30 มีนาคม 2550 20:10 น.
โนริโกะ
การที่ความรักของคนสองคนต้องจบลงนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่บอกเลิกเขาก่อน หรือถูกเขาบอกเลิก ความรู้สึกแรกที่มีคงมีแต่ความเสียใจ โดยเฉพาะถ้าถูกเขาบอกเลิกด้วยแล้ว คงจะมีแต่โทษตัวเองอยู่นั่นแหละว่าเราไม่ดีตรงไหน หรือแม้ว่าเหตุผลที่เขาบอกเราว่า เราดีเกินไปไปสำหรับเขา เราก็คงงงอีกนั่นแหละว่า เราดีเกินไปตรงไหน เราควรทำดีให้น้อยลงหรือ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด สิ่งที่เขาคิดก็คือ เขาคงถามใจตัวเองแล้วว่า เขาพร้อมจะยอมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ตลอดชีวิตหรือไม่ ยอมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้หญิงคนนี้ไหม พร้อมจะปกป้องดูแลเธอไหม พร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอได้ไหม และคำตอบก็คือ เขาไม่พร้อมและคงทำไม่ได้แน่นอน นั่นแสดงว่าเขารู้ใจตัวเองก่อนเรา
ฉะนั้นฉันจึงอยากให้ผู้หญิงอย่างเราคิดแบบเขาบ้าง คุณลองคิดดูนะ สาเหตุที่ความรักของคุณจบลงนั้นเพราะเหตุผลอะไรกันแน่ เมื่อเขาทิ้งคุณไป ปล่อยให้คุณต้องอยู่กับความเสียใจ ความทุกข์ ทรมาน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงจะหายจากความรู้สึกเช่นนี้ อยากให้คุณถามตัวเองดูว่า ผู้ชายอย่างนี้เราจะยอมอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตได้ไหม แต่อย่าใช้ความรักที่คุณมีให้เขาตัดสินนะ เพราะถ้าใช้ความรักตัดสิน สิ่งไม่ดีในตัวเขาจะถูกบิดเบือนให้กลายเป็นสิ่งที่ดีไปซะหมด เขาไม่ใช่ผู้ชายที่พร้อมจะปกป้องดูแลเรา อยู่เคียงข้างเราไมว่ายามทุกข์หรือสุขอีกต่อไป คนแบบนี้หรือที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา นี้ขนาดเป็นแค่แฟนกันนะ แล้วถ้าอยู่กันไปไม่ยิ่งกว่านี้หรือ คิดเสียว่าดีแล้วที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าหากว่าคบกันไปถึงขั้นจะแต่งงานกัน แล้วเรามารู้ใจตัวเองว่า เขาไม่ใช่คนที่เราต้องการ การที่เราจะบอกเลิกคบกับเขามันอาจจจะลำบาก เพราะเราคบกันมานานความผูกพันก็มีมากขึ้นตามลำดับ ใหคิดเสียว่าดีแล้วที่เลิกกันเสียตอนนี้ หากเรารู้สึกโหยหาเขา ก็ให้หมั่นถามใจตัวเองบ่อย ๆ ว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับเราหรือเปล่า เราต้องรักตัวเอง ต้องเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ เพราะถ้าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเริ่มแรกเราอาจทำใจยอมรับได้อย่างที่เขาเป็น แต่ต่อไปเราจะยอมรับได้แน่หรือเปล่า เพราะฉะนั้นปล่อยเขาไปเถอะนะ อาจมีคนที่ใช่ และเขาเป็นตัวจริงสำหรับเรารอเราอยู่ข้างหน้าสักวันเราคงได้เจอเขาคนนั้น.......
18 มีนาคม 2550 09:58 น.
