หลังจากที่ยื่นใบลาไว้แล้ว ก็ถึงเวลาส่งงานแล้วค่ะ ======================================= ลัดเลาะรอบวัด ======================================= พระจันทร์วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ เชียงแสน...
วันที่ ............เดือน ............................ พ.ศ. ........... เรื่อง ขอลางานด้วยเหตุจำเป็นของชีวิต เรียน เจ้านายที่เคารพรัก ข้าพเจ้า (นาย / นาง / นางสาว) .................................................ตำแหน่ง...........................มีความประสงค์ขออนุญาตลางานตั้งแต่วันที่............................... ถึง .................................... เป็นเวลา........... วัน เนื่องด้วยเหตุจำเป็นดังต่อไปนี้ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนักเจ้านายที่เคารพรัก ทุกวันนี้ข้าพเจ้าใช้เวลาให้หมดไปในแต่ละวันด้วยร่างกายที่คล้ายกับร่างไร้วิญญาณ ความตื่นเต้นในชีวิตข้าพเจ้าลดน้อยลงทุกวัน จนเมื่อ 2-3 วัน ที่ผ่านมาสวรรค์มีตาได้นำพาให้ข้าพเจ้าได้พบกับสกู๊ปเกี่ยวกับการเดินทางในเว็ปไซต์หนึ่ง ซึ่งทำให้หัวใจของข้าพเจ้าเต้นแรงขึ้น และได้รับรู้ว่าในโลกใบนี้มีสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย และอยู่ไม่ห่างไกลเกินกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างข้าพเจ้าจะไปถึง การได้เดินทางไปค้นหาและสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง น่าจะเป็นการเปิดมุมมองและโลกทัศน์ให้กับข้าพเจ้าได้มากกว่าการเปิดดูเคเบิลทีวีในออฟฟิสเป็นแน่แท้ มีอะไรบางอย่างเรียกร้องข้าพเจ้าอยู่ รอข้าพเจ้าอยู่ข้างหน้า หากข้าพเจ้ายังไม่ทำอะไรซักอย่าง ชีวิตของข้าพเจ้าคงไม่ต่างอะไรกับนกกระจอก กระจอกตัวหนึ่งที่วนเวียนอยู่ชายคาบ้านเดิมๆในขณะที่นกฝูงพันธุ์อื่นๆ กำลังกระพือปีกอยู่เหนือมหาสมุทรอีกซีกโลกหนึ่ง เจ้านายที่เคารพรัก หาก ชีวิตคือการเดินทาง ดังที่ใครหลายคนได้กล่าวไว้จริง ได้โปรดเปิดกรงทองให้ข้าพเจ้าได้ออกไปรู้จักความหมายของชีวิตและโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเราอาจเดินทางไปไหนด้วยตนเองไม่ได้แล้วก็เป็นได้ ดังนั้นจะมัวรอช้าอยู่มิได้แล้ว การออกเดินทางของข้าพเจ้าในครั้งนี้มิใช่การย้ายถิ่นฐานไปอย่างถาวร ข้าพเจ้าจะหวนกลับมาในเวลาที่ระบุไว้ พร้อมไฟในใจและพลังในการทำงานที่มากกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะส่งผลต่อคุณภาพการงานและบรรยากาศทำงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปดังนั้นโปรดอย่างเพิ่งรับสมัครพนักงานใหม่ในช่วงที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ สุดท้ายนี้ หากเจ้านายที่เคารพรักมีความเห็นคล้ายกับแม่น้ำทั้งห้าในจดหมายใบลาฉบับนี้ และมีเมตตาอนุญาต ข้าพเจ้าขอให้คำมั่นสัญญาว่า งานการทั้งหลายของข้าพเจ้าที่ยังคงค้างอยู่บนโต๊ะในวันนี้จะถูกจัดการให้หมดสิ้นไปโดยเร็วก่อนที่จะออกเดินทางตามหาความหมายของชีวิตในวันต่อไป ขอให้เจ้านายคลายความกังวลไปได้ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ.........................................................