19 มิถุนายน 2550 13:07 น.
โคลอน
เช้าวันนี้มีนัดฟังผลตรวจร่างกายของ ยาย หลังจากที่เมื่อวานน้าพายายมาตรวจ....ช่วงเวลาที่รอผลอยู่หน้าห้องตรวจใจก็มีตุ๊มๆต่อมๆแต่ก็พยายามไม่ให้ยายจับสังเกตุได้เลยหยิบนิตยสารมาอ่านเล่น...ตอนแรกก็อ่านแค่ฆ่าเวลาเฉยๆจนมาถึงคอลัมน์หนึ่งชื่อว่า...***คุณจะทำอะไรดีๆกับคนแปลกหน้า***เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามทำดีกับคนแปลกหน้าภายใน1วัน...เท่าที่จำได้คร่าวๆก็มีหลายอย่างเช่น
1.เข้าไปในเซเว่นทักทายตอบพนักงานขายอย่างตั้งใจและถามไถ่ว่าทำงานเหนื่อยมั๊ย...ซึ่งพอไปสอบถามพนักงานขายที่เคาน์เตอร์ก็บอกว่าตอนแรกตกใจเพราะตั้งแต่ทำงานมามีน้องคนนี้คนแรกที่ทักทายตอบอย่างตั้งใจ
2.ซื้อกาแฟให้คนที่มารอคิวต่อจากเรา...ซึ่งคนแรกไม่เอา ทำหน้าแปลกๆ...คนที่สองรับมาอย่างเบลอๆงงๆ
3.ซื้อพวงมาลัยจากเด็กแถวสี่แยกและแจกตุ๊กตาให้...ซึ่งมีเด็ก2คนที่ได้รับตุ๊กตา ยิ้มแก้มปริ เด็กคนแรกเป็นผู้หญิงตอบว่า รู้สึกดีใจ เพราะที่บ้านมีตุ๊กตาแค่ตัวเดียว และตัวไม่ใหญ่เท่านี้ จะเอาไว้นอนกอด...เด็กคนที่สองเป็นผู้ชายบอกว่าดีใจมากเพราะไม่เคยได้ของชิ้นใหญ่อย่างนี้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่คนซื้อที่ใจดีจะให้ลูกอมบ้าง ขนมบ้าง น้ำบ้าง ตุ๊กตาตัวนี้จะเอาไปวางไว้บนทีวีเพราะไม่มีเตียงและห้องนอน
4.ซื้อขนมแจกคนงานก่อสร้าง ตอนแรกเธอคิดว่า จะไม่มีใครรับ แต่พอรถติดไฟแดงตรงที่คนงานก่อสร้างผู้หญิงยืนจับกลุ่มกันอยู่ก็ลองเอาขนมยื่นให้ไปแต่ผิดคาด คนงานก่อสร้างผู้หญิงรับมาอย่างดีใจและแกะกินตรงนั้นเลยพร้อมคำขอบคุณเพราะเป็นช่วงพักทานอาหารและกำลังหิวพอดี
5.ทักทายคนแปลกหน้า...เธอเดินเข้าไปทักผู้ชายคนหนึ่งว่าเสื้อสวยดี จะซื้อไปให้เพื่อนมั่ง ซื้อที่ไหนเหรอ...ผู้ชายคนนั้นตอบแบบเขินอายพร้อมรอยยิ้มภูมิใจ...แต่พอเข้าไปทักทายคนที่สองที่เป็นผู้หญิง ปฏิกริยาที่ได้ต่างออกไป...ผู้หญิงคนนั้นบอกเพียงว่า ที่ไหนก็มีขายพร้อมสายตาระแวง...จากนั้นก็รีบเดินจากไปโดยเร็ว
6.ช่วยสาวออฟฟิศเลือกซื้อเสื้อ...แรกๆมีแต่คนถอยหนี...เพราะจากการแต่งตัวทุกคนก้รู้ว่าไม่ใช่พนักงานขาย แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ยอมพูดคุยด้วย
7.ช่วยคนเดินข้ามถนน...คนแรกรีบเดินข้ามไปก่อนที่จะทันช่วยอะไร...คนที่สองยินดีให้ช่วย
8.ช่วยคุณยายขายทิชชูข้างถนน....เธอเข้าไปพูดคุยกับคุณยายจนได้รู้ว่าคุณยายไม่มีเงินต้องมาขายทิชชูกล่องละ5บาทข้างถนนทุกวันทั้งๆที่ขาเจ็บ...เลยสวมวิญญาณนักขายช่วยคุณยายขาย แต่แอบเพิ่มราคาให้ยายเป็นกล่องละ 10 บาท แรกๆไม่มีใครสนใจแค่เดินผ่านไปเฉยๆไม่แม้จะหยุดฟังเรื่องราวที่เธออยากเล่าเกี่ยวกับคุณยาย...แต่ด้วยความพยายามสุดท้ายเธอก็ขายหมดและนำเงินไปให้คุณยาย
เราอาจจะจำตกหล่นไปบ้างแต่เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่ นิตยสารแมรี่ แคลร์ ฉบับเดือนสิงหาคม 2006 ได้จัดทำสกู๊ปนี้ขึ้น...พออ่านจบก็ทำให้เรายิ้มได้...แต่ก็ไม่นานเพราะ...
