ณ หมู่บ้านหนึ่งที่ใกล้ความเจริญน้ำไฟถึง (ฮ่า) ๑๗.๐๐ น. หิวอะไรหว่า คุ้ยๆตู้เย็นก็ไม่มีอะไรที่จะตอบโจทย์ของกระเพาะได้เลย แต่ในที่สุดสถานที่หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว....เขียวแดงๆ หาใช่บิ๊กซีไม่... แต่สถานที่นั้นคือ 7eleven นั่นเองอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักนั่งรถเมล์ไปป้ายเดียวก็ถึง แต่สิ่งที่แม่นยิ่งกว่าจิ้งจกร้องทักตอนก้าวขาออกจากบ้านคือ ถ้าคุณเจออุปสรรคตั้งแต่ยังไม่พ้นประตูบ้าน เตรียมตัวเตรียมใจรับสิ่งที่คาดไม่ถึงได้เลย(หาใช่เพราะเข็มขัดสั้นไม่ :p) แม้คุณไม่อยากจะรับก็ตาม ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานแม่นงคราญก็พร้อมไปหาของกินแล้ว แต่จักรยานเจ้ากรรมยางดันแบนเลยต้องเสียเวลาสูบลมก่อน(ลางมาแระ) พอยางรถเด้งดึ๋งดั๋งก็พร้อมลุย(คิดในใจ เด้งไปป่ะว๊า) แต่ช่างเหอะ....ปั่นจักรยานไปจอดหน้าป้อมยาม แล้วพูดกับยามว่า "ฝากจักรยานด้วยนะคะ" ยามก็ตอบกลับมาว่า "ได้ครับ" แต่ได้ยินเสียงแว่วๆตามหลังมาว่า "ถ้าจักรยานหายหัวหน้ารับผิดชอบไปเลยนะ" คิดในใจ"ไรว๊ายามพวกนี้ เดี๊ยะๆ" ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ สองนาทีผ่านไป หลังจากนั่งรถเมล์ไปป้ายเดียวก็ถึงเซเว่นสมใจ.... "สวัสดีค่ะ" เสียงพนักงานขายทักทายลูกค้าอย่างแข็งขันและรอยยิ้มที่สดใสก็พลอยทำให้ใจแช่มชื่นไปด้วย เท้าไวกว่ากระเพาะ เดินตรงไปที่ชั้นขนมปัง โอ้....สวรรค์ของคนหิวโดยแท้....คิดไปถึงบรรยากาศยามเช้าของพรุ่งนี้ล่วงหน้า ถ้าได้จิบกาแฟหอมกรุ่นกับขนมปังอุ่นๆอร่อยคงสุดยอดเกินคำบรรยาย แต่จะกินอะไรดีน๊อพกตังค์มาไม่พอเหมาหมด(เว่อร์ซะ อิอิ) ถ้าคิดอะไรไม่ออกดูป้าย "สินค้าขายดี" เคล็ดลับ ลวง พราง อิอิ ได้ ขนมปังไส้กรอกมินิบัน,ขนมปังลูกเกด,ขนมปังโฮลวีทไซส์เล็กไว้ทำเฟร้นโทสต์ พอยังนะ....(ยัง) สายตาก็เหลือบแลๆไปทั่ว เห็นสินค้าขายดีอีกชิ้นที่เหลือชิ้นสุดท้าย "เดนิชลูกเกดอัลมอนด์" ว้าววววว พรหรมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ไม่รอช้ารีบหยิบใส่ตระกร้าก่อนจะมีใครมาปาด(เรียนรู้จากการเล่นแฮ้บไข่)ฮ่า คิดตังค์เสร็จสรรพได้เวลากลับบ้านแล้ว อากาศเย็นสบายแดดไม่มีแล้ว เดินออกกำลังดีกว่า เดินไปก็ฮัมเพลงไปได้ขนมถูกใจมาเป็นตับ เอ๊ย เป็นถุงแล้ว อิอิ แต่อาหารเย็นจะกินอะไรดีหว่า...ไม่อยากทำอาหารแล้ววันนี้ พอเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นใกล้บ้านก็เลยเลี้ยวเข้าจอด เอ๊ย เลี้ยวเข้าไปนั่ง "หมี่ตุ๋นทุกอย่างสองถุง" (สั่งอย่างโปรฯ) พอได้อาหารเย็นกลับบ้านก็ปีน เอ๊ย ขึ้นสะพานลอยเข้าหมู่บ้านไม่ลืมแวะเอาจักรยานคู่ใจ แล้วก็ปั่นเข้าซอยอย่างสบายใจ ผ่านลูกระนาดอย่างโปรฯ แต่ด้วยความที่สูบลมมาใหม่ความเด้งของยางก็ส่งผลให้ขนมปังลอยหวือ ออกจากตระกร้าจักรยานไปไม่สามารถบ่งบอกรูปพรรณสัณฐานได้ว่าเป็นอะไร เบรคกึก....ตั้งขาตั้งจักรยาน..... แต่...แต่....