ผู้ขออนุมัติ ป.ล. หากท่านได้รับใบลาลักษณะเดียวกันนี้จากพนักงานคนอื่นอีก กรุณาอย่าแปลกใจ และให้ความเมตตาต่อเขาด้วย ความเห็นของผู้อนุมัติ อนุมัติ และมีความเห็นให้ออกเดินทางโดยด่วน อนุมัติ และมีความประสงค์ให้สำรองที่นั่งบนรถเผื่อด้วยจำนวน ............ ที่ ลงชื่อ .......................................... ผู้อนุมัติ
๓ มี.ค ๒๕๕๔ สามวันที่ผ่านมาทำให้ฉันได้รู้คุณค่าของ ยาหอม ขึ้นอีกเยอะเลย เช้าๆอาจเป็นเวลาที่ใครๆนั่งจิบกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นๆกัน แต่ตัวฉันนั่งจิบยาหอม ยามบ่าย เป็นเวลาพักเบรคของใครต่อใคร ต่างจิบกาแฟกัน ส่วนตัวฉันจิบยาหอม ก่อนนอน บางคนดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย ส่วนตัวฉันผ่อนคลายด้วยการจิบยาหอม เหตุเกิด ณ ตีสามของวันที่ ๒๘ กุมภา โอ...ช่างเลือกเวลาได้ดีจริงจริง ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ปรกติจะเป็นคนหลับลึกตื่นอีกทีเช้าเลย แต่คืนนั้นสะดุ้งตื่นเหลือบดูนาฬิกาหัวเตียงตีสาม ขณะที่กำลังจะลุกไปห้องน้ำ ก็รู้สึกว่าบ้านหมุน หน้ามืดตาลาย เวียนศรีษะซะงั้น ฉันค่อยๆทรุดตัวลงนอนช้าๆ แต่กลับรู้สึกว่าบ้านหมุนกว่าเดิม ตอนแรกคิดว่าเลือดคงไปเลี้ยงสมองไม่พอ เลยเอาหมอนออกนอนราบบนที่นอน แต่กลับเป็นหนักกว่าเดิม ก็เลยเอาหมอนหนุนเพิ่มขึ้นเป็นสองชั้น แล้วเอามือบีบระหว่างคิ้วสักแป๊บแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น บ้านหายหมุนแล้วแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ พอเวลาผ่านไปหลายนาทีฉันลองพลิกตัวนอนตะแคง คราวนี้อาการบ้านหมุนกลับมาอีก ไม่ว่าจะซ้ายจะขวา ก็หมดสิทธิ์ ด้วยความที่ฉันเป็นคนนอนดิ้นและชอบนอนตะแคง สัญชาติญาณเลยบอกว่าต้องบล๊อคตัวเองให้อยู่เฉยๆ ฉันค่อยๆใช้เท้าเขี่ยๆหมอนที่มี มาขนาบข้างซ้ายขวา และบล๊อคคอไม่ให้ขยับและข่มตาหลับจนเช้า กริ๊งงงงงงง..........กริ๊งงงงงงงงงงงงง ตอนแรกคิดว่าเสียงนาฬิกาปลุก อาการบ้านหมุนหายไปแล้วแต่ยังไม่กล้าขยับตัวมากนัก เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่ฉันเอามาวางไว้ข้างหมอนตั้งแต่เมื่อคืน หน้าจอขึ้นว่า "ลิงคลองสาน" นกรู้อีกแล้วนะลิงอ้อย เวลาฉันเป็นอะไร เกิดอะไรในชีวิต ช่วงเวลาสำคัญ ถ้าไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ก็จะเป็น ข้อความของแกรทุกทีสิน่าที่เดลิเวอรี่มาหาโดยที่ไม่ต้องเรียก "ฮาโหล แง่บๆๆๆ" "แกร ยังไม่ตื่นเหรอ เป็นไรฟระเสียงไม่ใสเลย" "ลุกไม่ขึ้นอ่า...