โนริโกะ
บางครั้งเรามองว่า คนคนนี้มีเพื่อนฝูงมากมาย เขาคงจะไม่รู้สึกถึงความเหงา อย่างที่เรารู้สึกอยู่ แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย
เขายังต้องแสวงหาความจริงใจจากใคร จากคนอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งที่เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งนะ แต่เราก็ไม่รู้จะช่วยเหลือเขาอย่างไร
เมื่อมองย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบการมีเพื่อนเยอะ ๆ แต่บางครั้งก็ยอมรับว่ารู้สึกเหงาเหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ เราเลือกที่จะมีความสุขกับการใช้ชีวิตลำพังมากกว่า
จนในที่สุด เราก็เรียนรู้แล้วว่า การที่เรารู้จักใช้ชีวิต โดยการให้เวลากับตัวเอง มีตัวเองเป็นเพื่อนนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อวันใดวันหนึ่ง เราไม่มีเพื่อน แต่เราก็ยังมีตัวเองเป็นเพื่อน ซึ่งตัวเราเองนี่แหละ คือเพื่อนแท้ที่จะอยู่กับเราไปตลอด ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์
เราก็ได้แต่หวังว่า เพื่อนคนหนึ่ง คงจะพบทางออกในชีวิต ถ้าหากเขาเลือกที่จะแสวงหาเพื่อน ๆ มาเติมเต็มชีวิต ก็ขอให้เจอคนที่ใช่ เพราะทางเลือกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเรา เราเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับตัวเอง เพราะเราไม่ต้องไปเหนื่อยกับการแสวงหาความจริงใจจากใคร......
18 มีนาคม 2550 09:53 น.
โนริโกะ
แพร เดี๋ยวจะกลับบ้านแวะรับผมที่หอพักหน่อยนะ รถผมเสีย
อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวจะไปรับนะ
วันนี้บริษัทนัดพนักงานไปซ้อมร้องเพลงเชียร์กีฬาสี ที่จะมีขึ้นอาทิตย์หน้า จึงให้พนักงานไปซ้อมร้องเพลงเชียร์ที่โรงยิม ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
พี่จ๋า เดี๋ยวแวะรับภานุที่หอพักหน่อยนะคะ ปกติฉันกับพี่จ๋าจะขับรถจักรยานยนต์คนละคันกลับบ้านพร้อมกันเสมอ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าฝนจะตกด้วย เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
เมื่อฉันกับพี่จ๋าไปถึงทางเข้าหอพัก และต้องข้ามถนนเข้าไป พี่จ๋าพูดกับฉันว่า
แพร ภานุจะไปกับแพรเหรอ ฝนจะตกแล้วด้วย และรถยนต์ของน้องนัทก็จอดอยู่ เขาอาจจะนั่งรถยนต์ไปกับน้องนัทก็ได้นะแพร
แต่เขาบอกให้แพรมารับนะคะ ยังไงขอแพรเข้าไปถามเขาก่อนนะ พี่จ๋ารอแพรอยู่ตรงนี้ก่อนนะ
เมื่อฉันขับรถจักรยานยนต์ข้ามถนนมาถึงหน้าห้องพักของภานุ
ภานุ จะไปกันหรือยัง
เอ่อ ฝนจะตกแล้วผมกลัวจะเปียกฝนเดี๋ยวจะไม่สบาย
แล้วจะไปหรือเปล่า ขณะนั้นฝนเริ่มตกแล้ว และดูเหมือนว่าจะแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันรอการตัดสินใจของภานุสักพักเมื่อหันไปมองพี่จ๋า พี่จ๋าก็ขับรถจักรยานยนต์ไปก่อนแล้วเพราะฝนเริ่มตกหนัก
ถ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะ งั้นแพรไปก่อนนะเพราะพี่จ๋าเขาไปแล้ว ขณะนั้นในใจเริ่มรู้สึกน้อยใจ
เมื่อฉันและพี่จ๋ามาติดไฟแดงพร้อมกัน พี่จ๋าถามฉันว่า
ภานุ ไม่มาเหรอ
เขาไม่มาคะ เขากลัวเปียกฝน
พี่ก็ว่างั้นแหละ เขาสำอางจะตาย เมื่อฉันกลับพี่จ๋าใกล้จะถึงโรงยิมแล้ว รถยนต์ของน้องนัทก็ขับแซงหน้ารถของฉันไปพร้อมกับบีบแตรให้ ขณะนั้นฉันกับพี่จ๋าเปียกปอนไปทั้งตัวแล้ว มองทางแทบไม่เห็น แต่ไม่เป็นไร เพราะบ้านของฉันอยู่ก่อนถึงโรงยิม ฉันจึงแวะเข้าบ้านก่อน
ขณะนั้นฉันกำลังตัดสินใจว่าจะไปซ้อมเชียร์ดีไหม หรือไม่ไปดีเพราะในใจฉันคิดถึงแต่เรื่องที่ผ่านมา จึงตัดสินใจโทรไปหาพี่จ๋า
ฮัลโหล พี่จ๋า มีคนมาซ้อมเชียร์เยอะไหมคะ
ก็เยอะเหมือนกัน แพรมาสิ ภานุเขาก็มานะ เขามากับน้องนัท ฝนเริ่มหยุดแล้ว รีบมานะ
ฉันมีความรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี ใจหนึ่งก็อยากจะไปเห็นหน้าเขา อีกใจก็รู้สึกน้อยใจจนไม่อยากจะพบหน้าเขาอีก นี่หรือคนที่เขาบอกว่ารักเรา แค่เปียกฝนเขายังไม่ยอมเปียกฝนกับเราเลย หากเขาห่วงเราสักนิด เขาคงจะขับรถจักรยานยนต์ให้เรานั่งแล้วเพราะขับรถขณะที่ฝนตกนั้นมันอันตรายเหมือนกันนะ...