แต่ รถที่ตามหลังมา ก็เหยียบเข้าให้.... คิดในใจ(ขนมปังช๊านนนนนนนนนน) มองตามหลังรถคันนั้นไปอย่างอาฆาต เพราะตอนนั้นเห็นจะๆว่าขนมปังลอยไปตกกลางถนน และรถก็ชะลอความเร็วลง คิดในใจ "ใจดีจัง" แต่ดั๊นไม่จอด ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบก็ต้องหยุดกึกและยืนมองขนมปังถูกทับไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความเสียดายขนมปังที่ซื้อมาก็ตรงเข้าไปสำรวจ(กินได้อยู่ป่ะว๊า) แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะขนมปังแบนราบติดถนน แต่สิ่งที่ระบุได้คือถุงขนมปัง "เดนิชลูกเกดอัลมอนด์" แว๊กกกกกกกกกก ขนมปังช๊านนนนน ฮืออออออ......วิมานที่วาดไว้หลุดลอย แล้วรถคันตะกี้ก็ผ่านหน้าไปอย่างช้าๆเสมือนกับว่า "ตรูไม่ได้ทำอะไรเฟร้ย" จบเรื่องเล่าของเย็นวานด้วยความร้าวรานเต็มหัวใจ T_T ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ดุ๊กดิ๊ก Little bear จากเว็บข้างล่างค่ะ http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=7&post_id=75972&title=Dook-Dik-Little-Bear-มาอีกแย้ววว-!!-
ฉันค่อยๆหยิบกระดาษเขียนจดหมายสีขาวขนาด A4 ที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชักมานาน ออกมานั่งมอง และอดคิดไม่ได้ว่า "ได้เวลาเดินทางแล้วสินะ" การเดินทางที่มีจุดหมายปลายทางคือคนที่คุ้นเคย แต่ทว่าเป็นเส้นทางที่ไม่เคยคุ้น และแม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่าเป็นอย่างไร เจ้าคงต้องออกผจญภัยด้วยตัวเองแล้วล่ะ "เรือบินเล็กของฉัน" จงบินไปหาผู้รับสารที่ฉันต้องการจะส่งถึง ช่วยเป็นตัวแทนของฉันทีนะ... เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็เริ่มเก็บรวบรวมปากกาที่อยู่กระจัดกระจายตามที่ต่างๆ ให้มานอนแอ้งแม้งอยู่ด้วยกันในตระกร้าสานใบย่อม ที่มีปากกาอยู่ก่อนแล้วสามสี่ด้าม บางด้ามก็หมึกจางเพราะวางอยู่ที่เดิมมานานโดยไม่ได้ผ่านมือคนใช้ น่าเสียดายจริงที่แม้แต่ปากกาก็มีเวลาที่หมึกจางหรือ หมึกหมด คงเหมือนกับคนเราที่บางครั้งก็เขียนอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ได้เรื่องหลายครั้งหลายคราตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี ทุกครั้งที่เริ่มลงมือเขียน ก็อดขำไม่ได้กับอารมณ์ ณ เวลานั้นที่ได้ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือและลายมือยึกยือเจ้าเก่า ที่มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า "ตัวหนังสือใหญ่เท่าหม้อแกง แถมช่องไฟหมาลอดได้อีกต่างหาก" ฮ่า....อย่าได้แคร์ เนื้อความในจดหมายอ่านทวนอีกกี่ที ก็ดูคลับคล้ายรายการบันเทิงดีๆนี่เอง ท่าทางผู้รับสารและผู้ส่งสารจะรวยอารมณ์ขันพอกัน อิอิ การเดินทางด้วยวิธีนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากไม่มีพี่ไปรษณีย์ที่ใจดีทุกท่านคอยประสานงา เอ๊ย... ประสานงานช่วยส่งผ่านไปให้ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย ขอบคุณจริงๆค่ะ ถ้าเปรียบไปพวกพี่ก็คงเหมือนเป็น กัปตันประจำเรือบินลำเล็ก ลำนี้นี่เอง.... จะรอคอยการมาของเรือบินลำน้อย ณ อีกโพ้นฟ้า หวังว่าคงลงจอดถูกหลังนะ อิอิ ขอบคุณไลน์สวยๆจากเว็บข้างล่างค่ะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kungguenter&month=03-2009&date=27&group=21&gblog=32 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=miwchan&month=06-12-2007&group=4&gblog=6