ไม่สบายยยยย" (เสียงงัวเงีย) "เดี๋ยว แกรเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เมื่อวานหัวค่ำยังคุยโทรศัพท์กันอยู่ สามลิง ดีๆอยู่เลยนะ ตรูจำได้ว่าวางสายสามทุ่มครึ่ง" "ก็เป็นตอนตีสามอ่ะ โลกหมุนรอบตัวตรู หรือตรูหมุนรอบโลกก็ไม่รู้" "เฮ้ย...แล้วแกรกินไรยังเนี่ย" "ยังอ่ะ" "ยาอ่ะ แกรกินยาไรยัง" "ยังอ่ะ ลุกไม่ขึ้นตรูนอนนิ่งๆตั้งแต่เมื่อคืน" "ไอ่บร้า หายากิน หาไรกิน แกรมีป่ะยาอ่ะ ในบ้านมียาไรมั่ง" "ไม่รู้ ยังไม่ได้หาอ่ะ " "ไอ่ฝน แกรฟังตรูนะ ยาหอมถ้ามีแกรชงกินเลยช่วยได้ มะนาวก็ได้ หาไรกินรองท้องด้วย" "อืมๆๆๆ...เดี๋ยวตรูลงไป" "นั่นแหละ ถ้าไม่หายต้องไปหาหมอแล้วแกร" "อืมมๆๆๆๆ" "ถ้าไงก็กินอะไรรองท้อง กินยา แล้วก็นอนพักไปเลย ถ้าไม่ดีขึ้นไปหาหมอเชื่อตรู" "อืมม ได้ๆ" "เห็นป่ะ ตรูโทรมาได้จังหวะทุกทีเลย" "เออดิ...แกรนี่ตรูกลัวนะเนี่ย" "ฮ่าๆๆ แค่นี้ก่อนนะนอนพักซะ อย่าลืมหาไรกิน" "อ้อ...รักษาตัวให้รอดถึงวันเกิดแกรนะเฟร้ย" อิอิ "แหม...แกรนี่...รู้น่า" หลังจากได้ยินเสียงแว๊ดๆของไอ่ลิงอ้อยกระตุ้น ฉันก็ค่อยๆกระดึ้บๆลงจากเตียง เดินกระย่องกระแย่งราวกับซอมบี้ก็ไม่ปาน ลงไปคุ้ยๆตู้ยา เจอแต่ ยาหอม ยาลดไข้ และยาทาภายนอก ยาหอมนี่ล่ะตรงกับอาการที่เป็นอยู่ที่สุด ว่าแล้วก็ชงกับน้ำอุ่นค่อยๆจิบ อื้อ...อร่อยแฮะ ยาหอมของแม่ พูดให้ถูกก็คือ แม่ลืมทิ้งไว้นั่นเอง เห็นแม่ชงให้น้ากินตอนที่ไม่สบายเมารถ จากนั้นก็เดินไปต่อห้องครัว มีแต่ ฝรั่ง ชมพู่ อืมม...คว้าฝรั่งมาลูกนั่งเคี้ยวกร้วมๆ แล้วก็จิบยาหอมไปด้วย พยายามทำคอแข็งๆ นั่งตัวตรง ไม่ก้มไม่เงย ไม่เอียงไปไหน สักพักก็รู้สึกดีขึ้น ก็พาน้องหมาไปเเดินเล่นข้างบ้าน สักแป๊บก็รู้สึกหน้ามืดอีก ก็เลยขึ้นไปเอนต่อทั้งหมาทั้งคน สะดุ้งตื่นอีกทีบ่ายกว่าๆ ค่อยๆกระดึ้บ กระดึ้บลงบันไดมา สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงงงงง คราวนี้เป็นน้าโทรมาจากญี่ปุ่น ก็คุยกันถึงอาการน้าบอกว่าน้าก็เคยเป็นแต่ของน้าจะอ้วกทั้งคืนเลย ต้องอุ้มถังขยะไว้ตลอดทั้งคืน โห....ฟังแล้วเราน้องๆไปเลย น้าบอกว่านอนพักเยอะๆช่วยได้ ถ้าไม่หายไปหาหมอนะอย่าลืม ทิ้งช่วงไปสักพัก..... กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง หน้าจอขึ้นว่า "ลิงคลองสาน" พยาบาลเดลิเวอรี่ "ฮาโหลลลล" "เสียงแกรยังไม่ใสเลยอ่ะ กินไรยัง กินยายัง" "กินยาหอม กับ ฝรั่ง" "โห ฝรั่งนี่อ่ะนะ ไม่มีอะไรให้กินเลยเหรอแกร" "ความจริงวันนี้เป็นวันซื้อของเข้าบ้านของตรูไง แต่ตรูไม่ได้ไป" "แกรเลยไม่มีอะไรกินเลยเหรอ" "เปล่า ความจริงมันกินอะไรไม่ลงด้วยล่ะ มันผะอืดผะอมไงไม่รู้ แต่บ้านไม่หมุนแล้ว" "ไอ่ฝน ตรุว่านะอาการแกรมันจะเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันซะละมั๊ง" "อ่า...