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจมาซ้อมเชียร์ เมื่อมาถึงก็นั่งใกล้กับพี่จ๋า และเพื่อนคนอื่น ๆ ภานุหันมามองฉัน
และฉันก็มองกลับอย่างเฉยเมย ระหว่างซ้อมฉันกับภานุไม่คุยกันเลย จนกระทั่งซ้อมเชียร์เสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ภานุเดินมาหาฉัน และชวนฉันไปกินข้าวเย็นด้วยกัน
แพร ไปกินข้าวกันไหม เมื่อเขาเข้ามาพูดดี ๆ กับฉัน ฉันก็ตอบกลับไปดี ๆ และพยายามไม่เอาเรื่องที่ผ่านมามาคิดมาก
แล้วไม่กลับ หอพักเหรอ
ไม่กลับ วันนี้จะค้างกับเพื่อนแถวนี้แหละ ไปกินข้าวด้วยกันนะ เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลย
แล้วไหนบอกว่า จะไม่มาไง ถึงยังไงฉันก็อดถามไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่รื้อฟื้นแล้วนะ
ใครบอกว่าจะไม่มา ก็กำลังคิดอยู่ แพรก็รีบออกมาเลย นี่ถ้าไม่ได้น้องนัทนะ คงไม่ได้มาเจอแพรหรอก ฟังแล้วเหมือนคำแก้ตัว และเหมือนฉันเป็นคนผิดที่ใจร้อนไม่ยอมรอคำตอบจากเขา ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจที่จะลืมเรื่องราวเหล่านี้ทิ้งไปซะ เพราะมันจะทำให้ฉันกับภานุทะเลาะกันและไม่สบายใจกันไปเปล่า ๆ
เรื่องราวระหว่างฉันกับภานุก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม คือในที่ทำงานเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็ยังโทรคุยกันทุกวัน วันไหนที่ภานุจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ตอนเย็นเขาจะโทรมาบอกว่า
คืนนี้ผมจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ นะ
เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก เพิ่งหายไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้เมื่อภานุไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ทีไรเขาจะไม่สบายทุกที เขาบอกว่าปฏิเสธเพื่อนไม่ค่อยได้ และก็ไม่ได้ไปบ่อย ๆ นาน ๆ เพื่อนจะชวนสักที
กลับดึกไหม
ไมรู้เหมือนกัน
กลับเมื่อไร โทรบอกด้วยนะเป็นห่วงนะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าการกระทำของฉันนั้น เป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขามากไปหรือเปล่าแต่ขณะนั้น ไม่ได้คิดอะไร
ได้ แล้วผมจะโทรหานะ
ภานุ ก็ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดจะโทรบอกเมื่อจะไปเที่ยว หรือเวลากลับก็จะโทรหา ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนฉันก็นอนรอโทรศัพท์ บางครั้งก็หลับไปแล้วก็ยังตื่นมารับโทรศัพท์ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งภานุบอกว่าจะโทรบอก ว่ากลับเมื่อไหร่ แล้วเขาก็ไม่โทรบอก ซึ่งทำให้ฉันโมโห เมื่อเจอกันที่ทำงานตอนเช้าฉันจึงทำบึ้งตึงใส่เขา และเขาก็รู้ตัวนะ เขาก็ไม่เข้ามาวุ่นวายกับฉันเลยตลอดทั้งวัน... (โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)
11 มีนาคม 2550 09:47 น.