หลังจากที่ฟังผลตรวจแล้วเราก็กลับมาใจสั่นอีก...พยายามนั่งกำหนดลมหายใจอยู่หน้าเคาน์เตอร์ยา...เรานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างคุณยายของเรา กับคุณยายอีกคนที่เป็นคนแปลกหน้าและเราไม่ได้สังเกตุด้วยว่าหน้าตาท่านเป็นยังไงเพราะกำลัง อึ้งกับผลตรวจอยู่...ยายเรายังไม่รู้ผลและเราก็บอกว่า ปกติไม่เป็นอะไร...หลังจากนั้นเราก็ไม่อยากพูดอะไรอีกเพราะมันจุกอยู่ที่คอ...จนต้องกำหนดลมหายใจอีก
สักพัก คุณยายแปลกหน้าที่อยู่ข้างๆก็ชำเลืองมอง สงสัยคุณยายจะรู้ว่าเรากำหนดลมหายใจอยู่หรือเปล่านะอันนี้เราก็ไม่รู้...เราก็เลยหันไปสบตาคุณยายแปลกหน้าคนนั้น แล้วยิ้มให้ คุณยายก็ยิ้มตอบเหมือนว่า มองเรามานานแล้ว...คุณยายแปลกหน้าคนนั้นถามเราว่า"หนูมากับคุณยายคนนั้นเหรอ" คุณยายพูดพร้อมหันหน้าไปทาง คุณยายของเราที่นั่งนิ่งๆอยุ่ข้างๆ ...เราก็ตอบไปสั้นๆพร้อมรอยยิ้มว่า "ค่ะ" คุณยายแปลกหน้าคนนั้นก็ชวนเราคุยต่อว่า "คุณยายหนู อายุเท่าไหร่เหรอ" เราก็ตอบไปว่า "อายุ 78 ปี ค่ะ ยายล่ะคะ" คุณยายแปลกหน้าคนนั้นก็ตอบพร้อมรอยยิ้มละไมว่า "ยาย 82 แล้วมาตรวจร่างกาย เป็นหลายโรคเลยทั้ง หัวใจ หลอดลม ความดัน ไธรอยด์ ข้อเข่า กระดูก" อ่า...อึ้งรอบ 2 แต่ที่เราอึ้งไม่ใช่อึ้งกับโรคที่คุณยายคนนั้นเป็น แต่เราอึ้งที่คุณยายสามารถพูดถึงโรคประจำตัวที่ตัวเองเป็นและรักษามา10ปีแล้ว อย่างอารมณ์ดีและรอยยิ้มนั้น ติดตาเราเหลือเกิน...เหมือนใครน๊อ...เราแอบคิดในใจ...หลังจากหายอึ้งเราก็พูดกับคุณยายคนนั้นว่า"คุณยายเป็นหลายโรคก็จริง แต่ใบหน้ายังสดใส แบบนี้สุดยอดเลยค่ะ" คุณยายคนนั้น หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี อืม...เรานึกออกแล้วว่าคุณยายคนนั้นเหมือนใคร...เหมือนปู่เย็น นี่เอง ต่างกันตรงที่คุณยายเป็นผู้หญิง ผิว ขาว หน้าออกหมวยๆ น่ารักจัง...เราก็เลยชวนคุณยายเรา กับ คุณยายคนนั้นคุยกัน คุณยายกำลังรอ ลูกชายที่ไปเอารถมารับอยู่...ส่วนเราก็รอรับยาให้คุณยายอยู่ก็เลยได้คุยกัน ก่อนที่คุณยายคนนั้นจะกลับก็ยังทำให้เราอึ้งได้กับคำพูดที่ว่า "ขอบคุณนะ ที่คุยกับยาย"...เรารีบตอบกลับไปว่า "ขอบคุณ ยายด้วยค่ะที่คุยกับหนู" แม้จะเป็นคนแปลกหน้าที่เจอกันพูดคุยแค่ไม่กี่นาที แต่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันจนบอกไม่ถูก เพราะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและกล้าที่จะบอก ยาย เกี่ยวกับผลตรวจเพื่อให้ ยาย ยอมรับความจริงและอยู่กับมันให้ได้ดีกว่าจะมาปิดบังและยายไม่รู้ตัวเอง และซึมเซาไปวันๆ...เราเริ่มร่ายยาว...ถึงเรื่อง จะอยู่อย่างไรให้ชีวิตมีความสุข เวลาไม่สบาย ยาย ควรกำหนดลมหายใจ ออกกำลังกายและ ทำจิตใจให้แจ่มใส โดยยกตัวอย่างคุณยายแปลกหน้าคนเมื่อกี้ให้ฟังอีกครั้ง ตอนนี้ ยายของเราเริ่ม ยิ้มแย้มและกลับมาถึงบ้านก็กินยาอย่างเคร่งครัด กินข้าวเยอะขึ้น และออกกำลังกายโดยการเดินจงกรม...นี่ขนาดวันเดียว ยายยังเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...คงเพราะคุณยายแปลกหน้าคนนั้นได้มาช่วยเพิ่มความกล้าที่จะให้เราพูดกับคุณ ยาย อย่างตรงๆและยอมรับความเป็นจริงและอยู่กับมันให้ได้อย่างมีความสุขนี่เอง.......ขอบคุณ คุณยายแปลกหน้าคนนั้นที่เจอกันตรงหน้าเคาน์เตอร์ยา ร.พ มงกุฏวัฒนะ...ยายคงไม่ได้มาอ่านหรอกแต่อยากขอบคุณจริงๆค่ะ...บางครั้งกำลังใจจากคนแปลกหน้าก็มีค่ามากมายในชีวิต