มันโรคคนแก่ไม่ใช่เหรอแกร ยายตรูเคยเป็น" "มันเกิดขึ้นได้กับทุกวัย อย่างเพื่อนตรูนะ บลาๆๆๆๆ" (มันเล่าต่อเป็นคุ้งเป็นแคว) "อืมมๆแต่ตรูแค่เวียนหัว ไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น เมื่อกี้น้าตรูโทรมา น้าตรูยังเป็นหนักกว่าตรูอีก" "แกรก็เลยคิดว่า แกรแข็งแรงกว่าน้าว่างั้นเถอะ" "เออดิ" (อีโม ยืดอกภูมิใจ) อิอิ "ไอ่ฝน ฟังตรู ร่างกายคนเรามันไม่เหมือนกันนะ แกรอยู่คนเดียวด้วย เป็นดึกๆขึ้นมาทำไง" "เออน่า...ตรูดีขึ้นแล้วจริงๆแกร" "งั้นแกรก็พักผ่อนเยอะๆ ไม่หายไปหาหมอเลยนะ" "อื้มๆๆ" และแล้วก็ผ่านพ้นไปได้อีกคืนในลักษณะบล๊อคคอให้อยู่เฉยๆท่าเดิมเป๊ะ เช้าวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ตื่นเช้ามารู้สึกร่างกายสดชื่นขึ้นเยอะ ก็เลยเดินลงบันไดมาต้มข้าวกิน นั่งกินข้าวต้มขาวๆซดน้ำข้าวอุ่นๆ พลางบอกตัวเองว่า "กินเพื่ออยู่" ท่องในใจซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ชงยาหอมกินอีกแก้วใหญ่ๆ ค่อยๆนั่งละเลียดจิบยาหอมราวกับนั่งจิบกาแฟรสเลิศก็ไม่ปาน สักพักน้าก็โทรศัพท์มาถามอาการ สามารถคุยกับน้าเสียงเจื้อยแจ้วได้แล้ว พอวางสายน้าไป "หน่อย" ก็ส่งข้อความมาจากเชียงราย "วันนี้หวยออกอายุแกรอ่ะ" ข้อความที่หนึ่ง ตอบกลับไปว่า "ไม่สบายนอนก่อนน๊า" (ยังไม่อยากพิมพ์อะไร ตาชักลาย) เสียงตะดิ้งๆ มาอีกว่า "โห วัยทองๆ แก่แล้ว ฮ่าๆ" ข้อความที่สอง ตอบกลับไปว่า "เออ..." (มันคงลืมไปว่าถ้าตรูแก่ คิดหรือว่าแกรจะรอด) ในวงเล็บคิดในใจ ตะดิ้งๆๆๆๆ.........โอย ทำไมวันนี้ส่งข้อความรัวงี้ฟร่ะเนี่ย เริ่มเวียนหัวแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่หรี่เสียงโทรศัพท์ให้เบาลง....แล้วก็ตะกายขึ้นไปพัก บ่ายแก่ๆกระดึ้บ กระดึ้บลงจากเตียงมา ดูข้อความที่หน่อยรัวมาเป็นชุดเมื่อบ่าย...ท่าทางสำนึกผิด อิอิ "อย่าปล่อยให้เป็นเยอะ" "หาหมอยัง" "กินยายัง" "แก่แล้วดูแลสุขภาพด้วยนะ" (ไม่วายๆ) นั่งอ่านไปก็อมยิ้มไป หน่อยนี่ส่งข้อความสั้นๆห้วนๆคล้ายๆไอ่ลิงสุราษฎร์เลยนะเนี่ย แต่ไม่ได้ตอบกลับ เดินสะโหลสะเหลไปห้องครัว ตักข้าวต้มมากินอีกครั้ง ท่องคาถาสำหรับคนป่วย "กินเพื่ออยู่" แล้วต่อด้วยยาหอมอุ่นๆอีกแก้ว นั่งเอนหลังดูทีวี อาการวิงเวียนหายไปแล้ว กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงง หน้าจอขึ้นมาว่า "ลิงสุราษฎร์" "ฮาโหล" "เป็นไงมั่งแกร เจ๊อ้อยโทรมาบอกว่าแกรเปื่อย" "โห มังอวยตรูใช่ป่ะเนี่ย... อิอิ...ไม่ต้องเป็นห่วง หายดีแล้วล่ะ กินข้าวต้มได้แระ" "แกรลุกทำอะไรกินได้ก็หายห่วงแระฟร่ะ" "ตรูกินยาหอมตลอดเลย แกรว่าเวียนหัวกินโซดาได้ป่ะ ตรูมีมะนาวกับโซดาอยากกินอ่ะ" (พยายามหาพวกร่วมรับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินถ้าเป็นอะไรไป...ฮ่า) "ได้มั๊งแกร แกรอยากกินอะไรกินเลยฝน" (เสียงไอ่ลิงพยายามให้ความมั่นใจเพื่อนแบบกล้าๆกลัวๆ) มือก็สาละวนไปกับการทำมะนาวโซดากิน (เอาโทรศัพท์หนีบไว้ระหว่างไหล่กับคอ ถ้าเป็นอะไรไปเสร็จแน่ มีดอยู่ในมือไอ่ฝนเอ๊ย...วะฮ่า) "แกร พักรักษาตัวเลยนะฝน เจอกันวันที่ ๕ มีนา ทีเดียวเลย เพราะตรูก็ไม่ค่อยว่าง แกรไม่สบาย เจ๊ก็ไม่ค่อยมา" (ไอ่ลิง พยายามบอกให้เชื่อว่าเพราะแกรไม่สบายตรูถึงไม่เข้า...