โนริโกะ
ฉันได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้ปีกว่าแล้ว ฉันมีความสุขในการทำงานมากเพื่อน ๆ ดีกับฉันทุกคนฉันทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ แล้วมาวันหนึ่ง ฉันได้รู้ว่าแผนกจัดซื้อมีพนักงานมาใหม่ เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักชื่อว่า น้องนัท และฉันก็ได้รู้จักกับเธอ น้องนัท เป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีมาก ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันคงจะจีบเธอแน่นอน แต่น้องนัทเขาก็มีเจ้าของหัวใจแล้วเป็นหนุ่มใหญ่ ท่าทางสุภาพ เอาใจเก่ง ซึ่งฉันก็รู้สึกว่าเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันดีนะ...
และหลังจากนั้นไม่นานแผนกจัดซื้อก็ได้รับพนักงานเข้ามาใหม่อีกคน คราวนี้เป็นผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาชื่อว่า ภานุ เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีคนหนึ่ง ฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เพื่อนร่วมงานดี ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ตำแหน่งหน้าที่ของฉันทำให้ฉันได้รู้จักกับคนจำนวนมาก เพราะฉันต้องติดต่อประสานงานกับแผนกอื่น ๆ อยู่เสมอ และมันก็ทำให้ฉันได้สนิทกับ ภานุมากขึ้น แต่สำหรับฉันนั้น ฉันไม่เคยคิดกับภานุเกินคำว่าเพื่อนเลย....
เพราะลักษณะท่าทางของ ภานุ นั้น ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของฉันเลย ภานุ เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางค์ บางครั้งฉันและเพื่อน ๆ ก็ล้อเขาบ่อย ๆ ว่าเขาเป็นกะเทย เป็นตุ๊ด แต่เขาก็ไม่เคยถือโกรธสักครั้ง กลับกลายเป็นเรื่องสนุก ทำให้เพื่อน ๆ ได้หัวเราะกัน นี่เป็นความน่ารักของ ภานุ แล้วมาวันหนึ่งฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า ภานุ เขาแอบปลื้มฉันอยู่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ว่าจริงหรือเปล่า แต่ฉันก็รู้สึกเฉย ๆ นะ เพราะฉันไม่คิดจะมีใครในตอนนี้ เพราะฉันคิดแต่เรื่องงานเท่านั้น...
จนกระทั่งวันหนึ่ง ภานุ ได้ไปประชุมที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาสองเดือน พอเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากเขา โทรเข้ามือถือของฉัน
สวัสดี ครับ
ว่างไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย
ฉันจำได้ว่า นี่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา และหลังจากนั้น ฉันก็ได้คุยกับ ภานุ ทางโทรศัพท์ทุกวันตลอดเวลาที่เขาไปอบรม เราคุยกันถูกคอ สนุกสนาน เฮฮา บางครั้งคุยกันนานเป็นชั่วโมง ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่า ขณะที่เราทำงานอยู่ด้วยกันนั้น เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ทำไมเวลาเราคุยกันทางโทรศัพท์ มันเหมือนกับว่าเราสนิทสนมกันมานาน
จนกระทั่ง ภานุ กลับมาจากฝึกอบรม ความรู้สึกที่ฉันมีกับเขาและการแสดงออกของฉันมันเปลี่ยนไป โดยที่ฉันไม่รู้ตัว มันอาจจะเป็นความผูกพันตลอดเวลา เกือบสองเดือนที่เขาไปอบรมและฉันได้คุยกับเขาทุกวันทางโทรศัพท์ แต่สำหรับ ภานุ นั้นการแสดงออกกับฉันเหมือนเดิมทุกอย่างคือเหมือนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ เพราะถึงแม้ว่าในที่ทำงานเราจะไม่ได้คุยกันหรือแสดงออกถึงความสนิทสนมกัน ก็ไม่เป็นไร เพราะเวลาที่ฉันกลับบ้าน ภานุ ก็โทรมาหาทุกวันอยู่แล้ว...
