ่น...ติดจอง
หลอนขัดรัดขอนนอง...ติดพ้อ
ชำขัดชัดคลำปอง...ติดเพิ่ม
เบนขัดบัดเข็ญล้อ...ติดเนา
เหงาหลอกงอกเร่าใกล้...จับหมอง
ตามหลอกตอกลามตรอง...จับไข้
ปันหลอกปอกรันครอง...จับหว่าง หวาด,หวัง
ออหลอกออกรอไห้...จับเจียน
เรียนเพาะเราะเพี้ยนผูก...กลัดเหงา
หยุดเพาะเยาะพูดเหมา...กลัดป้อ
จงเพาะเจาะผงเขลา...กลัดแน่น
สรรค์เพาะเสาะพันฉ้อ...กลัดลวง
ปวงหัดปัดห่วงล้อม...มัดตน
การหัดกลัดหาญดล...มัดกล้า
ขันหัดคัดหันกล...มัดมั่น
หมายหัดมัดหายคว้า...มัดเหงา
30 ตุลาคม 2552 16:20 น.
โอเลี้ยง
ทาสุขใสทั่วหล้า...เร็วรัว
พลอยหลั่งไหลจิตกลัว...พรั่งร้อย
ตัวหมอกที่ตอกมัว...ในจิต
ปัดก่นปนกลัดสร้อย...ขื่นใกล้คลายกลืน
ยืนกับเงายั้งขื่น....เยือนขัง
ใครทุกข์หมดพลัง...คลุกท้าย
พรางเกิดกับเพริดกรัง...ดีกว่า
หยุดเร่ายาวรุดย้าย...แต่ล้อมตรอมแล
แผลปวดยามพ่วงแส้...ตีทรวง
ราวหน่วงทำลอบลวง...ล่วงน้าว
ปวงแคลงรึแปลงควง...ไปรอด
เรานั่นรันเนาร้าว...ใช่พ้นชนพราย
คลายเถิดกับเคลิ้มจ่าย...คิดเจิม
กรอป่ายหวังเฉลิม..ก่ายป้อ
เหิมตอมหว่างหอมเติม...วางวัก
ตกหนักตักนกฉ้อ...เปล่าพ้นปนเผา
เพลาผลหยุดพร้องกล่าว...ตีกลอง
ใครแหวะเมินสนอง...แคระไหว้
นองคึกจึ่งนึกครอง...ในจิต
ใครผิดคิดผายไส้...อย่าป้องยองปา
ซาถอยเลือนสร่างว้าง...สอยหวัง
ชำรื่นตามชีพยัง...ชื่นล้ำ
หนังรอบอย่านอบหลัง...ไปเกี่ยว มุงนา
ฉากเกริ่นเชิญกากช้ำ...จึ่งพลั้งจางผึง