อิอิ) "ได้ๆ แกรจะโผล่อีกทีวันที่ ๕ เชๆได้ๆ" "แค่นี้นะ รักษาตัวเองดีๆล่ะ" ไอ่ลิงหารู้ไม่ว่า ไอ่ลิงเชียงรายโผล่เฮดไปลั้นลาในบ้านกลอนเป็นพักๆ พอรู้สึกว่าตาลายก็ออก และแล้วก็ผ่านไปอีกคืน....อ้อ คืนนี้นอนตะแคงได้แล้ว...เย้...."อิสระ" สะกดอย่างนี้นี่เอง เช้าวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ น้าก็โทรมา คราวนี้คุยลั้นลาได้ปกติ เฮฮาได้กว่าเดิม อิอิ พอวางสายจากน้าสักแป๊บ หน้าจอก็ขึ้นว่า "ลิงคลองสาน" "เหวย" กรอกเสียงใส่หูมันเต็มที่ "เฮ้ย มันเสียงใสแล้วนี่หว่าวันนี้" เสียงลิงคลองสานแปลกใจระคนดีใจลอยมาเข้าหู...คาดว่ามันคงอึดอัดไม่มีคนชวนทะเลาะหลายวัน...ฮ่า "แม่น ตรูหายแระ" ( ยืดอกพกยาหอม...อิอิ) "ตรูว่าแกรคงจะผูกพันกับยาหอมไปอีกนานเลยฟร่ะ" เสียงลิงคลองสานเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล "ตอนนี้ตรูไม่มีความอยาก ชา กาแฟ เลยอ่ะแกร ตรูติดยาหอมงอมแงม" (เรื่องจริงเลยท่านผู้ชม ยาหอมอร่อยมาก) "ของแกรตราอะไร บ้านตรูกิน ร้อนแปดจำพวก" (ลิงคลองสานเริ่มสำรวจตู้ยาชาวบ้าน) "ของตรูตราห้าดีเจ" อิอิ ลิงเชียงรายเกทับ "แม่ทิ้งไว้ เออ จะให้ถูกก็คือแม่ลืมทิ้งไว้น่ะ" แต่ที่ไม่ได้เล่าให้ไอ่ลิงอ้อยฟังก็คือ คืนนั้นหลังจากอาการดีขึ้นเพราะยาหอมของแม่ ก็นอนน้ำตาไหลคิดถึงแม่ ขึ้นมาไม่รู้ตัว เสียงในหัวได้ยินเพลง "คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล อยากกลับไปซบลงที่ตรงตักแม่" ........... แล้วพลันก็ได้ยินเสียงแม่ลอยเข้ามาในหัวว่า " ไม่สบาย กินยาสิ จะกลับมาซบตักแม่ทำไม" ฮ่าๆ....แม่ของลิงเชียงรายเองท่านผู้ชม...ขนาดไม่สบายยังมิวายคิดพล๊อตเป็นเพลงได้อีกแน่ะ....ขำชะมัด...นอนหัวเราะหึหึ ขำกับมุกในหัวของตัวเอง พอหายก็เม้าส์ต่อได้เป็นคุ้งเป็นแคว "ตรูไปเซิร์ชข้อมูลมาแระแกร อาการตรูเข้าข่ายน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ของตรูเป็นระยะแรกๆไม่รุนแรง ของคนอื่นรุนแรงกว่าเยอะเลย บางคนมีอาการ หน้ามืดตาลาย อาเจียน ท้องเสีย หูอื้อ เหมือนได้ยินเสียง จั๊กจั่นจิ้งหรีดอยู่ในหูเลย บางคนถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลยก็มี" ลิงเชียงรายบรรยายข้อมูลที่ศึกษามา ฉอดๆๆๆๆ "แล้วแกรคิดว่าแกรจะไม่มีโอกาสเป็นเหรอฟระฝนอาการแบบนี้" ไอ่ลิงอ้อยผ่ากลางลำขึ้นมา... "ก็ตรูสันนิษฐานเอาไงว่ามันมาจากพฤติกรรมการกิน การอยู่การนอนของตรูแหงๆ" "ตรูก็จะปรับพฤติกรรมตัวเองก่อนที่จะเป็นเยอะไง ตรูว่าต้องเกี่ยวกับที่ตรูนั่งหน้าจอนานๆ นอนดึกๆ แหง" "เออดิ...