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้หญิงเข้ามาคุยกับฉันและเตือนฉันว่า รู้ไหมว่าในที่ทำงานทุกคนมองว่าฉันแอบชอบภานุ อยู่ฝ่ายเดียว ตอนนั้นฉันรู้สึกงงเหมือนกัน เพราะในความรู้สึกของฉันนั้น ฉันคิดว่า ภานุ เขาแสดงออกว่าเขาชอบฉันนะ และเขาก็แสดงว่าห่วงใย ใส่ใจฉัน แคร์ความรู้สึกฉัน แต่ฉันลืมคิดไปว่า สิ่งที่เขาแสดงนั้นมันแสดงออกเฉพาะกับฉันเท่านั้น อาจจะเป็นเวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันวันหยุด หรือไม่ก็แสดงออกด้วยคำพูดทางโทรศัพท์เท่านั้น
ฉันยอมรับว่าฉันมองโลกแคบ ไม่ทันคน ฉันมองแค่ด้านเดียว เพราะฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในการคบใครเลย และฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า เมื่อเวลาใครถาม ภานุ ว่าเขาชอบฉันหรือเปล่า เขาจะตอบแค่ว่า แค่แอบปลื้มเฉย ๆ ที่ฉันทำงานเก่ง ไม่ได้ชอบฉัน
ตอนนั้น ฉันรู้สึกสับสนมาก ว่าฉันจะเชื่อใครดี ฉันควรเชื่อเพื่อนที่เขามาเตือนฉัน หรือฉันควรจะเชื่อตัวเองดี เพราะถ้า ภานุ เขาคิดกับฉันแค่เพื่อน ฉันจะได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉันรู้ว่าตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มถล้ำลึกลงไปมากแล้ว ถ้าฉันรู้คำตอบที่แน่นอนฉันจะได้หยุด และห้ามใจตัวเองได้ทัน ฉันจึงตัดสินใจถามเขาทางโทรศัพท์เมื่อเขาโทรมาหา
เธอคิดยังไง กับเรากันแน่ คำถามนี้ทำให้ภานุอึดอัดไปนานเหมือนกัน
ถ้าเธอไม่คิดชอบเราจริง เราก็หยุดกันไว้แค่เพื่อนเถอะนะ อย่าให้เรื่องของเรามันไกลไปกว่านี้เลย ในที่สุดภานุก็ตอบมาว่า
ผมรักคุณนะ ถ้าผมไม่รักผมจะโทรมาหาทุกวันหรือ
แล้วเธอรู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเลย เพราะใคร ๆ ก็มองว่าเราไปแอบชอบเธออยู่ฝ่ายเดียว เพราะเธอบอกว่าเธอไม่ได้ชอบเรา
ที่ผมพูดไปอย่างนั้น ก็เพื่อปกป้องคุณนะ ผมไม่อยากให้ใครเอาเรื่องของเรามาพูดล้อคุณ ผมกลัวคุณไม่สบายใจ ภานุรีบอธิบาย
คุณอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นได้ไหม ทำไมไม่ไว้ใจผมบ้าง
ครั้งนี้เป็นการปรับความเข้าใจของเราสองคน คำพูดของเขานั้นฉันก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นควรเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่ลึก ๆ ในใจของฉันก็คงไม่อยากจะเลิกคบกับภานุเพราะเรื่องแค่นี้ ฉันอยากจะซื้อเวลาออกไปในนานกว่านี้อีกสักนิด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่...
คุณจะเชื่อไหมว่า ฉันกับภานุไม่เคยออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันเลยสักมื้อ เขาก็ไม่เคยชวนฉันไป เวลาพักเที่ยงเขาก็ขับรถพา น้องนุช และเพื่อน ๆ ในแผนกจัดซื้อไปทานอาหารข้างนอกเสมอ ๆ เขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่สำหรับฉันก็ได้แต่พยายามอดทน พยายามไม่คิดอะไร และพยายามไม่เอาปัญหาเหล่านี้มาทำให้เกิดปัญหาระหว่างฉันกับเขา
แต่แล้ววันหนึ่งมันก็คงถึงเวลาที่เราสองคนคงต้องจบกันเสียที ฉันรู้ว่าการที่ฉันไม่พูดความรู้สึกที่ฉันไม่สบายใจออกไปให้ ภานุรับรู้ ปัญหามันก็ทับถมตัวฉันมากขึ้น มากขึ้น ฉันมีแต่ความไม่สบายใจ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักฉัน แต่การกระทำของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันหวังอะไรจากเขาไม่ได้เลย ฉันเหมือนคนที่ไม่มีหลักยึดเหนี่ยว การแสดงออกของเขานั้น ฉันไม่รู้สึกเลยว่าเขารักฉันหรือแคร์ความรู้สึกของฉันจริง ฉันได้แต่ฟังคำแก่ตัวของเขาไปวัน ๆ เขามีฉันไว้เพื่ออะไรกันแน่ บางครั้งฉันคิดว่าฉันเป็นแค่ตัวสำรองคนหนึ่งใช่ไหม เขาทำตัวเหมือนคนที่ไม่มีพันธะหัวใจกับใคร ใครจะมาชอบเขา หรือเขาจะไปชอบใครก็ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนเขาผิดหวังจากใครคนนั้น อย่างน้อยก็ยังมีฉันที่ยังจงรักภักดีต่อเขาอยู่อีกทั้งคน...