แสงจากคอมก็มีส่วนนะแกร" "อืมม" แล้วก็จบไปกับการวิเคาระห์ วิจัยอาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันจากสองลิง เหนือ กลาง แล้วก็คุยเล่นเฮฮาไปตามประสา.... ท้ายนี้ฝากเพื่อนๆดูแล รักษาสุขภาพตัวเองกันด้วยนะคะ "อโรคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ข้อมูลข้างล่างรวบรวมจากเว็บข้างล่างนี้นะคะ มีประโยชน์มากๆเลย http://share.psu.ac.th/blog/padkmsharing/440 โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นโรคที่แรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ของเหลวที่อยู่ภายในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะคั่งมาก ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและความสมดุล จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้น เมื่อแรงดันมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกตึงๆ ในหูข้างที่ผิดปกติ ส่วนอาการของโรคที่พบบ่อยๆของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันจะเริ่มต้นกันด้วยอาการเวียนศีรษะที่รู้สึกเหมือนกำลังหมุนไปพร้อมๆกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ลักษณะอาการคือจะเกิดขึ้นในทันทีทันใด อาจจะเป็นอยู่นานกว่า 20 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมง อาการดังกล่าวมักเป็นรุนแรง แต่ไม่ทำให้หมดสติหรือเป็นอัมพาต เมื่อหายเวียนศีรษะ ผู้ที่เป็นจะมีความรู้สึกเหมือนเป็นปกติ ต่อมาเป็นอาการ หูอื้อ อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ถ้าเป็นระยะแรกๆ จะสูญเสียการได้ยินแค่ชั่วคราว หลังจากหายเวียนศีรษะแล้ว การได้ยินจะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะบ่อยๆ หรือเป็นมานาน อาการหูอื้อมักจะเป็นถาวร บางครั้งอาจถึงขั้นหูหนวกไปเลยก็เป็นได้ อาการที่มีเสียงดังในหูและ อาการตึงๆ ภายในหูคล้ายกับมีแรงดัน ผู้ป่วยจะมีเสียงดังในหูข้างที่ผิดปกติ และจะเกิดแรงดันของน้ำอาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนี้อาจเป็นได้ตลอดเวลาหรือเป็นเฉพาะขณะที่เวียนศีรษะ แล้วเมื่อเป็นแล้วควรทำอย่างไร..... ง่ายๆ เพียงมีการควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีรสชาติเค็ม โดยจำกัดเกลือ ขอแนะนำนะค่ะว่าให้เติมเกลือลงในอาหารวันละไม่เกิน 2 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชาเท่านั้น ส่วนการรักษาโดยการใช้ยาเรามีหลายชนิดมาแนะนำเช่นกันค่ะไม่ว่าจะเป็น ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ควรใช้ในขณะที่มีอาการเท่านั้น ยากล่อมประสาทและยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ และ ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยลดอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน หากยังไม่ดีขึ้นก็ควรที่จะไปรับการรักษาจาก แพทย์เพื่อที่จะรับการพิจารณาและทำการผ่าตัดต่อไป แต่สิ่งที่ดีที่สุดของการรักษาคุณควรที่จะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และทำร่างกายให้แข็งแรง สมบูรณ์ เพียงแค่นี้โรคต่างๆก็ไม่สามารถมาเคาะประตูหน้าบ้านของคุณได้แล้ว