นี่คือความรู้สึกของฉัน ความรู้สึกของคนที่ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ในสายตาของคนที่ตัวเองรัก ความรู้สึกนี่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ฉันไม่เคยไปวิ่งตามความรักแต่ความรักมันเข้ามาหาฉันเองโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และมันทำให้ฉันขาดสติ ขาดการไตร่ตรองว่าสิ่งไหนควรเชื่อ สิ่งไหนไม่ควรเชื่อ หรือจะเรียกว่าความรักทำให้ตาบอด ก็คงไม่ผิดนัก ตลอดเวลาขณะที่ฉันไม่เคยพูดว่ารักเธอ แต่การกระทำของฉันได้แสดงออกถึงความห่วงใย แคร์เธอเสมอ โดยที่ไม่เคยคิดว่าคนอื่น ๆ จะรู้ว่าฉันชอบเธอ ฉันคิดแต่ว่ามันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเราจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก เพราะเราทำด้วยความจริงใจ ตั้งใจอยากจะทำให้เขา.....(โปรดติดตามตอนต่อไป นะคะ)
6 มีนาคม 2550 22:38 น.
โนริโกะ
ในขณะที่คนคนหนึ่ง ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แต่อีกคนหนึ่งกลับมีความสุข ได้ทำตามที่ใจต้องการ ทำไมเหตุการณ์เดียวกันแต่คนสองคนกลับดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ทำไม?
หรือว่าเป็นเพราะ คนหนึ่งคือผู้กระทำ แต่อีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ แน่นอนผู้ถูกกระทำย่อมเดือนเนื้อร้อนใจ ทุกข์ใจ มากกว่าอยู่แล้ว ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้นะ
นี่ใช่ไหมสิ่งที่นายต้องการ นายอยากจะไปเที่ยว กินเหล้า ติดนักร้อง แบบที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของนายทำกันใช่ไหม ถ้านายยังมีเรา นายก็คงไม่กล้าทำ เพราะนายรู้ว่าเราไม่ชอบ หากนายได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองการกระทำที่นายได้กระทำลงไปแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี ถูกต้องเหมาะสำหรับนาย และนายก็มีความสุข
จงทำไปเลย เราก็ได้แต่ดีใจกับนายด้วยที่นายได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เพราะเราเองคงไม่สบายใจแน่ ถ้าเราต้องทำให้ใครคนหนึ่ง ต้องมาฝืนความรู้สึก มาแกล้งทำดีเพื่อเอาใจเรา แต่รู้ไหมสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่า แค่เวลาไม่นานที่เราห่างกันเธอสามารถเปลี่ยนไปเป็นคนที่เราไม่รู้จักได้ขนาดนี้ เพราะสิ่งที่เรารู้จากนายนั้น เรื่องเที่ยว หรือกินเหล้า ก็มีบ้างตามประสาผู้ชาย เราไม่เคยต่อว่านายเลย เรายังนึกชมนายอยู่ในใจว่า นายเป็นคนดีนะ ถึงแม้ว่าเพื่อนในกลุ่มนายจะเป็นคนชอบเที่ยว กินเหล้า ติดนักร้อง แต่นายก็ไม่เป็นไปตามเพื่อน ๆ นายเป็นคนที่มั่นคง ไม่ไหวเอนง่าย ๆ
แล้วทำไม นายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ และไม่นานนายก็มีใครคนอื่น เรารู้ว่าอาจจะไม่ยั่งยืนกับผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอมีอาชีพนักร้อง ทำงานกลางคืน และถึงแม้เพื่อนของนายจะบอกว่า นายคบชั่วครั้งชั่วคราว คลายเหงา อย่าโกรธนายเลย แต่ฉันคิดว่าเธอคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนฉัน เธอคนนั้นก็มีหัวใจเหมือนกัน
นายเป็นคนเลือกทางเดินของนายเองนะ ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าทางเดินของเราไม่มีวันจะเดินไปบรรจบกัน หรือแม้จะเดินเป็นเส้นขนานเคียงคู่กันไป แต่ทางเดินของเรามันสวนทางกัน เมื่อเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เราทั้งสองคนก็ยิ่งห่างกันออกไป ไกลออกไปทุกที ทุกที....